เมื่อราว 2 ปีที่แล้ว ผมได้เคยเขียนบทความหนึ่ง "Origin Property developer เจ้าเล็กที่เริ่มจะไม่เล็ก"
ในสมัยนั้น คนยังไม่ค่อยรู้จัก Origin มากนัก
พอๆกับที่ไม่มีใครรู้จักเพจ "คอนโดติดดอย" 555
เพราะโดยส่วนใหญ่ มักจะพัฒนาคอนโดอยู่แถวรอบนอก โดยเฉพาะโซนสมุทรปราการ เป็นเจ้าถิ่นเลย
ผมเลยจะขอนำบทความมาปัดฝุ่น เขย่าใหม่ให้ได้อ่านกัน รู้สึกว่ามันมีความน่าสนใจดี
ในตอนนั้น ผมได้พูดกับเพื่อนว่า เชื่อเถอะ อีกไม่นาน Origin จะต้องขึ้นมาเป็น Top 5 ของประเทศแน่ๆ
เพื่อนถึงกับอึ้งไปเล็กๆ ประมาณว่า บ้าเหรอ? ยาเข้ากระเพาะผิดขนานเปล่า 555
ทำไมผมถึงกล้าที่จะฟันธงแบบนั้นนะเหรอ?
มีหลายเหตุผลเลย ลองอ่านกันดูครับ
ผมเองได้จับตาดู Origin มาตั้งแต่เมื่อราวๆ 15 ปีที่แล้วได้ละมั้ง
...!!?
อะไรนะ อ๋อนานไป Origin เพิ่งก่อตั้งมา 8 ปีเอง โทษๆ 555
เอาใหม่ ผมเองได้จับตาดู Origin มาตั้งแต่เมื่อราวๆ 5 ปีที่แล้วได้
ผมเริ่มเห็นโครงการที่มีดีไซน์ที่โดดเด่น ในราคาที่ถือว่า "จับต้องได้" แต่ก็ไม่ถูกมากนะ
คอนโดในสมัยนั้น ดีไซน์ ตัวตึก แทบจะลอกกันมาเกือบทุกค่าย
จะมีก็ Ananda นี่ละ ที่ฉีกกว่าใครเพื่อน จนเดี๋ยวนี้หลายค่ายก็เริ่มเอาตามอีก
ซี่งผมรู้สึกถึงความเหมือนที่แตกต่างได้จากค่าย Origin และ Ananda
ในขณะที่ค่ายอื่น เริ่มที่จะเดินตามแบบ Ananda แต่ทาง Origin กลับเดินไปข้างหน้าด้วยแนวทางของตัวเอง
Ananda จะเน้นที่ดีไซน์ตัวตึก ส่วนกลางที่หวือหวา ห้องขนาดเล็กเพื่อให้ราคาจับต้องได้
แต่ทาง Origin กลับมาเน้นที่ "การดีไซน์ห้อง" ให้ใช้งานอยู่อาศัยจริงได้ดีที่สุด พร้อมระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ลำโพงที่เชื่อมกับมือถือเราได้เลยในห้อง
หนึ่งในสิ่งที่ผมชอบที่สุดของ Origin เมื่อ 2 ปีที่แล้วคือ การออกแบบห้อง 1 Bed Plus ขึ้นมา ในขนาด 34 ตร.ม.!!!
ถ้าผมระลึกชาติไม่พลาด น่าจะเป็นเจ้าแรกๆ ที่มีห้องประเภทนี้
ตอนผมเข้าไปดูครั้งแรก ยังตกใจว่าห้องขนาดนี้ ทำเป็นแบบ 2 Bed ได้แล้วเหรอเนี่ย
ออกแบบฟังก์ชั่นห้องมาได้ดีมากครับ ไม่ดูอึดอัดเลย
ตรงโซนครัว มีการออกแบบโต๊ะที่พับได้มาให้ด้วย ไม่เกะกะเวลาไม่ได้ใช้งาน
และส่วนที่ผมชอบมากๆคือ ห้องนอนเล็ก หรือห้องอเนกประสงค์
มีการยกระดับพื้นขึ้นมาเหมือนเตียง ให้เราวางฟูกได้เลย ดูญี่ปุ่นๆดี
แถมตรงหัวเตียง มีโต๊ะที่พับได้ติดไว้ให้ด้วย เอาไว้เล่นเกมส์ เอ้ย อ่านหนังสือสะดวกๆ
และยังสามารถเดินไประเบียงได้จากทั้ง 2 ห้องเลย
ในตอนนั้น ผมได้พาเพื่อนไปดูโครงการ Tropicana ที่มีห้องแบบที่ว่า ซึ่งเพื่อนหลายคนก็หลงใหล จองทันที ไม่ปรึกษาซักกกคำ
แม้ผมจะชอบห้อง แต่ในเรื่องทำเลก็นับว่าไกลรถไฟฟ้าเอาเรื่องอยู่นะ
นับว่าเป็นทำเลเฉพาะถิ่นอยู่
ห้องแบบนี้ ขายได้ดีมากเป็นเทน้ำเทท่า จนกลายเป็นต้นแบบของห้องแบบ 1 Bed Plus มาจนถึงทุกวันนี้
