1. แอร์ของญี่ปุ่น เช่น Mitusubishi Electric Mr.Slim, Mitsubishi Heavy Duty, Daikin, Panasonic เป็นต้น

2. แอร์ของเกาหลี เช่น Samsung, LG

3. แอร์ของจีน เช่น Haier, TCL, Midea, Gree เป็นต้น

4. แอร์ของไทย เช่น Central Air, Saijo Denki, Tasaki เป็นต้น

ในกรณีนี้ผมขอเอาแอร์ติดผนัง (Wall Type) เป็นหลักในการวิเคราะห์นะครับ

                                              

           ผมขอฟันธงว่า “แอร์ญี่ปุ่น” ยังคงดีที่สุดนะครับ ด้วยคุณภาพโดยรวมต้องยอมรับว่าเค้าเป็นเจ้าตำรับ ทำมานาน ทำมาก่อน คุณภาพเค้าจะ “เสถียรกว่า”

ส่วนแอร์เกาหลีเพิ่งจะพัฒนาขึ้นมาในช่วงหลัง ดีขึ้นเยอะ จะโดดเด่นทางด้าน Design แต่ความทนทานยังสู้แอร์ญี่ปุ่นไม่ได้

แอร์จีนเริ่มเข้ามามีบทบาทมากในช่วงหลายปีหลัง แน่นอนว่าต้องเริ่มด้วย “ราคา” ก่อน คือถูกมากจนน่าตกใจ แต่คุณภาพก็ว่าตามกัน ปัจจุบันคุณภาพเริ่มดีขึ้นเยอะ แต่ก็ยังสู้แอร์ญี่ปุ่นกับเกาหลีไม่ได้ แต่ราคาก็ถือว่าน่าสนใจเช่นกัน

แอร์ไทยนั้น จริงๆ เราก็ผลิตมานานแล้ว เพราะเอาจริงๆ แอร์ญี่ปุ่นหลายเจ้าก็ผลิตในไทยนี่แหละ เพียงแต่มีบริษัทแม่ของญี่ปุ่นควบคุมคุณภาพอยู่อีกที แต่แอร์ที่เป็นแบรนด์ไทยจริงๆ ก็ยังถือว่ามีจุดอ่อนอยู่หลายจุด แถมราคาเองก็ยังไม่ได้ถูกมากเมื่อเทียบกับแอร์จีน

โดยส่วนตัวผมชอบ Mitsubishi Electric Mr.Slim มากที่สุดนะครับ นี่คือยี่ห้อที่แพงที่สุด แต่ผมว่ามันมีเหตุผลในการแพงของมัน บางคนชอบคิดว่าแพงกว่าตั้งกี่พันๆ แต่เอาจริงๆ มันเป็นการ “แพงกว่ากี่พัน” ไปอีกหลายปี ไม่ใช่แค่ปีนี้ปีเดียวหรือ 2-3 ปี ซึ่งผมว่าแอร์ดีๆ ใช้ได้ 7-10 ปีเลยทีเดียวครับ   Mitsubishi Electric Mr.Slim ดีกว่ายี่ห้ออื่นอย่างละเล็กละน้อย เช่น มอเตอร์หมุนเร็วกว่าเล็กน้อย, เสียงเบากว่าเล็กน้อย, วัสดุทนทานกว่าเล็กน้อย รวมไปถึงบริการหลังการขายก็ดีกว่าเล็กน้อย แต่ไอ่หลายๆ เล็กน้อยรวมๆ กันมันกลายเป็นมากไปได้

ผมเคยไปซื้ออะไหล่ที่บริษัทกันยงมา การทำงานของพนักงานเหมือนคนญี่ปุ่นมากๆ มีความเป็นระเบียบสูง เข้าใจง่าย มีประสิทธิภาพ ผมประทับใจจริงๆไม่แปลกใจที่ Mitsubishi Mr.Slim จะมี Market Share เป็นอันดับหนึ่งของประเทศมาหลายปีแล้วครับ

****ต้องหมายเหตุอีกทีว่า ไม่ได้อะไรจาก Mitsubishi นะครับ แต่วัดจากประสบการณ์ตรงและข้อมูลต่างๆครับ****