วันก่อนไปดูโครงการ "IRA Residences งามวงศ์วาน" มา น่าจะเป็นบ้านที่หยิบเพนพ้อยต์ลูกค้ามาคิดอย่างจริงจังและปรับออกมาให้ใช้งานได้จริงที่สุดเท่าที่เห็นในช่วงนี้แล้วครับ

        โครงการนี้เป็นโปรดักส์แนวราบตัวใหม่บนที่สุดของทำเลแรร์ไอเทม อย่าง ‘งามวงศ์วาน’ จากบูทีค ดีเวลลอปเปอร์ที่เราคุ้นหน้ากันดี "นายณ์ เอสเตท"

        "IRA Residences งามวงศ์วาน" มีขนาดพื้นที่ประมาณ 7 ไร่ มีสัดส่วนพื้นที่สีเขียวมากถึง 15% ของพื้นที่ทั้งหมด มองไปเจอแต่สีเขียว

        แต่ผมรู้มาว่าพันธุ์ไม้ที่นี่ไม่ใช่สัก แค่จะปลูกก็ปลูกนะ แต่เค้าศึกษามาก่อนว่าแต่ละต้นแต่ละพันธุ์ทำหน้าที่อะไร

        บางต้นปลูกเพื่อใช้ความสูงมาครีเอทไพรเวซี่ เพิ่มช่องแสงและช่องลม ปลูกไม้กันแมลง ไม้เกิดกลิ่นหอม ไม้คลุมดินกันความชื้น โอ้โห เรียกว่าทุกพันธุ์ไม้ในโครงการมีหน้าที่ของตัวเองทั้งนั้น

        ย้อนกลับมาที่บ้านในโครงการ "IRA Residences งามวงศ์วาน" เป็นบ้านเดี่ยวที่มีเพียง 24 หลังเท่านั้น

        ขนาดพื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ 410 และ 380 ตารางเมตร เป็นไซส์ M และ L แบ่งขาย 2 เฟส ราคาขายเริ่มต้นอยู่ที่ 30 ล้านบาท  

        การออกแบบวางผังให้ทั้งโครงการเป็น Green community ทำให้บ้านจำนวน 2 ใน 3 เชื่อมต่อกับสวนส่วนกลางโดยตรงครับ

        ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อเพิ่มการมองเห็นพื้นที่สีเขียวส่วนกลางที่ร่มรื่นจากตัวบ้านนี่แหละ ซึ่งการออกแบบสวนส่วนกลางให้มีพื้นที่ใช้งานทั้งแบบ passive และ active แบบนี้ก็มีกระจายอยู่ทั้งสองสวนเลยด้วย

        อันที่จริงเท่าที่ผมสังเกต สวนส่วนกลางของหมู่บ้านทั่วไปมีไว้ชมแต่ใช้งานจริงไม่ได้ แต่ที่นี่เรียกว่าใช้งานได้จริง เพราะเดินได้ทั้งวันไม่ใช่แค่เช้ากับเย็น 

        ตัวบ้านเน้นการอยู่อาศัยแบบ 3 เจน แต่อีกจุดที่แหวกแนวคือที่นี่เค้าคิดต่างด้วยการเอาห้องผู้สูงอายุไว้ชั้น 2 แฮะ

        ปกติบ้านทั่วไปเอาห้องผู้สูงอายุไว้ชั้นแรกเหงาๆ แต่ที่นี่ไว้ชั้น 2 แล้วติดลิฟต์เพื่อให้เค้าไปที่ไหนก็ได้ ดูไม่เป็นการตัดขาดกันเกินไป เพราะห้องนอนสมาชิกคนอื่นก็อยู่ชั้น 2-3 เหมือนกัน แบบนี้ก็ดีนะ

        อ้อ อีกจุดที่ผมชอบคือ double living room เพราะมันช่วยให้ชีวิตสบายขึ้นมากกก

        คิดภาพง่ายๆ คือสมมุติพ่อแม่มีแขกมาที่บ้าน สมาชิกคนอื่นก็ไม่จำเป็นต้องหลบเข้าห้องนอน แต่ยังสามารถใช้ชีวิตปกติได้อีกชั้นหนึ่ง ผมคิดว่าต่อให้บ้านจะเล็กจะใหญ่ยังไงแต่ถ้ามีส่วนนี้เสริมไว้ก็เข้าท่า ได้ใจลูกค้าทีเดียวเชียว

