ช่วงนี้เรายังบินไปท่องแดนอาทิตย์อุทัยไม่ได้ ผมเองที่ทนไม่ไหวเลยต้องหาที่ไปสัมผัสความเป็นยุ่นในกรุงเทพซะหน่อย

        Homu ホーム ร้านคาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นที่พิกัดอยู่ไม่ไกล เดินทางง่าย ๆ ไม่ถึง 10 นาทีจากบีทีเอสสะพานตากสินนี่เอง

        ตัวร้านสังเกตได้ไม่ยาก เดินเลยจากโรบินสันบางรักแล้วเข้าซอยเจริญกรุง 44 มานิดนึง ตัวร้านตั้งอยู่กลางซอยพอดิบพอดี

        จุดเด่นของร้านนี้ก็คือเมนูของที่นี่เค้าจะเสิร์ฟเป็นเมนูขนมโบราณตำรับญี่ปุ่น เรียกได้ว่าเหมือนไปไปกินที่ญี่ปุ่นยังไงยังงั้นเลย 555

        ผมลองสั่งขนมที่ผมรู้จักมาเทส 3 เมนู ไดฟุกุสตรอเบอร์รี (95 บาท), โมจิหยดน้ำซากุระน้ำแร่ฟูจิ (150 บาท) และวาราบิโมจิ (190 บาท)

        เริ่มที่ "ไดฟุกุสตรอเบอร์รี" มาในราคา 95 บาท ความโดดเด่นของร้านนี้ก็คือขนมไดฟูกุที่ร้านจะทำเป็นแบบวันต่อวัน 

        เพราะงั้นตอนกินเราจะได้รสสัมผัสที่ไม่แฉะเป็นแป้งเปียกแน่นอน ห่อหุ้มภายในด้วยถั่วแดงกวนและสตรอเบอร์รีลูกใหญ่สดฉ่ำเต็ม ๆ คำ 

        ตัวแป้งไดฟูกุให้ความเหนียวนุ่มหนึบหนับ เข้ากับรสชาติหวานอมเปรี้ยวของทั้งถั่วแดงกวนและสตรอเบอร์รีพอดิบพอดี

        ต่อที่ "โมจิหยดน้ำซากุระน้ำแร่ฟูจิ" มาในราคา 150 บาท ซึ่งถือว่าเป็นเมมนูไฮไลท์ของทางร้านเลยก็ว่าได้ (ผมชอบสุดด้วย 555)

        ตัวขนมเป็นโมจิหยดน้ำสีชมพูใสที่ใช้น้ำแร่นำเข้าจากเมืองฮอกไกโดประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ตัวขนมมีกลิ่นหอมของดอกซากุระดองเกลือที่ให้รสเค็มอ่อน ๆ 

        เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสที่มีส่วนผสมของเหล้าซากุระ ให้รสหวานอมเปรี้ยวนิด ๆ เมื่อตักทานพร้อมกันจะให้รสกลมกล่อมหอมหวาน 

        เมนูนี้ผมว่าเหมาะกับอากาศบ้านเราดีนักเชียว ตากแดดร้อน ๆ มาพอกินเมนูนี้เข้าไปแล้วได้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนอยู่ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้เลย ฮ่า ๆๆๆ

        ปิดท้ายขนมอีกหนึ่งเมนูกับ "วาราบิโมจิ" ที่มาในราคา 190 บาท เมนูนี้ทางร้านกระซิบบอกว่าเป็นเมนูแนะนำที่อยากให้ลองเลยนะ

        ตัวขนมเป็นแป้งวาราบิโมจิล้วน ๆ ไม่มีแป้งชนิดอื่นมาผสม นำมากวนสดประมาณ 10-15 นาที แล้วตัดแบ่งเป็นชิ้นพอดีคำ 

        ก่อนจะโรยตามด้วยผงถั่วคินาโกะคั่วกลางให้ความหอมมันมากยิ่งขึ้น เวลาจะกินก็แค่ราดซอสคุโรมิสึที่ทำมาจากน้ำตาลทรายแดง รับรองฟินนนน 555