มีในเกือบทุกโครงการของ Origin เลยล่ะ นับเป็นอีกหนึ่งจุดขาย
เอารูป 1 Bed Plus ฉบับปัจจุบันของโครงการ Kensington สุขุทวิท-เทพารักษ์ (1 ในโครงการของปีนี้ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า) มาให้ดูด้วย
มีการปรับเปลี่ยนพอดูแหะ
อะ แถม 1 Bed Plus ของ Knightsbridge Kaset Society
ก็สวยไปอีกแบบแหะ
เมื่อติดตามมาได้ระยะหนึ่ง ดูแนวทางการออกแบบต่างๆแล้ว
ทำให้ผมรู้สึกสนใจใคร่รู้ในเจ้าของมากขึ้นว่ามีความเป็นมาเยี่ยงไร
ลองค้นคลังข้อมูลอากู๋ดู ก็ได้ความมาว่าเจ้าของคือ คุณพีระพงศ์ จรูญเอก (ผมนึกอยู่ในใจ ใครหว่า 555)
คุณ พีระพงศ์ จรูญเอก นั้นจบป.ตรีและ โททาง วิศวกรรม เพราะงั้นบางส่วนแกจะออกแบบเองเลย
แค่ตอนอายุ 21 ก็ได้เป็น project manager มูลค่า 300 ล้านแล้ว
และสั่งสมประสบการณ์จนไปเป็น CEO ของ developer ระดับหมื่นล้านในวัยแค่ 30 ต้นๆ และได้ทำอพาร์ทเมนท์ของตนเองตั้งแต่อายุ 26
จนเมื่อปี 2552 ก็ออกมาเปิดบริษัทของตนเอง Origin นั่นเอง
ทุกวันนี้ในวัยแค่ 40 ต้นๆ ได้นำพา บ.เข้าตลาดหลักทรัพย์ และเติบโตอย่างรวดเร็ว ตอนนี้มีพนักงานร่วม 500 คนไปแล้ว พร้อมบริษัทในเครืออีกหลาย
ผมชอบคำพูดหนึ่งของเขา คำพูดที่ว่า "วันนี้เราอาจจะเป็นหนู แต่เราก็รู้ว่าจุดอ่อนของราชสีห์คืออะไร" (แหม เท่ห์จริงๆ)
หลังจากหล่นคำพูดนี้เอาไว้เมื่อราว 3 ปีที่แล้ว
Origin ก็ได้ทำการผนึกร่างกับ "พราวด์" รวบ "Park 24" เข้ามาอยู่ด้วย ขึ้นแท่น TOP 5 ของประเทศเรียบร้อย!!!
เห็นที "หนู" ในวันนั้น ได้กลายร่างเป็น "พยัคฆ์" ไปเสียแล้ว
ที่สำคัญในปีนี้ นอกจากรวมร่างกับ พราวด์ แล้ว ยังไปดึง Nomura บริษัทพัฒนาอสังหาระดับ TOP 3 ญี่ปุ่น มาร่วมก๊วน ลงทุนด้วยอีกต่างหาก
เปรียบได้ดั่ง "พยัคฆ์ติดปีก" ...
โดยประเดิมร่วมมือกัน 3 จาก 4 โครงการใหม่ ที่กำลังจะเปิดขายเร็วๆนี้
"Knightsbridge Prime อ่อนนุช" , "Knightsbridge Prime รัชโยธิน" , "Knightsbridge Collage รามคำแหง" และอีก 1 โครงการที่ไม่ได้ร่วมกับญี่ปุ่น "Knightsbridge Kaset Society"
นับว่าเป็น 4 อัศวิน ขี่ม้าขาว (ทำไมต้องขาวฟระ) ที่ตอนนี้เนื้อหอมกรุ่นพอตัว
มีอีกโครงการที่จะร่วมมือกัน เปิดขายปีหน้าด้วยนะ จะใช้ชื่อ "สเฟียร์" หรือเปล่าหนอ?
เอาล่ะ ไหนๆก็กล่าวถึง 4 โครงการใหม่แล้ว ก็ช่างมันเถอะเนอะ ให้มันแล้วๆไป...
....
อะ ล้อเล่น อย่าเพิ่งเปลี่ยนหน้าสิ
งั้นก็จะซัดกันพอหอมปากหอมคอละกันเนอะ
ถ้าให้ละเอียด บทความคงจะยาวเฟื้อยลากจากกทม.ไปเชียงใหม่ได้เลยนะ 555
"Knightsbridge Prime อ่อนนุช" คอนโด 47 ชั้น ห่าง 600 ม. รถไฟฟ้าสถานีอ่อนนุช ใกล้ Big C
ราคาเริ่ม 2.69 ล้านบาท
เรื่องปากท้องหายห่วง นอกจาก Big C ยังมี Habito mall , Century Movie Plaza , Lotus ในระยะไม่เกิน 1 ก.ม.
