ขออภัยแฟนเพจสาวๆ หรือแฟนเพจที่ไม่สนใจเรื่องบอลก่อนเลยนะครับ (ข้ามๆ ไปเลยก็ได้นะ ฮ่าฮ่า)

วันนี้ขอพูดเรื่องบอลซะหน่อย (จริงๆ แอดฯ บ้าบอลไม่ต่างจากบ้าคอนโดเลยนะ อิอิ)

หลังจากเมื่อคืนอ่านข่าว โมราต้า เสร็จ เชลซี ด้วยวงเงิน 60-70 ล้านปอนด์ ไปแล้ว ก็เกิดอยากจะพูดถึง “เกมนอกสนาม” ของตลาดนักเตะในรอบนี้กันสักหน่อย

ผมว่ามันสนุกมากเลยนะ

ข่าว โมราต้า เมื่อคืน มันทำให้ “Jigsaw” ภาพของตลาดนักเตะในรอบนี้ถูกต่อเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเยอะ ขาดอยู่นิดๆ หน่อยก็น่าจะจบละ (อันนี้หมายถึงทีมใหญ่ๆ และนักเตะบิ๊กเนมนะครับ)

สัญญาณความสนุกมันเริ่มมาตั้งแต่ตอนปิดฤดูกาลใหม่ๆ ละ
มันเริ่มมาจาก SMS ที่ คอนเต้ ส่งให้กับ คอสต้า อันนั้นแหละ
ข้อความว่า “คอสต้า กูไม่เอามึงแล้วนะ”

จริงๆ ใครก็รู้ว่า คอสต้า มันก็ไม่อยากอยู่ เชลซี ต่ออยู่แล้วล่ะ แต่ผมว่า คอนเต้ “พลาด” ที่ดันไปส่ง SMS ก่อน ซึ่ง คอสต้า ก็ฉลาดพอที่จะเอาออกมา “Public” ให้คนอื่นรู้กัน

ซึ่งผลที่ตามมาจากเรื่องนี้ก็คือ คอนเต้ โดน เสียหมี และบอร์ดบริหารของ เชลซี ไม่พอใจแน่ๆ เพราะเท่ากับเป็นการโยนความได้เปรียบไปให้กับ เอฟเวอร์ตัน ......... เกี่ยวกันยังไง?

ใครก็รู้ว่า เชลซี อยากได้ ลูกากู กลับมาแทน คอสต้า ใจจะขาด แต่การที่ คอสต้า ออกมาบอกว่า “คอนเต้ ไม่เอากูแล้ว” ก็ทำให้ ทอฟฟี่ รู้เลยว่า “กูโก่งราคาได้” เพราะยังไงๆ เชลซี ก็ต้องมาซื้อ ลูกากู ไป

สังเกตว่าหลังจากเหตุการณ์ SMS คราวนั้น กว่า เชลซี จะซื้อนักเตะคนแรกได้ ก็ตามหลังทีมอื่นๆ ไปหมดแล้ว (เพิ่งจะมาเร่งสปีดเอาตอนหลัง) ทำให้ผมมั่นใจว่า เรื่องนี้ทำให้เกิด “รอยร้าว” ระหว่าง คอนเต้ กับ เสี่ยหมี แน่ๆ (เดี๋ยวจะบอกเหตุผลที่สนับสนุนรอยร้าวนี้ในภายหลัง)

ตัดกลับมาที่ Timeline หลังเหตุการณ์ SMS
ทางฟากฝั่งเมืองแมนเชสเตอร์ ก็มีข่าวค่อนข้างแรงว่า “ปิดดีล โมราต้า ภายใน 48 ชม.”
ข่าวนี้เล่นอยู่นานมาก จนแม้แต่แฟนผีเองยังออกมาบอกว่า ตกลงเวลาของมึงกะกูเดินไม่เท่ากันหรือไง “หลาย 48 ชม.แล้วนะ” ไม่เห็นจะมา ฮ่าฮ่าฮ่า

เรื่องของเรื่องก็คือ เรอัล มาดริด ดันโก่งราคา โมราต้า กับ แมนฯ ยู ซะเยอะเกิน ถ้าเข้าใจไม่ผิด เปเรซ อยากได้ 90 ล้านยูโร ขณะที่ แมนฯ ยู เสนอไป 70-80 ล้านยูโร

เรื่องนี้มีมูลความจริง เพราะตอนที่ แมนฯยู ปิดดีล ลูกากู ไปได้แล้ว มูริญโญ่ ก็ออกมาบอกว่า “ดีล โมราต้า ที่ไม่เกิดขึ้นนั้น เพราะ 2 สโมสร ตกลงค่าตัวกันไม่ได้” คำพูดนี้ออกมาจากปาก จ่ามู เองเลย

แล้วเรื่องนี้กระทบอย่างไร?

