มาๆๆ เรื่องที่ผมติดหนี้ไว้คราวก่อน วันนี้จะมาชำระให้หมด!!!... หนี้ที่ว่าไม่ใช่เรื่องเงินๆ ทองๆ หรอกนะครับ แต่เป็นการรีวิวโครงการ “แมสซารีน รัชโยธิน” (Mazarine Ratchayothin) ต่างหากกกกก อิอิ

 

        แน่นอนว่ารอบนี้ จะเป็นการพาเข้าไปเยี่ยมชมข้างใน เพื่อดูว่ามีของอะไรดีๆ อยู่ตรงไหนบ้าง ใครที่อยากดูแล้วฟอลโลผมมาเลยค้าบบบบ

       

 

 

 

 

         โครงการ “แมสซารีน รัชโยธิน” (Mazarine Ratchayothin) โอนเนอร์คือ “Grand Unity” เป็นคอนโด High Rise สูง 37 ชั้น 1 อาคาร มีห้องพักทั้งหมด 474 ยูนิต

 

         ซึ่งจำนวนยูนิตสูงสุดต่อชั้นประมาณ 23 ยูนิต และน้อยสุดก็ 11 ยูนิตต่อชั้น... นับว่าเป็นตัวเลขกำลังดี ทำให้แต่ละชั้นไม่แออัดกันเกินไปนัก

 

         ที่จอดรถมีให้ 70% (มีระบบ Auto Parking 4 ตัว) ให้เกินครึ่งมาเยอะอยู่นะเนี่ย ส่วนลิฟต์โดยสารมี 3 ตัว และลิฟต์เซอร์วิสอีก 1 ตัว

 

         สำหรับพื้นที่ส่วนกลาง หรือ “Facility” ถือว่าเป็นไฮไลท์ของคอนโดนี้เลยก็ว่าได้ เพราะมีถึง 3 ชั้นด้วยกัน โดยจะอยู่ด้านบนของโครงการ

 

         อย่างชั้นที่ 36 จะเป็น Shade & Shine Sky Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือรูปตัว U ที่มีทั้งโซนในร่มและกลางแจ้ง รวมไปถึงสระเด็กด้วยครับ

 

 

 

 

        ถัดขึ้นไปอีกหนึ่งชั้นมี Sky Fitness สามารถมองเห็นวิวเมืองแบบพาโนรามิก ต่อด้วยห้อง Sky Lounge, Party Room รวมไปถึงมี Exclusive Foyer & Bar และห้องเสริมสวยส่วนตัวนะ

 

        ชั้นสุดท้ายที่ Rooftop มี Sky Garden สวนขนาดใหญ่ และ Exclusive Sky Deck

 

        และยังมี “Facility” อีกหลายอย่างนะครับ แต่ถ้าให้ผมไล่ครบทุกอัน เดี๋ยวจะไปไม่ถึงห้องตัวอย่างสักก่อน ฮ่าๆๆๆ

 

 

        แท้น ทะละแล่น แทน แท้นนน แท่น แทน แท๊นน (ผมรู้นะว่าทำเสียงตาม 55555) เราไปเยี่ยม ไปชม ไปดอมดมห้องตัวอย่างกันต่อเลยค้าบบบบ (นี่ห้องหรือดอกไม้มีดอมดม คิคิ)

 

        ที่นี่มีห้องให้เลือกทั้งหมด 9 แบบ คือ

 

1. สตูดิโอ ขนาดพื้นที่ 24 – 25.5 ตารางเมตร

 

2. 1 ห้องนอน Type A ขนาดพื้นที่ 32.5 – 33 ตารางเมตร

 

3. 1 ห้องนอน Type B ขนาดพื้นที่ 32.5 – 33 ตารางเมตร

 

4. 1 ห้องนอน Flexi ขนาดพื้นที่ 41.5 – 43 ตารางเมตร

 

5. 1 ห้องนอน Plus Corner Type A ขนาดพื้นที่ 39 ตารางเมตร

 

6.  1 ห้องนอน Corner Type A ขนาดพื้นที่ 39.5 ตารางเมตร

 

7. 1 ห้องนอน Plus Corner Type B ขนาดพื้นที่ 48 ตารางเมตร 

 

8.  1 ห้องนอน Corner Type B ขนาดพื้นที่ 43 ตารางเมตร

 

9. 2 ห้องนอน Corner ขนาดพื้นที่ 48 ตารางเมตร

 

        โดยขายแบบ Fully Furnished ได้ประตู Digital Door Lock แอร์ฝังเพดาน 1-3 ตัว และจากพื้นถึงฝ้าสูง 3 เมตร (สูงกว่าบ้านเดี่ยวไปอี๊กกกก)

       

