ก่อนอื่นก็ต้องขอชมเชยคนถามก่อนว่า อย่างน้อยก็ยังรู้ว่าควรล้าง 555 เพราะคนส่วนใหญ่มักจะไม่ได้คิดถึงข้อนี้เลยจนกว่า “แอร์มันจะไม่เย็น” เอาล่ะ จริงๆ จากคำถามนี้มันก็สามารถต่อยอดไปได้อีกหลายๆ คำถามนะ ตอนสุดท้ายของเรื่องแอร์นี้ผมขอตั้งเป็นแบบ “ถาม-ตอบ” ละกันนะครับ

- เราควรล้างแอร์บ่อยแค่ไหน? (ทุกๆ กี่เดือน?)

คำถามนี้นั้นต้องขอบอกว่าคำตอบจะเป็นแบบ “ยอกย้อน” เล็กน้อย เพราะจะเป็นการถามกลับว่า “แล้วคุณใช้บ่อยแค่ไหน และสภาพแวดล้อมในห้องที่ใช้เป็นอย่างไร” การใช้บ่อยก็จะทำให้แอร์สกปรกเร็วขึ้นกว่าการไม่ค่อยได้ใช้งาน ส่วนสภาพแวดล้อมก็เช่น ห้องคุณมีการใช้งานอย่างไร? ถ้าคุณใช้พวก แป้ง, น้ำหอม หรือสเปรย์ในห้องมาก ก็จะทำให้แอร์สกปรกถึงขึ้นตันที่แผงรังผึ้งกันเลยทีเดียว แต่เอาแบบนี้ละกันผมขอตีคร่าวๆ ว่า

“คุณควรคิดที่จะล้างแอร์ทุกๆ 6-8 เดือน”

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าช่างมาถึงแล้วพบว่ามันยังไม่สกปรกมาก รอบต่อไปเราก็สามารถยืดระยะเวลาออกไปได้อีก (ถ้าการใช้งานยังเป็นแบบเดิม) แต่บางคนก็บอกว่า “ก็ล้างไปเลยสิ” ผมขอบอกว่าการล้างแอร์บ่อยเกินไปก็มีข้อเสียนะครับ เพราะการฉีดล้างด้วยเครื่องปั๊มน้ำแรงดันสูงบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้ฟินตรงคอยล์เย็นนั้นเปื่อยและล้มได้ในอนาคต ซึ่งทำให้คุณจะต้องเปลี่ยนรังผึ้งกันใหม่เลยทีเดียว (ซึ่งไม่ใช่ถูกๆ นะครับ) ทุกอย่าง “ใช้ทางสายกลาง” ดีที่สุดครับ

- น้ำยาแอร์สามารถหมดไปได้จริงไหม?

ช่วงที่ผ่านมามีการ Share Clip กันเรื่องที่ว่า “น้ำยาแอร์ไม่มีวันขาด อย่าให้ช่างแอร์หลอกเรา” ออกมา ถามว่าจริงไหม? ทุกเรื่องมันมีตรงกลางนะครับ ผมขอตอบว่ามัน “เป็นไปได้” นะครับ ไม่ใช่ถึงขนาด “ไม่มีวันขาด” จริงอยู่ที่น้ำยาแอร์มันไหลเวียนอยู่ในระบบที่วิ่งในท่อทองแดง แต่มันเป็นเรื่องของหลักการครับ ถ้าแอร์คุณเก่ามาก ขาดการล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ มันมีโอกาสที่จะ “leak” ได้นะครับ แต่แน่นอนถ้าเป็นแอร์ใหม่โอกาสที่เกิดก็จะยากมาก หรืออีกรณีก็คือการที่ท่อทองแดงมีปัญหารั่วหรือสึกกร่อนก็อาจจะทำให้น้ำยาแอร์รั่วไหลออกมาได้ ดังนั้นจึงอย่าเพิ่งไปตั้งแง่ว่ามันจะต้อง “ไม่มีวันขาด” แต่คุณอาจจะต้องตั้งข้อสังเกตถึงปริมาณที่ช่างบอก ความถี่ของการเติม เช่น ถ้าเติมขนาด 30-40 ปอนด์ หรือเติมน้ำยาทุกครั้งที่ล้างแอร์ มันก็แปลว่าแอร์คุณมีปัญหาแล้วล่ะ (ถ้าช่างไม่หลอกคุณนะ)

ผมตั้งข้อสังเกตนะ ถ้าช่างล้างแอร์ถูกๆ แบบ 300-400 บาท แล้วมาชาร์ตน้ำยาแอร์เยอะๆ คุณต้องดูดีๆ แล้วล่ะ

- แอร์ไม่เย็นกับเย็นน้อย ต่างกันอย่างไร?

2 ประเด็นนี้ต่างกันมาก และทำให้ช่างแอร์สามารถวินิจฉัยอาการเสียของแอร์คุณในเบื้องต้นได้แม่นยำขึ้น
แอร์ไม่เย็น คือ คอมเพรซเซอร์ไม่ทำงานเลย หมายถึงเจ้าคอยล์ร้อนที่อยู่ข้างนอกมันนิ่งๆ ซึมๆ ใบพัดไม่หมุน หรือใบพัดหมุนแต่พอเอามือสัมผัสเครื่องก็จะเหมือนคอมฯ มันนิ่งๆ ไม่เดิน อาการนี้คือมันจะไม่เย็นเลย ซึ่งการเสียก็มีได้หลากหลาย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับระบบไฟ เช่น แผงวงจร, แม็คเนติด, แคปฯรัน หรือเลวร้ายที่สุดก็คือ คอมฯพังไปเลย
แอร์เย็นน้อย คือ เย็นบ้าง แต่ลมออกน้อย หรือลมเย็นน้อยกว่าปกติ แต่คอมฯยังเดินปกติอยู่ อันนี้แหละคือสัญญาณของการล้างแอร์และเช็คน้ำยาแอร์

- Inverter vs เบอร์ 5 ต่างกันอย่างไร?

Inverter เป็นชื่อระบบไฟนะครับ เค้าจะเอาระบบ Inverter มาติดตั้งเพิ่มกับแอร์ปกติ (ที่เป็นเบอร์ 5 อยู่แล้ว) เพื่อควบคุมการจ่ายไฟให้เป็นไปตามการใช้งานจริง ยังผลให้ประหยัดไฟขึ้นไปอีกจากแอร์เบอร์ 5 ทั่วไป คำถามคือ ต่างกันขนาดไหน? เอาเป็นว่าการคำนวณมันคงละเอียดนิดนึง แต่ผมขอตอบแบบเอาไปใช้งานจริงนะครับก็คือ ถ้าคุณเปิดแอร์ทุกวัน วันละหลายชม. และถ้าต้องเปิดในช่วงกลางวันด้วย ผมว่าจัด Inverter ไปเลย คุ้มมาก เพราะแอร์ Inverter จะแพงกว่าสักหน่อย แต่ถ้าคุณใช้หนักจริง มันจะคืนทุนได้เร็วครับ

คำถามเรื่องแอร์มีมากมายหลากหลาย เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันแอร์เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่คนไทยเราขาดไม่ได้ การดูแลรักษาที่ดีก็จะทำให้แอร์อยู่กับเราไปได้นานๆ ครับ #‪#‎คอนโดติดดอย‬#ดูแลแอร์อย่างไรดี