ในอนาคตรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ซึ่งคาดว่าน่าจะสร้างเสร็จปีใน 62 นี้

จะมีสถานีเสนานิคม ผ่านหน้าซอยพหลโยธิน 32 ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้กับโครงการที่สุด ถึงตอนนั้นก็จะยิ่งสะดวกเข้าไปอีก

หรือจากหมอชิตตอนนี้ ใครจะขึ้นรถเมล์ไปลงแถวนั้นก็ได้ มีผ่านหลายสาย

พอถึงม.เกษตรแล้วผมก็เดินเลียบมาทางฝั่งถนนพหลโยธิน บริเวณแยกเกษตรเสารถไฟฟ้าเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมากแล้ว

มาเริ่มกันด้วยเรื่องของปากท้อง ตลอดแนวตั้งแต่แยกเกษตรเดินลงมาเรื่อยๆ ของอร่อยมีให้กินไม่ขาดสาย

ตั้งแต่หน้าตลาดอมรพันธ์

ตลอดทางคิดว่าอยู่หน้ารามฯเลยนะเนี่ย

รถไฟฟ้าก็กำลังเร่งก่อสร้างกันอยู่ แต่เหมือนจะมีการทุบสะพานลอยทิ้ง เลยไม่แน่ใจว่าจะไปขึ้นตรงไหนแทนต้องรอติดตาม

ระหว่างนี้ก็ให้ข้ามถนนกันแบบนี้ไปก่อน

ผมพาข้ามถนนไปยังฝั่งเลขคู่ เจอซอยพหลโยธิน 34/2 บริเวณนี้มีวินมอเตอร์ไซค์ และป้ายรถเมล์

คนรอกันเยอะเป็นประจำเลยป้ายนี้

เดินต่อมาอีกหน่อยก็เจอกับธนาคารกรุงเทพ สาขาบางเขน ซึ่งอยู่ติดกับร้านข้าวผัดปู (ที่จะไม่อยู่แล้ว)

ถัดมาก็จะเป็น ซอยพหลโยธิน 34/1 ซอยนี้ก็พอมีบ้านพักอาศัยและหอพักนักศึกษาอยู่บ้าง

ต่อมาอีกหน่อยก็จะเห็นป้ายบอกชื่อ “สถานีเสนานิคม” ระยะทางจากสถานีไปจนถึงโครงการประมาณ กิโลกว่าๆ

และพอถึงปากซอยพหลโยธิน 34

หน้าทางเข้าก็เจอวินมอเตอร์ไซค์เลย จะเข้าโครงการก็เรียกใช้บริการได้เลยครับ 10 บาทเท่านั้น

จะเข้าไปยังโครงการ ก็อย่างที่บอกว่าแอบเป็นกิโลอยู่ เลยแนะนำให้เรียกพี่วินเข้าไปจะดีกว่า เดินตอนกลางวันแดดจะเผาเอาได้

เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ถัดจากซอยนี้ไปก็เป็นโรงพยาบาลเปาโล ซึ่งมีคอนโดอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลขนาดนี้ มันอุ่นใจดีนะครับ

ทั้งยังมีตลาดบางเขนอยู่ใกล้ๆ ให้ได้เลือกซื้อของแห้งของสดเข้าไปทำสุกี้กินกันเองที่ห้องได้สบายๆ

ตลอดเส้นถนนพหลโยธินก็มีรถเมล์ รถตู้วิ่งผ่านเยอะแยะมากมาย

แถมในซอยนี้ยังสามารถเข้าทางด้านหลังโรงพยาบาลเปาโลได้อีกด้วยนะ

เข้ามาในซอยก็จะเป็นถนนสองเลนแบบนี้

เข้ามาประมาณกลางซอยจะเจอซอยพหลฯ 34 แยก 1 สามารถทะลุออกไปกรมยุทธฯได้

ในซอยนี้มีคอนโดอยู่เยอะใช่เล่นนะครับ แต่ก็ยังไม่ค่อยเห็นร้านสะดวกซื้อ หรือของกินของขายสักเท่าไหร่ในช่วงต้นๆ ซอย

จนมาเจอกับสามแยก จะมีป้ายบอกทางเลี้ยวซ้ายไปออกถนนเกษตรนวมินทร์ (ตรงไปเป็นทางตัน)

มาถึงตรงนี้เหมือนหลุดเข้ามาอีกเมืองนึงเลยนะ คึกคัก ของกินเพียบ

มีรถสัญจรไปมาอยู่ตลอด (เกือบจะรถติดเลยแหละ)

มี 7-11 ใหญ่ๆ อยู่หัวซอยเลย แถมยังมี Lotus Express อยู่เยื้องๆกันด้วย อุดมสมบูรณ์มาก

