ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมมีกิจธุระที่ต้องลงไปที่ "จังหวัดตรัง" ครับ
รีบจองตั๋วเครื่องบินแบบด่วนๆ ได้ตั๋ว "สายการบินสิงโต" มาแบบราคาย่อมเยา ไป-กลับ 2 พันถ้วน เออถูกดีแฮะ
นี่คือครั้งแรกกับ "สนามบินตรัง" ของผม (แต่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไปตรังนะครับ)
สนามบินเล็กมาก แต่มีบริการสะดวกครบครันนะ เพราะแค่เดินออกมาข้างนอกประตู ก็มีบริการรถตู้เข้าเมืองเลย
"ไปที่พักชื่อ ........ อยู่ตรง ....."
"อ๋อ รู้จักครับ ขึ้นเลยๆ เดี๋ยวเอากระเป๋าไปเก็บข้างหลังให้"
ค่าเดินทาง 90 บาท ผมประทับใจนะ ทั้งมารยาท ทั้งระบบ (แบบบ้านๆ) นับว่าให้ความรู้สึกดีๆ กับผมพอสมควร
ผมมีเพื่อนสนิทอยู่ที่ตรังเลยครับ แต่รอบนี้มาธุระจริงๆ พวกเราเลยไมได้ใช้เวลาไปกับการ "Entertain" มากเท่าไหร่
แต่ขนาด "ไม่เท่าไหร่" ผมก็ยังมีอะไรๆ มาเล่าให้ "กิน" หลายอย่างเลย อิอิ
ขอบรรยายถึงตัว "จังหวัดตรัง" ก่อนละกัน
ผมคิดว่า "จังหวัดตรัง" ดูมีบุคคลิกภาพเหมือน "อดีตนายกฯ ชวน" เลยนะครับ
เงียบๆ ดูถ่อมตน สุภาพ แต่มีเอกลักษณ์ และมีความใกล้ชิดธรรมชาติสูงมาก
บ้านเมืองและอาหารการกินมีความเป็น "จีน" สูงมาก (เข้าทางผมเลย ฮ่าฮ่า)
ก่อนจะเดินทางไป น้องสาวผมบอกว่า "เฮีย ฝากซื้อ "ขนมเปี๊ยะ ซอย9" ด้วย"
"คือไรอะ?"
"เอ้ย เฮียไม่รู้จักเหรอ ดังมากนะ"
อ่ะ จดเลยๆ ยังไงก็ต้องไป
พอบอกชื่อร้าน "ขนมเปี๊ยะซอย 9" ไป เพื่อนสนิทผมก็รู้จักเลย และใช้เวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดพาผมไปตั้งแต่วันแรกเลย
ร้านขนมเปี๊ยะ ซอย 9 ก็อยู่ซอย 9 จริงๆ แต่อะไร 9 ผมจำไมไ่ด้ละ ฮ่าฮ่า
เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่า เจ้าของเป็นเชฟที่ "โรงแรมธรรมรินทร์" ซึ่งเป็นโรงแรมชื่อดังในจังหวัดตรังมาก่อน
ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมร้านนี้ถึงประสบความสำเร็จ เพราะนอกจาก "รสชาติ" ของขนมที่อร่อยแล้ว Service Mind ยังเต็มเปี่ยม
ผมเข้ามาในร้านปุ๊ป พนักงานก็ให้นั่งก่อนเลย "ขนมที่อยู่บนโต๊ะ ทานได้หมดเลยนะคะ กี่ชิ้นก็ได้ ตามสบาย"
ที่สำคัญ ยังมีน้ำชาร้อน ที่ผมมาสังเกตว่าเป็น "ชา - เก๊กฮวย" หอมๆ ให้ดื่มฟรี
คิดดูสิ นั่งกินขนมอร่อยๆ กับ ชาหอมๆ ตากแอร์เย็นๆ พนังงานไม่เร่งเราด้วย ....... เอาใจไปเต็มๆ
ขนมที่เป็น Signature ของร้านก็คือ ขนมเปี๊ยะไส้เผือกไข่เค็ม ขนมชิ้นใหญ่ๆ ไส้เผือกเน้นๆ ไข่แดงเต็มๆ อร่อยสุดๆ
ดูได้จาก ชั้นวางที่ป้ายแปะว่า "จองแล้ว" เพียบเลย
แต่ผมกลับไปถูกใจขนมอีกอย่างมากเป็นพิเศษ "ขนมหน้าแตก"
เพื่อนผมแนะนำว่า "เราชอบอันนี้มากกว่านะ"
ผมลองชิมดู มันอารมณ์เหมือน "คุกกี้" แต่ไม่ไปทางเนยแบบฝั่ง มันจะกรอบมากกว่า (แบบกรอบมากๆ) ออกเค็มมากกว่าคุกกี้แบบฝรั่ง มีไส้เป็นเม็ดมะม่วงหิมพานต์ กินแล้วเข้ากันสุดๆ !!!!
ผมกินไปเยอะมาก แล้วก็ซื้อกลับมาให้ที่บ้านชิม แต่ซื้อเพียงเล็กน้อย
ปรากฏว่า พอมาถึงบ้าน หม่าม้า ชิมแล้วบอกว่า "เอ้ย อร่อยมาก ฝากเพื่อนซื้อมาอีกได้ไหม จะเอามาไหว้ตรุษจีนด้วย!!!!"