        ในบ้านก็ยังมีคอร์ทยาร์ดเล็กๆ ให้มา ความสูง Floor to ceiling ทั้งหมด 3 เมตร พร้อมดับเบิ้ลวอลลุ่มและห้องน้ำที่ใหญ่โตอลังการมาก แต่ทางเดินตรงบันไดแอบมืดไปหน่อย อาจต้องติดตั้งไฟเพิ่ม

        ที่จอดรถเค้ายังอยู่เหมือนเดิม แต่ปรับด้วยการผลักบ้านออกมาให้มันดูใหญ่ขึ้น ทำให้เกิดช่องแสงและ ventilation ของลม

        ภาพรวมตัวบ้านในโครงการนี้คือการ "ปรับทิศ" เรียกว่าเป็นการ revised บ้านที่เคยเป็นหลังบ้านให้กลายเป็นหน้าบ้านทั้งหมดก็ว่าได้

        กลับทิศให้เป็นฝั่งสวนให้หมด revised ทุกอย่าง แยกสวนกับส่วนหน้าบ้านออกจากกัน ไปซื้อของมาก็ไม่ต้องเหนื่อยเดินขนจากท้ายรถเข้าบ้านไปไกล ผมว่าหลายๆ จุดในโครงการนี้ทำฟังก์ชันออกมาได้อย่างใส่ใจทุกรายละเอียดแบบไม่อวย

        อ้อ แล้วก็บ้าน 2 ไทป์ มีสวนขนาดใหญ่คั่นทุกไทป์นะครับ ทางเดินในโครงการเองก็มีช่องวิ่งที่ครีเอทมาให้มากพอที่จะวิ่งได้โดยไม่ต้องวิ่งไปเจอต้นไม้หรือเสาไฟฟ้าด้วย

        รวมๆ แล้วคือสามารถวิ่งออกกำลังกายในโครงการได้ถึง 620 เมตรโดยประมาณ วิ่ง 2 รอบก็เกือบกิโลกว่าแล้ว

        และนอกจากจะปรับฟังก์ชั่นใหม่ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัยแล้วยังเป็นโครงการ pet friendly ด้วย รองรับทั้งคนเลี้ยงและไม่เลี้ยงเจ้าเพื่อนซี้สี่ขา เรียกว่าอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบ

        ส่วนกลางนับว่าพร้อมและครบ ในโครงการมี 24 ยูนิตแต่ได้บ่อปลาคาร์ฟ ได้สนามหมาแมว มีเพลย์กราวนด์เน้นพัฒนาการเด็ก มีทางเดินที่เหมาะกับผู้สูงอายุ มีโคเวิร์กกิ้งสเปซใต้ต้นไม้อีกต่างหาก

        ในคลับเฮ้าส์ก็มีให้ทุกอย่างที่จำเป็น ทั้งเลานจ์สำหรับจัดประชุมหรือปาร์ตี้ของลูกบ้าน มีฟิตเนสที่ชั้น 3 ซึ่งตรงนี้จะสามารถเห็นพาโนรามาวิวสวนได้ด้วย

        โลเคชั่นคือออกกลางเมืองมานิดหนึ่ง แต่เข้าเมืองได้เร็ว เพราะใช้เวลาขึ้นทางด่วนแค่หนึ่งนาทีเท่านั้น ทั้งขาขึ้นและขาลงเลย

        เหมาะกับคนที่อยากออกมาอยู่นอกเมืองหน่อยแต่ก็ยังต้องการเข้าเมืองแบบสะดวกรวดเร็ว

        ส่วนรถไฟฟ้า ใกล้สุดจะเป็นสถานีแยกติวานนท์นะครับ ข้างโครงการมีคอร์ทแบด เข้าออกได้หลายทาง ทะลุเดอะมอลล์งามวงศ์วานได้ หลังกระทรวงสาธาฯ ก็ได้ ถนนหน้าโครงการแคบไปนิด กับผมกังวลเรื่องเสียงนิดหน่อยเพราะเครื่องบินบินผ่านหัวทุกชั่วโมงเลยนี่แหละ

        "IRA Residences งามวงศ์วาน" เป็นบ้านเดี่ยวทรอปิคอลโมเดิร์นสไตล์ ที่เรียบง่ายแต่มาในสไตล์แบบ Timeless เหมาะสำหรับทุกครอบครัวที่กำลังมองหาพื้นที่หลบหลีกความวุ่นวาย และให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ รองรับกิจกรรมในทุกช่วงวัย ตอนนี้ยังไม่เปิดขาย แต่น่าจะพร้อมให้เข้าอยู่ได้ในช่วงปลายปี 2568 นี้ในเฟสแรกครับผม