ตลาดอสังหาฯ ใน กทม. ตอนนี้เห็นได้ชัดเลยว่ามีการชะลอตัวเป็นอย่างมาก โครงการเปิดใหม่น้อยลง แต่ในขณะเดียวกันทางฝั่งเมืองท่องเที่ยว อย่างภูเก็ต พัทยา หัวหิน และสมุย กลับคึกคักเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภูเก็ตที่กลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนสำคัญ ด้วยกำลังซื้อที่แข็งแกร่งจากทั้งไทยและต่างชาติ ทำให้บรรดาผู้พัฒนาแห่เปิดโครงการใหม่เป็นจำนวนมากที่สุดในรอบ 15 ปี

         ข้อมูลจาก ‘คอลลิเออร์ส ประเทศไทย’ ระบุว่า ในปี 2567 ภูเก็ตต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 14 ล้านคน สร้างรายได้สูงถึง 400,000 ล้านบาท ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯ เติบโตแบบก้าวกระโดดโดยเฉพาะจากกลุ่มนักลงทุนรัสเซีย ออสเตรเลีย อินเดีย จีน และคาซัคสถาน ที่ให้ความสนใจซื้ออสังหาฯ ทั้งแบบยูนิตเดียวและซื้อเหมาอาคาร ขณะที่ผู้พัฒนาหลายรายมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่องและบางแห่งก่อสร้างไม่ทันต่อความต้องการ

         โดยบริษัทอสังหาชั้นนำ เช่น บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้, บมจ. ศุภาลัย, บมจ. แสนสิริ, บมจ. แอสเซทไวส์, บจ. โบทานิก้า ลักซูรี่ ภูเก็ต และ บจ. โบ๊ทพัฒนา จำกัด ต่างเร่งเปิดโครงการใหม่ในจังหวัดภูเก็ต ส่งผลให้มีอุปทานเปิดขายใหม่ทั้งในกลุ่มคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศรวมกว่า 140 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมสูงถึง 158,638 ล้านบาท สำหรับตลาดคอนโดปี 2567 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ถึง 14,718 ยูนิต จาก 54 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 102,033 ล้านบาท มากที่สุดในรอบ 15 ปี โดยทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ บางเทา เชิงทะเล กะตะ และใจกลางเมืองภูเก็ต

         มีการคาดการณ์ว่า ปี 2568 ตลาดคอนโดในภูเก็ตจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยกำลังซื้อจากชาวรัสเซียยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันตลาด ขณะที่คาดว่าจะมีผู้พัฒนาใหม่จากกรุงเทพฯ เข้ามาแข่งขันเพิ่มขึ้น ตลาดบ้านพักตากอากาศในภูเก็ตยังคงเป็นที่ต้องการของกลุ่มเศรษฐีทั้งไทยและต่างชาติ คาดว่าภาพรวมตลาดอสังหาในภูเก็ตจะยังคงคึกคักตลอดปี 2568 โดยเฉพาะในกลุ่มลักชัวรี และตลาดให้เช่าระยะยาวที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

         นอกจากภูเก็ตแล้ว พัทยาและพื้นที่ชะอำ-หัวหิน-ปราณบุรี ก็เป็นทำเลที่ผู้พัฒนาอสังหาฯ ให้ความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะพัทยาที่กำลังได้รับอานิสงส์จาก EEC ทำให้ตลาดคอนโดและบ้านพักตากอากาศขยายตัวเพิ่มขึ้นในปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่ามีโครงการคอนโดเปิดขายใหม่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีมากถึง 20 โครงการ 10,443 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมถึง 40,865 ล้านบาท

         ในขณะที่พื้นที่ชะอำ-หัวหิน-ปราณบุรี ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ซื้อที่มองหาบ้านพักตากอากาศใกล้กรุงเทพฯ โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องการอยู่อาศัยระยะยาวและนักลงทุนที่มองหาโอกาสปล่อยเช่าระยะยาว ในปีที่ผ่านมามีอุปทานเปิดขายใหม่ของคอนโดในพื้นที่หัวหิน ชะอำ และปราณบุรี จำนวน 3 โครงการ 753 ยูนิต ด้วยมูลค่าการลงทุนรวม 6,460 ล้านบาท ทั้งหมดตั้งอยู่ในพื้นที่หัวหินฝั่งทะเล ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมที่สุดในพื้นที่นี้ทสำหรับในปีพ.ศ. 2568 ตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่หัวหิน ชะอำ และปราณบุรีจะยังคงได้รับความสนใจจากผู้พัฒนาเข้าพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องอีกมากกว่า 1,000 ยูนิต และในอนาคตอาจมีความเป็นไปได้ที่จะได้เห็นการพัฒนาโครงการคอนโดแบบ Leasehold ในพื้นที่นี้ เนื่องจากปัจจุบันที่ดินติดชายหาดในพื้นที่หัวหิน ชะอำ และปราณบุรี หาได้ค่อนข้างยากและมีราคาเสนอขายที่สูงเป็นอย่างมาก