        สำหรับห้องตัวอย่างมีให้ชม ทั้งหมด 3 แบบ ชัวร์อยู่แล้วว่าผมต้องพาไปดู... แบบเดียว 55555 เค้าล้อเล่นนะ เดี๋ยวพาไปดูทุกห้องเลยยยยยยย

 

 

 

 

 

 

 

 

        เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ ชอบ เอ่ยมาแบบนี้ ก็ต้องเริ่มที่ห้องใหญ่สุดของห้องตัวอย่างอยู่แล้วกับ 1 ห้องนอน Flexi ขนาด “41.5 ตารางเมตร”

 

        โอเพ่นประตู ด้านซ้ายมือจะเจอกับตู้รองเท้าที่เค้าทำมาให้สูงเกือบสุดเพดาน น่าจะวางรองเท้าได้เกือบๆ 10 คู่เลยหล่ะ

 

        เขยิบไปอีกหน่อยจะเป็น “ห้องน้ำ” มีที่วางของหลังอ่างหลังหน้าและติดฉากกั้นมาให้เสร็จสับ ขนาดก็ใช้ได้เลยไม่ได้ถูกบีบให้ดูเล็กลงแต่อย่างใด

       

        ทางขวามือจะเป็นในส่วนของ “ครัว” ที่ทำเคาน์เตอร์และชั้นเก็บของสีขาวมาให้ครบ พร้อมเตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน

 

        ที่ๆ ใกล้ชิดกันเป็น “ห้องนั่งเล่น” วางโซฟาทางฝั่งครัว ติดทีวีทางฝั่งเดียวกับห้องน้ำ ซึ่งตรงนี้ต้องบอกก่อนนิดนึงว่า ขนาดของทีวีอาจจะติดได้ไม่เกิน 50 นิ้ว

 

        เพราะว่าถูกขนาบด้วยประตูทางเข้า-ออก คือด้านหนึ่งที่เป็นห้องน้ำ และอีกด้านหนึ่งจะสามารถทะลุเข้าไปในส่วนของห้องนอนได้ครับ

 

 

 

 

 

 

 

        เลื่อนประตูบานเลื่อน 3 บานเข้าไปจะเจอกับห้อง... เอิ่มมม เรียกว่าห้องอะไรดีหล่ะ จะเป็นห้องนั่งเล่นเหมือนกับห้องเมื่อกี้ก็ได้ ทำเป็นห้องทำงานก็ไม่ผิด หรือจะตีเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ก็สามารถ

 

        เอาเป็นว่าเรียกตามชื่อห้องเลยละกันครับ นั่นก็คือห้อง “Flexi” คือเป็นห้องที่สามารถยืดหยุ่นได้ตามใจเจ้าของห้องนั่นเอง และยังได้กระจกเต็มผนังอีกด้วย

 

        ซึ่งห้องนี้จะมีประตูทึบแบบบานเลื่อน ให้เราเอาไว้กั้นแยกกับห้องนอน เวลาต้องการความเป็นสัดเป็นส่วน หรือปิดเอาไว้เวลาแขกมาห้อง เพื่อความเป็นส่วนตัว

 

        ต่อด้วย “ห้องนอน” ที่สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต และโต๊ะหัวเตียงได้อีกตัว พร้อม Walk-in Closet ที่บิวท์มาได้สวยงามเลยทีเดียว

 

        และที่สำคัญสำหรับผมเลย คือการมีประตูทะลุให้เราเข้าห้องน้ำ จากในห้องนอนได้โดยง่าย... มันดีตรงเนี้ยยยย

 

        จบห้องนี้ด้วย “ระเบียง” ที่อยู่ในห้องนอน ซึ่งแม้จะไม่ได้กว้างนักแต่ก็ชดเชยด้วยความยาวแทน

 

 

 

 

 

 

        อีกหนึ่งห้องเป็น 1 ห้องนอนเหมือนกัน แต่มีขนาด "32.5 ตารางเมตร" ซึ่งผมอาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดลึกเท่าห้องแรกนะ

 

        เข้ามาก็จะเจอกับห้องคล้ายๆ ข้างบน คือเป็นโซน “ห้องครัว” แต่ขนาดย่อลงมานิสสสสนึง สามารถทำอาหารได้เต็มไม้เต็มมือไม่ต้องยั้ง เพราะเป็นครัวปิด

 

        ถัดไปเป็น “ห้องนั่งเล่น” มีพื้นที่ให้วางโต๊ะกินข้าวหรือจะเปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานก็ได้ ซึ่งผมว่าขนาดน่าจะพอๆ กับ โซนห้อง Flexi ครับ แต่ที่แตกต่างคือห้องนี้ จะได้ประตูกั้นเป็นแบบกระจกใสแทนประตูทึบ

 

 

 

 