ใกล้ทางด่วน รามอินทรา อาจณรงค์ และเฉลิมมหานคร
ระยะห่างรถไฟฟ้า ก็ยังนับว่าเดินได้ ถ้าราคาไม่แพงมาก ผมว่าน่าจะขายดีแน่ๆ
ที่ดินแถวนั้น หาได้ยากมากแล้วจริงๆ ขณะที่ความต้องการอยู่อาศัยแท้จริง ยังมีเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
"Knightsbridge Prime รัชโยธิน" 50 ม. จากรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายสถานี พหลโยธิน24
ราคาเริ่ม 3.33 ล้านบาท
มีแค่ 333 ยูนิตเอง ที่จอดรถก็ 70% เป็นแหล่งทำงาน แหล่งของกินของใช้ นี่เลย เซ็นทรัลลาดพร้าว
แค่คนจาก SCB Park ก็คงแทบไม่พอขายแล้วล่ะ แต่คาดว่า ราคาไม่ถูกแน่ๆ
ลุ้นเหมือนกัน Sold out ไหมหนอ
ว่าแต่ ราคา กับจำนวนยูนิต มันบังเอิญเป็นเลข 3 หมดสินะ 555
"Knightsbridge Collage รามคำแหง" 100 ม. จากรถไฟฟ้าสายสีส้มสถานี หัวหมาก
ราคาเริ่ม 1.89 ล้านบาท
แหม... ชอบแผนที่จัง ชื่นชมคนทำเลยครับ
สูง 25 ชั้น 682 ยูนิต ทำเลคึกคักทีเดียว ยิ่งถ้ารถไฟฟ้าสายใหม่สร้างเสร็จ จะยิ่งสะดวกในการเดินทางมาก แต่มันก็รออีกนานอะนะ อย่าเพิ่งไปคิดไรมาก
ต่อให้ไม่มีรถไฟฟ้า ผมก็ยังรู้สึกว่ามันเป็นทำเลที่ดีนะ ความอุดมสมบูรณ์แถวนั้นเพียบพร้อมอยู่แล้ว
ขอแค่ราคาอย่าแรง ยอดขายไปได้เรื่อยๆแน่
"Knightsbridge Kaset Society" 40 ม. จากรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายสถานี เสนานิคม
ราคาเริ่ม 2.69 ล้านบาท
ผมชอบทำเลที่นี่จริงๆ อาจจะเพราะมีอดีตอันเร่าร้อนแถวนี้ก็เป็นได้ 555
แม้จะไม่ได้ติดห้าง แต่ก็มีของกินในพื้นที่เยอะเลยครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องปากท้อง
การดีไซน์ตึกก็ดูสวยแปลกดี น่าจะมีคนสนใจที่นี่อยู่พอควรเลย
ขออย่างเดียว ราคาอย่าหนี The Selected เกษตร ของ LPN มาก เชื่อว่ามีโอกาส Sold out ได้เลยนา 300 กว่ายูนิตเอง
จบกันไปกับ 4 โครงการใหม่ อาจจะน้อยไปหน่อย เพราะมันหลายที่
ไว้จะทำรีวิวเสริมแต่ละโครงการให้อีกทีนะ
คุณ พีระพงศ์ จรูญเอก เคยบอกว่าจะขึ้น TOP 5 ให้ได้ เมื่อราว 3 ปีที่แล้ว ตอนนี้ ก็อาจนับได้ว่ามาถึงแล้ว
และในตอนนี้ คุณ พีระพงศ์ จรูญเอก ก็บอกว่า จะขึ้น TOP 3 ให้ได้ ภายใน 5 ปี
อืม... ดูจากอัตราการเติบโตแบบนี้ มีโอกาสไม่น้อยเลยครับ
แถมตอนนี้มีการพัฒนา บริษัทในเครือที่จะมาคอยดูแลเจ้าของห้องให้แบบ Plus Property ของ แสนสิริ
คือคอยดูแลเรื่องซื้อขาย ปล่อยเช่าให้เราน่ะแหละ
ถ้าทำได้ดี เชื่อว่าจะกลายเป็นอีกจุดแข็งโป๊กเลยล่ะ
แต่ผมขออย่างนะ อยากให้คุณภาพการก่อสร้างขยายพัฒนาตามไปด้วยในอัตราเดียวกัน
ผมไม่ได้บอกว่าไม่ดีนะ แต่อยากให้พัฒนาเพิ่มตามไปด้วย แค่นั้นเอง
มีหลายบริษัทที่มัวแต่เพิ่มโครงการใหม่ๆ จนคุณภาพโครงการลดลง อย่าให้เป็นแบบนั้นเลยเนอะ
"ถ้าคุณไม่ทิ้งลูกค้า ลูกค้าก็จะไม่ทิ้งคุณเช่นกัน" เชื่อเถอะครับ