ซีอีโอ “เพซ ดีเวลลอปเมนท์” เจ้าของโครงการมหานครมูลค่า 20,000 ลบ. โต้แบงก์ ยันบริษัทฯ มีสินทรัพย์กว่า 30,000 ลบ. เป็นสภาพคล่องเงินสดกว่า 5,000 ลบ. เพียงพอชำระเจ้าหนี้ แจงได้วงเงิน SCB รองรับครบชำระตั๋ว B/E พร้อมเร่งเพิ่มรายได้ครึ่งปีหลัง คาดทั้งปีตามเป้า 1.4-1.7 หมื่น ล. ลั่นปี 61 เป็นปีที่ผลประกอบการฟื้นเต็มที่
นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ “เพซ” กล่าวถึงเรื่องที่ธนาคารเจ้าหนี้มีความกังวลเรื่องฐานะการเงินจนอาจผิดนัดชำระหนี้ได้นั้น ยืนยันว่า บริษัทฯ มีความพร้อมทางด้านสภาพคล่อง โดยปัจจุบันมีสินทรัพย์รวมกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่เป็นหลักประกันกับเจ้าหนี้ ได้แก่ โครงการมหานคร โครงการมหาสมุทร หัวหิน และโครงการ นิมิตรหลังสวน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีส่วนของกระแสเงินสดในมือกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอในส่วนของการชำระหนี้ตั๋วสัญญาใชเงิน (B/E) ที่ครบกำหนดอายุในปีนี้ได้ทั้งหมด 4,000 ล้านบาท
แต่การที่บริษัทจำเป็นต้องใช้เงินกู้วงเงิน 3,000 ล้านบาทจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เนื่องจากต้องบริหารองค์กร และลงทุนในโครงการต่าง ๆ ดังนั้น ต้องใช้เงินกู้จาก SCB ตามวงเงินดังกล่าวเพื่อชำระตั๋ว B/E ที่ครบชำระ 2,000 ล้านบาท และที่เหลืออีก 2,000 ล้านบาท คาดจะขอต่ออายุตั๋ว B/E ได้
“เรายังเชื่อมั่นสถาบันการเงินที่สนับสนุน ยังมั่นใจในบริษัท และที่ผ่านมา เราไม่เคยผิดนัดชำระกับเจ้าหนี้รายใหญ่ ทั้งธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพฯ และธนาคารกสิกรไทย ซึ่งมีวงเงินอยู่ประมาณ 9,000 ล้านบาท เพราะเรามีโครงการอสังหาฯ เป็นหลักประกันกับธนาคาร”
สำหรับการชำระเงินกู้กับ SCB นั้น ในครึ่งปีหลังจะมีรายได้จากการโอนโครงการมหานคร โดยมีกำหนดโอนประมาณ 7,000 ล้านบาท
“เราคาดว่า ครึ่งปีหลังฐานะเราจะดีขึ้น พลิกเป็นกำไร โดยรายได้หลัก ๆ มาจากมหานคร 7,000 ล้านบาท และโครงการมหาสมุทร ที่จะเข้ามาตั้งแต่ ก.ย. เป็นต้นไป ประมาณ 1,400 ล้านบาท และอีกส่วนจากโครงการคอนโดฯ นิมิตร หลังสวน 7,000 ล้านบาท และส่วนอื่น รวมแล้ว ทำให้มั่นใจว่า รายได้ปีนี้ตามเป้า 14,000-17,000 ล้านบาท และยืนยันปี 61 จะมีผลการดำเนินงานฟื้นตัวเต็มที่ ซึ่งมีรายได้จากโครงการอสังหาฯ โรงแรม ธุรกิจชมวิว ธุรกิจร้านอาหาร เป็นต้น”
สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 60 ได้เปิดตัวโครงการ “วินด์เชลล์” ซึ่งตั้งอยู่บนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ บนพื้นที่ 2 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบของคอนโดฯ สูงกว่า 40 ชั้น ชูจุดเด่นในเรื่องการดีไซน์เกี่ยวกับทิศทางลมที่ประหยัดพลังงาน ราคา 85-100 ล้านบาท หรือเริ่มต้นที่ 180,000-220,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) มีจำนวนเพียง 36 ยูนิต หรือชั้นละประมาณ 2 ยูนิตเท่านั้น รวมมูลค่าโครงการประมาณ 3,500 ล้านบาท ซึ่งได้เริ่มเปิดพรีเซลแล้วเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนไทยที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง
นอกจากนี้ ในเดือนสิงหาคม 2560 บริษัทยังมีแผนที่จะนำโครงการมหานคร ที่ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 75% และโครงการมหาสมุทร มียอดขายแล้ว 30% ไปโรดโชว์ที่ประเทศจีน ในเมืองเซี่ยงไฮ้ และปักกิ่ง รวมไปถึงฮ่องกง เป็นลำดับถัดไปด้วย แต่บริษัทได้สร้างกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้าชาวจีนที่ต้องการซื้อสินทรัพย์ในประเทศไทยด้วยการเข้าไปเจรจากับรัฐบาลไทยผ่านโครงการไทยแลนด์ อีลิท การ์ด เพื่อขอวีซ่าระยะยาวให้กับลูกค้าที่จะมาซื้อห้องชุดในโครงการของบริษัท ซึ่งได้ขอไปเป็นระยะเวลา 20 ปี ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจา คาดว่ารัฐบาลจะให้การสนับสนุน เพราะเป็นผลดีต่อประเทศชาติ หากผ่านการพิจารณาก็จะเป็นบริษัทแรกที่ดำเนินการในรูปแบบดังกล่าว และถือเป็นแนวทางปฏิบัติให้กับผู้ประกอบการรายอื่นต่อไป
ที่มา : manager
Tag :
“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย
สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย
มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘
'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)
โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!
'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย
ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ
ยุคนี้ใครเค้าเที่ยวต่างประเทศกัน คนรวยเค้าเที่ยวนอกโลกครับ!
Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย
เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