        เข้าสู่ “ห้องนอน” การจัดวางและการออกแบบไม่ต่างกับห้องแรกครับ แต่ทีเด็ดอยู่ตรงที่ Walk-in Closet ได้ยาวเต็มผนังฝั่งหนึ่งไปเล้ยยยยย... ถ้าแฟนผมมาเห็นต้องปลาบปลื้มแน่ๆ ฮ่าๆ

 

        ซึ่งผมแนะนำให้ติดกระจกเต็มบานแบบห้องตัวอย่างเลยครับ จะได้เช็คความเรียบร้อยของเราแบบเต็มตัวก่อนออกจากห้อง

 

        และอีกด้านเป็นส่วนของ “ห้องน้ำ” ที่มีทุกอย่างครบครัน (เข้า-ออกได้ทางเดียวนะครับ)

 

 

 

 

 

 

        ตบท้ายด้วยห้องสตูดิโอ ขนาด “24.5 ตารางเมตร" สิ่งที่เจอเป็นอันดับแรกจะคล้ายกับห้องที่สองคือมี “ครัวปิด” เหมือนกัน เคาน์เตอร์ และที่เก็บของได้เท่าๆ กัน

 

        ต่างตรงที่ “ห้องน้ำ” จะอยู่ในส่วนนี้ด้วย แต่ขนาดไม่ได้เล็กลงเลย ซึ่งผมมองว่าเป็นข้อดี เพราะถ้าห้องน้ำเล็กตามห้อง เวลาใช้จะรู้สึกอึดอัดและเข้าลำบาก

 

        ส่วนของประตูที่กั้นแยกสำหรับโซนที่ว่ามากับ “ห้องนอน” จะได้แบบบานเลื่อน 2 บานครับ เข้าไปฝั่งซ้ายมือจะมีเตียงขนาด 5 ฟุต วางอยู่

 

 

 

 

 

        ข้างๆ กัน เป็นมุมนั่งเล่นหรือนั่งทำงานเล็กๆ โดยมีหน้าต่างเต็มผนังเข้ามาช่วยทำให้ห้องดูโปร่ง โล่งมากยิ่งขึ้น

 

        ฝั่งตรงข้ามเป็นที่วางทีวี และตู้เสื้อผ้า ขนาดพอเหมาะ จุเสื้อผ้าได้ประมาณหนึ่ง

 

        สำหรับ “ระเบียง” ส่วนตัวแล้วรู้สึกแคบไปหน่อย วางเครื่องซักผ้าก็เกือบเต็มพื้นที่ แต่ห้องขนาดเท่านี้อ่ะเนอะจะให้ใหญ่แค่ไหน 5555 ซึ่งถ้าใครไม่ค่อยได้ใช้ระเบียงนอกจากเอาไว้ตากผ้า ก็ไม่ได้เป็นประเด็นอะไรเท่าไหร่ครับ

 

 

         หลังจากรีวิวครบทั้ง 3 ห้อง ก็ถึงเวลาของราคาสักที 5555 โดยราคาเริ่มต้นของ โครงการ “แมสซารีน รัชโยธิน” (Mazarine Ratchayothin) อยู่ที่ 4.2 ล้านบาท และราคาต่อตารางเมตร เริ่มต้นที่ 170,000 บาท

 

         ด้วยความที่โครงการอยู่ติดรถไฟฟ้าสายสีเขียว แบบ 0 เมตร แถมยังติดกับถนนใหญ่ ป้ายรถเมล์ ห้างสรรพสินค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย

 

         อีกทั้งตัวโครงการเองก็ออกแบบ วางแปลน รวมไปถึงวัสดุคุณภาพ ที่รักษามาตรฐานของแบรนด์ได้อย่างดีคงเส้นคงวา

 

         ก็ดูพอไหวกับราคาที่ตั้งเอาไว้ แต่ถึงยังไงผมก็แอบคิดว่าถ้าได้ส่วนลดเพิ่มคงจะดีไม่น้อย (นี่แอบคิดคนเดียว คงไม่มีใครรู้หรอกเนอะ อิอิ)... ผมไม่ได้หวังอะไรเลยนะเนี่ย จริงจริ๊งงงงงงง 555555

 

         ท้ายที่สุด ถ้าถามว่าโครงการ “แมสซารีน รัชโยธิน” (Mazarine Ratchayothin) เหมาะกับใคร... มันแน่นอนอยู่แล้วว่ากลุ่มเป้าหลายหลักก็ต้องเป็นคนที่ทำงานแถวรัชโยธิน อย่างคนที่ทำงานในสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือละแวกแนวลาดพร้าว รัชดา เกษตร อะไรทำนองนี้

 

         เพราะจะทำให้ชีวิตเราในการทำงาน หรือไปไหนมาไหน สะดวกและง่ายขึ้นอีกเย้อออออออออ

 

#MAZARINE #Ratchayothin #GrandUnity