นั่นไง ผมไม่ได้คิดไปเอง
สุดท้าย ผมซื้อขนมกลับมาน้ำหนักเยอะกว่าสัมภาระที่ผมจัดมาซะอีก ฮ่าฮ่า!!!!
ขนมอีกร้านที่ประทับใจก็คือ "ลอดช่อง" ชื่อ "ลอดช่องสิงคโปร์ แม่ศรีนวล" อยู่ที่ "สี่แยกวังตอ"
ร้านนี้มาแบบไม่ตั้งใจ เป็นการซ้อนมอเตอร์ไซค์เพื่อนแล้วผ่านพอดี ช่วงนั้นกำลังหิวน้ำ เพื่อนเห็นก็แวะซะเลย
ขอให้ลืมลอดช่องแบบเขียวๆ ไปเลยนะครับ เพราะลอดช่องแม่ศรีนวล เป็นแบบตามรูปเลย สีใสๆ
ตัวเส้นลอดช่องใสๆ เนี่ยไม่มีรสชาติหรอกครับ แต่ Texture ดีเลย หยุ่นๆ หนึบๆ แต่น้ำราดที่เป็นน้ำเชื่อมหอมมาก พอใส่น้ำแข็งกรวด กินรวมกันแล้ว "หอมชื่นใจ"
ราคาถ้วยละ 10 บาท หาได้ไหมที่กรุงเทพฯ !!!!
แม่ค้าแนะนำ "ขนมเปียกปูน" เพิ่มอีกอย่าง ซึ่งมาถึงขนาดนี้ ก็ต้องลองล่ะครับ ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง หอม หวาน รสชาติแบบโบราณจริงๆ
สรุป มื้อเล็กๆ นี้ 30 บาท ดับกระหาย เติมความหวาน สดชื่นมากเลย
มื้อสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องกลับ เพื่อนบอกว่า "พาไปกิน "ไส้ไก่" ดีกว่า แล้วค่อยไปขึ้นเครื่อง ยังพอมีเวลา"
ผมก็ "เออๆ" ไป แต่ในใจ "ไส้ไก่อะไรวะ?" ฮ่าฮ่า
สรุป มันคือปาท่องโก๋กรอบจิ้มสังขยาครับ แต่คนที่นี่เรียก "ไส้ไก่"
สงสัยจะเป็นเจ้าดังจริงๆ เพราะตอนไปถึงร้าน เค้ายังไม่ทอด แต่มีคนมารอแล้ว 5-6 โต๊ะ มาเพื่อกินปาท่องโก๋โดยเฉพาะเลยนะ
ซึ่งก็ต้องบอกว่า "คุ้มค่าการรอคอย" ปาท่องโก๋กรอบๆ จิ้มกับสังขยาแบบท้องถิ่น คือมันจะมาในถ้วยน้ำจิ้ม กึงเหลวกึ่งแข็ง อารมณ์เหมือนแยม กินแล้วเข้ากันมากๆ
เห็นหลายๆ คนมานั่งกินร่วมกับกาแฟ แล้วก็เมาท์ๆ กัน ผมว่า "ชิลด์" มากเลย คงเป็นวิถีชีวิตปกติของเค้ากันล่ะครับ
จริงๆ ร้านนี้มีขายของคาวด้วยนะ แล้วผมก็ว่า "อร่อยเลย" โดยเฉาพาะ "หมี่หุ้นกระดูกหมู"
"หมี่หุ้น" ก็คือ เส้นหมี่ขาวนั่นแหละ ผมแอบสั่ง "ใส่ไข่" เพิ่มเข้าไปอีกด้วย (พอดีร้านเค้าขายโจ๊กด้วย)
เส้นหมี่ก็หมี่ขาวธรรมดาครับ แต่ที่เด็ดคือ น้ำซุป หอมอร่อย แบบคนจีนโบราณๆ เลย รสชาติแบบนี้หากินยากแล้วครับ
ผมถามชื่อร้าน ปรากฏว่า "ไม่มี!!!" เพื่อนผมก็ไม่รู้ ป้ายก็ไม่มี แต่ร้านขายมานานมากแล้วนะครับ คนตรังรู้จักทุกคน
แต่เค้าคงไมไ่ด้ต้องการการโปรโมตหรอก แค่นี้คนก็เยอะแล้ว ฮ่าฮ่า
ก่อนกลับจริงๆ เพื่อนขับพาไปดู "สถานีรถไฟตรัง" สักหน่อย ไปดูความ "คลาสสิค"
ช่วงที่ไป เหมือนมีการอบรมพนักงานพอดี ก็เลยได้ภาพสวยๆ มา
ผมดูราคาค่าตั๋วแล้วก็พบว่าแพงกว่าค่าตั๋วเครื่องบินที่ผมจองมาอีกครับ ก็เลยไม่แปลกที่คนจะไม่ได้ใช้บริการรถไฟมากนักแล้ว
ทริป "ตรัง" 2 วันของผม ถึงแม้จะเป็นเรื่องกิจธุระซะมากกว่า แต่ก็ประทับใจกับความสงบของเมือง วิถีชีวิตที่เรียบง่าย (เหมือนท่านชวน) อาหารการกินที่มีความเป็นจีนสูงมาก (ซึ่งผม ช้อบชอบ) ทำให้ผมนึกถึงวลีของนิยายกำลังภายในจีนที่ว่า "ความสงบ สยบความเคลื่อนไหว"
เมืองตรังก็เป็นเช่นนั้นครับ ^^