ตอนนี้ร้านหนังสืออิสระในไทยกำลังทยอยตายกันไปทีละร้านๆ นับตั้งแต่ต้นปีมาก็มีประกาศปิดกันไปหลายรายเนื่องจากสู้กันต่อไปไม่ไหวจริงๆ

         เห็นแบบนี้แล้วก็นึกไปถึงไอเดียร้านหนังสืออิสระจากปักกิ่งที่พยายามสร้างอะไรที่แหวกแนวเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คนให้เข้ามาอุดหนุนหนังสือในร้านตนมากขึ้นครับ

         "日夜公园" หรือ "Day and Night Park" เป็นโปรเจ็คต์จากร้านหนังสืออิสระ "Jetlag Books" ในจีนที่เลือกจะสร้างแผงขายหนังสือแบบป็อบอัพเพื่อเข้าถึงชุมชน และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อดึงดูดความสนใจของรุ่นใหม่ให้เข้ามาซื้อหนังสือมากขึ้น

         โดยทาง "Jetlag Books" ได้เริ่มต้นทำ "Day and Night Park" ป็อบอัพร้านหนังสืออิสระมาตั้งแต่ช่วงปี 2022 ออกแบบโดยสตูดิโอ "CATS"

         ได้แรงบันดาลใจมาจาก Belt of Venus ปรากฏการณ์บนชั้นบรรยากาศที่สามารถมองเห็นได้ชั่วครู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นและหลังพระอาทิตย์ตก 

         โดดเด่นด้วยแสงสีชมพูที่เปลี่ยนแปลงความเข้มตามเวลา Day and Night Park ก็เลือกที่จะใช้ผนังเป็นสีแดงกุหลาบกับเพดานสีเหลืองเข้ม ที่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ สีสันต่างๆ ก็จะเปลี่ยนไปตามแสงแดด ผสานรวมเป็นเอฟเฟกต์การไล่ระดับสีในเวลาพลบค่ำ ทำให้เกิดเป็นประสบการณ์การมองเห็นที่น่าหลงใหลและเป็นที่จดจำ

         แผงหนังสือของป็อบอัพมีความยาว 20.6 เมตร กว้าง 2.7 เมตร ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสัดส่วนของห้องโดยสารเครื่องบิน ความสูงของเพดานจะค่อยๆ ขยับเพิ่มขึ้นจาก 2.15 เมตร เป็น 3.4 เมตร ในขณะที่ผนังหมุนได้เล็กน้อยราว 3 องศา ทำให้เกิดความรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงพื้นที่ 

         องค์ประกอบอีกอย่างที่น่าสนใจคือการจัดวางชั้นวางหนังสือที่ยกขึ้นเหนือหัวและออกแบบให้เอียงเล็กน้อย ดังนั้นเวลาหยิบหนังสือก็จะทำให้เกิดความรู้สึกแปลกใหม่ ถือเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ผู้มาเยือนจดจำได้ และเป็นอะไรที่ก้าวข้ามผ่านรูปแบบเดิมๆ ด้วยการใช้พื้นที่แปลกตามากระตุ้นให้คนอยากแวะเข้าไปเยือน

         โปรเจ็คต์นี้ถือเป็นการร่วมมือกันระหว่างร้านหนังสืออิสระ "Jetlag Books" และหน่วยงานยักษ์ใหญ่ที่เราคุ้นหูกันดีนั่นคือ "Swire Group" โดยมีวิชั่นเรียบง่ายอย่างการสร้าง "new generation urban newsstand" 

         พูดง่ายๆ คือเป็นโครงการที่ต้องการสร้างความมีส่วนร่วมของชุมชนเข้ากับเสน่ห์ของร้านหนังสืออิสระ โดยมีเป้าหมายที่จะบูรณาการการอ่านเข้ากับชีวิตประจำวัน ซึ่งถ้าเอามาปรับใช้ในบ้านเราได้ก็จะยิ่งดีเลยครับ แต่แน่นอนว่าต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนใจเข้ามาอุ้มวงการหนังสือไทยเสียก่อนนะ...