กระทบ เชลซี เต็มๆ เพราะระหว่างที่ คอนเต้ กะ เสี่ยหมี ฮึ่มๆ กันอยู่ ทำให้การเดินเรื่องซื้อตัว ลูกากู อาจจะเชื่องช้าไป แมนฯยู ซึ่งหมั่นไส้ เรอัล ที่โก่งค่าตัว โมราต้า อยู่ได้ ก็เลยกลับมาอังกฤษ ขอซื้อ ลูกากู ซะเลย!!!!

สังเกตไหมว่า ข่าว แมนฯยู ปิดดีล ลูกากู เกิดขึ้นเร็วมาก ไม่กี่วันก็ชูเสื้อเลย

เรื่องนี้ มูริญโญ่ ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว หนึ่งคือ ซื้อตัว ลูกากู ตัดหน้า เชลซี ที่เป็นคู่แข่งในลีกโดยตรง และสอง ตบหน้า เรอัล ที่หน้าเลือดดีนัก

ทีนี้ความ “ร้อนรน” ก็มาตกกับ เชลซี แทน เพราะนอกจากเป้าหมายอันดับ 1 อย่าง ลูกากู จะโดนตัดหน้าไปแล้ว ทีมอื่นก็รู้กันหมดแล้วว่า “มึงต้องซื้อแน่ๆ” (คอสต้า จุดไฟเพิ่มด้วยการใส่เสื้อทีม แอตฯ มาดริด Party ซะอล่างฉ่าง)

มีข่าวที่น่าเชื่อถือจากฝั่งอิตาลีว่า เชลซี ไปถามราคา ยูเว่ ว่า อิกวาอิน น่ะ ราคาเท่าไหร่?

แต่ ยูเว่ เอง ที่เพิ่งเสีย โบนุชชี่ ให้มิลานไป (จริงๆ ยูเว่ ไม่อยากขายนะ แต่มันดันทะเลาะกับ อัลเลกรี ผู้เป็นโค้ช เมื่อปีก่อน) ก็เลยตอบว่า “ไม่ขาย” (ตอนนี้เข้าใจว่า ยูเว่ คงไม่ขายใครแล้ว ไม่งั้นแฟนบอลด่าตาย)

เชลซี เกทับว่า 100 ล้านยูโร ขายมั้ย?
นี่แสดงให้เห็นว่า เชลซี “เข้าตาจน” แล้ว

ข้อเสนอของ เชลซี ที่ว่าบ้าเลือดแล้ว แต่คำตอบของ ยูเว่ ก็น่าตกใจไม่แพ้กัน ก็คือ “ไม่ขาย”

ไม่ใช่ว่า อิกวาอิน ไม่เหมาะสมกับ 100 ล้านยูโร หรอกนะ (เพราะก็เก่งมากอยู่) แต่อายุ 29 แล้ว ค่าตัวไม่น่าจะไปไกลขนาดนั้น

ในขณะนั้น ผมเดาเลยว่า หวยต้องกลับมาออกที่ โมราต้า แน่ๆ
และมันก็จริง!!!

ในตลาดมันไม่เหลือกองหน้าบิ๊กเนม ที่สไตล์เหมาะกับ เชลซี มากเท่านี้อีกแล้ว ผมจึงไม่แปลกใจที่ เชลซี กับ เรอัล จะต้องกลับมาเจรจากัน ผมแค่รอดูว่า “ราคา” จะจบที่เท่าไหร่
หวยออกที่ 60-70 ล้านปอนด์ ซึ่งผมว่ามันต่ำกว่าข้อเสนอของ แมนฯยู แน่ๆ

ผมว่า เปเรซ ก็คงเข็ดละ กับการโก่งราคา เพราะผมเชื่อว่า เรอัล อยากจะเอาค่าตัว โมราต้า ไปซื้อใครสักคนที่แพงๆ เพราะทุกครั้งที่ เปเรซ ได้ดำรงตำแหน่ง ประธานสโมสร ต่อ เค้าจะต้องซื้อใครสักคนมาประดับบารมี และผมว่าชื่อนั้นน่าจะเป็น “เอ็มบัปเป้” นะ