        ซึ่งเมนูนี้ผมอยากแนะนำให้รีบกินเลยนะ ส่วนตัวผมว่ากินตอนที่ตัวขนมยังอุ่น ๆ ให้รสสัมผัสที่ดีกว่า วาราบิโมจิที่ได้จะนุ่มละลายในปาก 

        พอเข้าปากเราปุ๊ปจะได้กลิ่นหอมของผงถั่วคินาโกะที่ให้รสชาติที่ไม่เข้มขมจนเกินไป และรสหวานของซอสคุโรมิสึแบบลงตัวสุด ๆ

        กินขนมไปเยอะคอชักจะแห้ง เลยมองหาเมนูเครื่องดื่มมาจิบให้ชุ่มคอซะหน่อย น้องที่ร้านแนะนำเป็นชาเบลนด์สูตรพิเศษ "Homu Signature Floral Tea"

        ซึ่งบอกก่อนว่าเราสามารถเลือกดื่มได้ทั้งแบบชงร้อนแล้วเสิร์ฟมาในกา หรือแบบขวดแช่เย็น แต่วันนี้ผมเลือกเป็นแบบชงร้อน ทางร้านเสิร์ฟมาในกาทรงน่ารัก ค่าตัวกานี้อยู่ที่ 129 บาทเท่านั้น 

        ความพิเศษนั้นอยู่ที่การเบลนด์รสชาติชาด้วยส่วนผสมของชาหลายชนิดกับดอกไม้และผลไม้ที่มีกลิ่นหอมหวาน ไม่ว่าจะเป็น แบล็กที แบล็กเคอร์แรนต์ กุหลาบ สตรอเบอร์รี และพีช 

        จิบเข้าไปหนึ่งอึก... ร้อน!!! (แนะนำให้ค่อย ๆ จิบกันล่ะ อย่าใจร้อนแบบผมเดี๋ยวปาดจะพองเอาได้ 555)

        รสชาที่ได้ผมต้องยอมรับว่าเป็นชาที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์อยู่นะ อาจจะไม่ได้แปลกแบบว๊าวอะไรมาก แต่ก็สดชื่นและรู้สึกผ่อนคลายดี

        โดยรวมผมว่าในช่วงสถานการณ์แบบนี้ที่เรายังไม่สามารถไปท่องเที่ยวชิมอาหารและขนมที่ญี่ปุ่นจริง ๆ ได้ การมาเสพย์บรรยากาศร้านแบบนี้ก็รู้สึกดีอยู่เหมือนกันนะ 555

        แต่ถ้าใครที่ยังไม่รู้จะไปที่ไหน ผมแนะนำให้มาลองชิมขนมกันดูที่ร้าน Homu ホーム นี้เลย ร้านน่ารักมีที่นั่งเยอะถึง 3 ชั้น ไม่แออัดแน่นอน

        แต่บอกก่อนนะว่า สไตล์การตกแต่งร้านอาจจะไม่ได้ให้บรรยากาศญี่ปุ่นเท่าไหร่นัก ออกแนวสไตล์วินเทจมากกว่า เพราะตัวร้านตั้งอยู่ในบ้านโบราณที่ให้ความสวยไปอีกแบบ

        ส่วนใครที่เป็นสายถ่ายรูป ก็มีหลายมุมให้นั่นเล่นถ่ายรูปได้อยู่

        มีข้อระวังนิดนึงก็คือบันไดขึ้นชั้นบนของที่ร้านค่อนข้างจะชันไปหน่อย ระมัดระวังกันด้วยล่ะ 555

        แต่เอาเป็นว่า ที่ผมอยากให้มาลองร้าน Homu ホーム กันก็เพราะขนมของที่ร้านเค้าเป็นขนมโบราณตำรับญี่ปุ่นที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดจริง ๆ 

        เพื่อน ๆ คนไหนโหยหาขนมญี่ปุ่นก็ลองแวะเวียนกันมานะ หรือใครเลยไปมาแล้ว ก็มาแสดงความคิดเห็นกันหน่อยว่ารู้สึกยังไง แนะนำร้านอื่นก็ได้ ไว้เดี๋ยวผมจะไปลอง อิอิ