ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ประกาศผลประกอบการปี 2567 มียอดรับรู้รายได้ที่ 3,696.59 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิที่ 588.04 ล้านบาท โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น พิจารณาจ่ายปันผลทั้งปีที่ 0.34 บาท/หุ้น ซึ่งหากคิดที่ราคาหุ้นปัจจุบัน คิดเป็น Dividend Yield อยู่ที่ระดับราว 6.4%
โดยลลิลฯ กล่าวถึงภาพรวมของเศรษฐกิจในปี 2567 ว่าขยายตัวได้ที่ 2.5% ซึ่งขยายตัวได้ต่ำกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์เมื่อช่วงต้นปี ทั้งนี้นับว่าเป็นอัตราการขยายตัวได้ต่ำกว่าศักยภาพของประเทศ โดยเครื่องยนต์หลักที่ยังขยายตัวได้ดีมาจากภาคการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ ตลอดจนภาคการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ในแง่ของตลาดอสังหาฯ ในปี 256 7ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ยังคงมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้เกิดสภาวะขายได้แต่โอนไม่ได้ ภาพรวมของตลาดมีการหดตัวลงในปี 2567 ทั้งตัวเลขจดทะเบียนที่อยู่อาศัย และตัวเลขหน่วยโอนกรรมสิทธิ์จากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์
สำหรับลลิลฯ มีการบริหารงานอย่างรัดกุม เน้นการทำตลาดในกลุ่มผู้ซื้อที่เป็น Real Demand และพยายามพัฒนารูปแบบบ้านที่ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้า จึงช่วยให้ภาพรวมผลประกอบการของบริษัท แม้มีการปรับลดลง แต่เป็นการปรับลดลงที่น้อยกว่าภาวะตลาดโดยรวม โดยผลประกอบการของบริษัทในปี 2567 ท่ามกลางสภาพตลาดที่หดตัว บริษัทฯ สามารถทำยอดรับรู้รายได้ที่ 3,696.59 ล้านบาท โดยยังคงสามารถบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ได้ดี ยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ราว 39% และมีตัวเลขกำไรสุทธิที่ 588.04 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ 16% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของสภาวะอุตสาหกรรมโดยรวม
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติเห็นชอบนำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในการจัดสรรกำไรสำหรับปี 2567 ให้กับผู้ถือหุ้น โดยจ่ายเงินปันผลรวมทั้งปีในอัตราหุ้นละ 0.34 บาท หรือราว 314.5 ล้านบาท ซึ่งหากคิดที่ราคาหุ้นปัจจุบัน คิดเป็น Dividend Yield อยู่ที่ระดับราว 6.4% โดยบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วที่ 0.165 บาท ดังนั้นจะเหลือจ่ายเพิ่มเติมอีก 0.175 บาทต่อหุ้น โดยได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 14 มีนาคม 2568 (หรือขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 13 มีนาคม 2568) และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ในแง่ของงบดุล แสดงให้เห็นถึงสภาพคล่อง และสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
โดยมีอัตราหนี้สินต่อทุนที่ปรับลดลงติดต่อกัน 2 ไตรมาส และมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net D/E ratio) อยู่ที่เพียง 0.63 เท่า ณ สิ้นปี 2567 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม นอกจากนี้บริษัทยังมีวงเงิน Committed Line คงเหลือเบิกจากธนาคารพาณิชย์พันธมิตรหลายแห่ง ที่สามารถเบิกใช้ได้อีกกว่า 3,000 ล้านบาท จึงนับว่าบริษัทมีสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง และแสดงถึงการบริหารความเสี่ยงทางการเงินอย่างรัดกุม
ในส่วนของแนวโน้มในปี 2568 คาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะขยายตัวได้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 37-38 ล้านคน เม็ดเงินการลงทุนภาคเอกชนคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) อัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับลดลง ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่คาดว่าจะมีออกมาเพิ่มเติม ทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยบวกให้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์น่าจะมีการฟื้นตัวได้ดีขึ้นกว่าในปี 2567 โดยบริษัทตั้งเป้าขยายตัวอย่างยั่งยืน โดยตั้งเป้ายอดขายสำหรับปี 2568 ที่ 5,000 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 4,050 ล้านบาท
Tag :
"KAVALON" พัฒนาโดย "เจ้าพ่อแคมปัสคอนโด" แห่งยุคอย่าง AssetWise ซึ่งนี่ก็เป็นโครงการที่ 6 แล้ว ในโซน ม.กรุงเทพ รังสิต
สิ่งหนึ่งที่ผมตั้งตารอเวลาไปงานแถลงข่าวต้นปีของ AssetWise ก็คือ "ชื่อ" ของโครงการใหม่ๆในปีนั้นนั่นละครับ ยอมรับเลยว่า เป็น Dev ที่ตั้งชื่อโครงการได้แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ไพเราะเสนาะหู ช่างสรรหาจริงๆ 555
"MARU CHULA" สรุป สิ่งที่ควรรู้ของคอนโดใหม่จากค่าย Major
อะอ้าววว!! กลายเป็นว่าที่ดินตรงใกล้ๆ BTS อุดมสุข ที่ก่อนหน้าที่เคยจะทำเป็นโครงการ "The PARKLAND" กลายไปตกอยู่ในมือของ AP ซะงั้น!!
จั่วหัวไว้ก่อนเลยว่า วันปล่อยบทความ โครงการอาจจะเสร็จเรียบร้อยพอดี!!
ใครที่เคยสนใจ Zelle รัตนาธิเบศร์ ตอนนี้เค้ามี "Zelle รัตนาธิเบศร์ 2" มาเสริมทัพความปังของสายสีม่วงแล้วด้วยนะ
ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เตรียมขายหุ้นกู้ 2 รุ่น ดอกเบี้ย 4.85%-5.15% ต่อปี!!!
คิดว่า "PTY Residence Sai 1" น่าจะเป็นคอนโดที่มาแรงที่สุดตอนนี้แล้วนะ ยิ่งเห็นโควต้าต่างชาติจากยอดจองที่ทะลักไป 1.8 พันล้าน ยิ่งรู้สึกได้ว่าน่าจะเป็นของ "แรง" ชนิดฉุดไม่อยู่แล้ว
ข่าวดี!!! ดอกเบี้ยบ้านตอนนี้เริ่มลดลงแล้ว
แต่ในปีที่ 20 ของบริษัท พร้อมความสำเร็จมากมายขนาดนี้ มันคือหลักฐานของการตัดสินใจที่ถูกต้องในทุกการก้าวเดิน
เป็นนวัตกรรมของไข่มุกจริงๆ เดิมทีผมเป็นคนชอบกินข้าวเหนียวแดงอยู่ละ แต่มัน ควบคุมคุณภาพได้ยาก มักจะแข็งไป ต้องโชคดีแบบเจอเพิ่งหุงเสร็จ หลังๆเลยห่างๆไป