เดินเข้ามาอีกนิดก็มีพี่วินรอให้บริการอยู่ คนไม่มีรถก็ไม่ลำบากเลย

ภายในซอยก็ดูคึกคัก โดยเฉพาะช่วงเย็นๆ ที่คนเริ่มจะกลับเข้าที่พัก

มีร้านขายยา ร้านอาหาร ร้านขายของชำ ร้านทำผม

ถ้าคอนโดสร้างเสร็จเมื่อไหร่ ก็คงจะมีสีสันและมีร้านใหม่ๆ มาเปิดเพิ่มอีกเพียบ

จากสามแยกเข้ามายังโครงการ อยู่ในระยะเดินได้แบบชิลๆ

แล้วก็ถึงโครงการ เอลลิโอ เดล มอสส์ พหลโยธิน 34 (Elio Del Moss) เข้าซอยมาจะอยู่ทางด้านขวามือ

โครงการเป็นแบบ Low Rise มาในแนวคิดแบบ “Urban Forest - ป่าในเมือง”

โดยต้องการเน้นให้เป็นการพักอาศัยในอยู่เมือง แต่ได้รู้สึกผ่อนคลายและพักผ่อนกันได้ทุกวัน

ส่วนกลางมาในสไตล์รีสอร์ทคอนโด มีการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งสวน และส่วนอื่นๆ ให้เหมือนป่า

ที่อุดมไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้า สอดคล้องกับม.เกษตรศาสตร์ด้วยนะเนี่ย

โครงการเป็นแบบ Fully furnished พื้นที่รอบๆเป็นพื้นที่ชุมชน ดึกๆ แถวนี้ก็คงจะคึกคักน่าดู

โครงการตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 13 ไร่กว่าๆ มีจำนวน 1,524 ยูนิต

แต่ตอนนี้ Sale Gallery ไม่ได้อยู่ตรงสถานที่โครงการจริงนะครับ แต่แอบไปอยู่ที่ ซอยพหลโยธิน 32

 

 

 

หน้าซอยจะเป็นโชว์รูมนิสสัน ซึ่งหากใครวิ่งมาจากเส้นงามวงศ์วาน ลงอุโมงค์แยกเกษตรมา ก็ต้องไปกลับรถมาเพื่อเข้าโครงการที่ซอยประเสริฐมนูกิจ 2

แต่ถ้าเข้าทางนี้จะใกล้ เอลลิโอ เดล มอสส์ (Elio Del Moss) มากกว่าเข้าทางซอยพหลฯ34 นะ (แต่ก็จะไม่มีรถไฟฟ้าอยู่ทางนี้นะเออ)

 

 

 

 

 

 

โครงการ เอลลิโอ เดล มอสส์ พหลโยธิน 34 (Elio Del Moss) ทำเลค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เลย ถึงแม้อยู่ในซอยก็ตาม

เพราะด้วยความที่ในซอยพหลฯ 34 เป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีคนอยู่เยอะ แถมยังตัดทะลุถนนพหลฯ กับ ถนนเกษตร-นวมินทร์ ได้อีกด้วย

(ผมใช้เป็นทางหลบรถติดที่แยกเกษตรฯ อยู่บ่อยครั้ง)

 

และแน่นอนว่าจุดเด่นที่สำคัญต่อมาก็คือ ใกล้สถานศึกษาอย่าง ม.เกษตรฯ และ ม.ศรีปทุม

และถึงแม้โครงการจะไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ แต่ก็มีบริการ Shuttle Bus รับส่งระหว่างโครงการ ไปยังปากซอยพหลฯ34 อีกด้วย

(Elio ตัวพี่ที่ ซอยสุขุมวิท 64 ก็มีรถตู้เหลืองๆ บริการอยู่จนถึงทุกวันนี้เลย)

 

และถึงแม้ในช่วงเร่งด่วน ยังไม่ถึงรอบรถตู้ออก ก็มีพี่วินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการอยู่ใกล้ๆ

ภายในซอยก็คึกคัก ใครติวหนังสือดึกๆ แล้วหิว ก็ไม่ต้องกลัว มี 7-11 และ Lotus Express อยู่ใกล้ๆ

แถมภายในโครงการเองเห็นว่าจะมี Max Value มาเปิดด้วยนะ

 

ซึ่งการที่เขยิบออกมาจากรถไฟฟ้าสักหน่อย ข้อดีก็คือ “ราคา” จะซอฟท์ลงกว่าคอนโดถนนใหญ่ที่ติดรถไฟฟ้าพอสมควร

ที่สำคัญความสงบก็มีมากกว่าด้วย

ถือเป็นอีกทางเลือกให้กับผู้อยู่อาศัยครับ

และนี่คือทำเลโครงการที่ผมตั้งใจพาทุกคนมารู้จักกันในวันนี้

“ป่าในเมือง” มีความน่าสนใจไม่ใช่น้อย ถ้าจะมีที่พักอาศัยในเมืองที่ชวนให้ผ่อนคลายได้ขนาดนี้

ก็คงจะช่วยชาร์จพลังงานให้ชีวิตได้ไม่เบาเลยนะ

 

อดใจรออีกหน่อยเราคงจะได้เห็นการพัฒนาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆของย่านนี้นะครับ

สงสัยว่าลูกนนทรีย์อย่างผมคงต้องได้กลับบ้านมาอีกบ่อยๆเลยแหละ