สุดท้ายผมไม่รู้ว่า เชลซี โชคดี หรือโชคร้าย เพราะเชื่อว่า เสี่ยหมี น่าจะจ่ายค่าตัว โมราต้า น้อยกว่า แมนฯยู แน่ๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ลูกากู คือเป้าหมายอันดับ 1 และถูก แมนฯยู แย่งไป

ตัดกลับมาที่ “รอยร้าว” ของ คอนเต้ และ เสี่ยหมี

ถึงแม้จะมีข่าว “การเซ็นสัญญา” ของ คอนเต้ กับ เชลซี แต่สังเกตดีๆ นะครับ มันคือการ “เพิ่มเงินค่าจ้าง” แต่ไม่ใช่การ “ขยายสัญญา”

ผมแปลกใจตั้งแต่พาดหัวข่าวแล้วว่า “เซ็น 2 ปี” เพราะ คอนเต้ ตอนเซ็นมาคุมทีมตอนปีก่อน ก็เซ็นสัญญา 3 ปี ดังนั้นพอผ่านไป 1 ปี ก็ต้องเหลืออายุสัญญาอีก 2 ปี ซึ่งการเซ็นสัญญา 2 ปี ก็หมายถึง ไม่ได้ขยายเวลาออกไปเลย การเพิ่มค่าจ้างแค่เป็นการตอบแทนผลงานการคว้าแชมป์เท่านั้น

ผมอ่านคำสัมภาษณ์ของ คอนเต้ ก่อนหน้านี้ว่า “ผมอยากอยู่อีกหลายๆ ปี ที่นี่ ถ้าข้อเสนอต่อสัญญามาจริงๆ ผมก็จะเซ็น”
แต่มันก็ไม่เกิดขึ้นนะครับ.......

การส่ง SMS ของ คอนเต้ และการพลาดตัว ลูกากู ผมว่าเป็นเรื่องสืบเนื่องกัน และถึงแม้ตอนนี้ เชลซี จะกวาดนักเตะไปแล้ว 3 คน แบบหนักๆ (กองหลัง-รูดิเกอร์ 30 ล้าน, กองกลาง-บากาโยโก้ 40 ล้าน และ กองหน้า-โมราต้า 60-70 ล้าน) แต่มันคือการซื้อแบบ “ต้องซื้อ” ซื้อเพราะต้องการลบข่าวเสียๆ เหล่านี้ออกไป ไม่ให้แฟนบอลบ่น

สาเหตุที่ เสี่ยหมี ปลด คอนเต้ ไม่ได้ก็เพราะว่า หนึ่งการคว้าแชมป์ปีก่อนมันค้ำคอ (บ้าป่าว มาไล่กุนซือที่เพิ่งคว้าแชมป์ลีกได้ออกไป) สองคือ หาใครมาแทนไม่ได้ เพราะตอนนี้ กุนซื้อมือฉบังก็มีที่ลงกันหมดแล้ว

เหตุการณ์ โมราต้า เมื่อคืน ก็เลยเองวังด้วยประการฉะนี้

ตอนนี้ TOP 6 ค่อนข้างลงตัวกับแนวรุกกันหมดละ

อาร์เซน่อล ก็ได้ ลากาแซตต์, ลิเวอร์พูล พอใจกับ ฟิร์มิโน่ แล้วเอา ซาล่าห์ มาเติมความเร็ว, แมนฯ ซิติ้ เป็ป ดูชอบ เฮซุส มากๆ แถมยังมี กุน อยู่อีก (ยังไม่น่าขายนะ), สเปอร์ส ก็มี แฮรื เคน อยู่แล้ว

Jigsaw แนวรุก ดูลงตัวละ

แต่สงครามตลาดนักเตะยังเพิ่งเริ่มครับ อะไรสนุกๆ ยังมีอีกเยอะ ทั้งเรื่องของ ลิเวอร์พูล กับ โปรเจคต์ เกอิต้า-ฟานไดค์ หรือ เรื่องของ อาร์เซน่อล กับ อเล็กซิช หนังชีวิตครับ เรื่องพวกนี้

สนุกจริงๆ ไม่แพ้ Game of Throne เลยนะ อิอิอิ