ปลายปีนี้เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ AEC กันแล้วนะครับ
ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปคนเดียวหรือเปล่าว่าความคาดหวังในเรื่องเศรษฐกิจของคนไทย ดูจะเงียบๆ ไป เราไม่ตื่นเต้นเหมือนช่วงปลายปีที่แล้ว ทั้งๆ ที่มันควรจะกลับกัน
อาจจะเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจของประเทศเราที่ดูเงียบๆ ถึงขั้นซบเซาในช่วงนี้ก็ได้ แต่ในมุมมองของผม ยังเชื่อเสมอนะครับว่า “เศรษฐกิจเป็นเรื่องของจิตใจ” ถ้าบรรยากาศดี ทุกคนก็อยากใช้เงิน พอเงินหมุนไป เศรษฐกิจก็จะกลับมาเดินเครื่องอีกครั้ง
ตอนนี้เลยเป็นเรื่องที่ว่ารัฐบาลกำลังพยายามที่จะเอาเงินมาเข้าสู่ระบบให้มากที่สุด แต่ด้วยวิธีการที่ไม่ใช่การโปรยเงินเข้าระบบแบบแจกเงินง่ายๆ เพราะมันจะเป็นการสปอยล์คนไทย (อีกครั้ง) โดยเครื่องมือที่ว่าก็คือพวกโปรเจคต์เส้นทางคมนาคมต่างๆ โดยเฉพาะพวกรถไฟฟ้าทั้งหลาย เม็ดเงินหล่านี้น่าจะส่งผลจริงๆ ก็ปี 59 ซึ่งเป็นปริมาณที่มหาศาลอยู่พอสมควร ซึ่งเราก็คงต้องมารอดูกันต่อไปว่ามันจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจบ้านเราได้มากแค่ไหน
ส่วนในแง่ของอสังหาริมทรัพย์นั้น ปีหน้าจะเป็นปีแห่งความท้าทาย ในงานสัมนาของ TOL เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาก็ได้มีการพูดถึงประเด็นนี้เหมือนกันว่า “ปี 59 จะเป็นปีที่ชาวต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ของไทยมากที่สุดในประวัติศาสตร์”
ฟังแบบนี้ชาว “ติดดอย” อย่างพวกเรานี่ชอบใจกันใหญ่นะครับ 555
มาว่ากันก่อนว่าคำพูดนี้น่าจะเป็นจริงหรือไม่?
แน่นอนว่าคนพูดเป็นคนระดับผู้ทรงคุณวุฒิมากกว่าผมเยอะ ก็น่าจะมีความน่าเชื่อถือในระดับสูงนะ แต่ผมขอถือวิสาสะ “คิดตาม” ด้วยเหตุผลของผมเอง
ประเด็นแรกก็คือเรื่องของ AEC ที่จั่วหัวไว้ ผมคิดว่าการเปิด AEC จะทำให้ชาวต่างชาติเข้ามาซื้อของในประเทศไทยมากขึ้นจริงๆ ซึ่งคำว่า “ซื้อ” ของผม ไม่ได้หมายถึง “ลงทุน” เพียงอย่างเดียวนะครับ ผมยังหมายถึงการซื้อเพื่ออยู่อาศัยด้วย ด้วยสภาวะทางภูมิศาสตร์ กรุงเทพฯเหมาะที่จะเป็นเมืองหลวงของ AEC จริงๆ
อีกประเด็นคือเรื่องของการลงุทน ผมได้ตารางสรุป Rental Rate Yield ของภูมิภาคเอเชียมาจากงาน TOL และพบว่าประเทศเรามีอัตราผลตอบแทนที่ดีมากๆ ผมได้ข่าวว่าปีหน้า “ไต้หวัน” จะมาลงทุนในประเทศไทยเยอะมาก ผมก็ไม่แปลกใจเลย เพราะผลตอบแทนของประเทศเค้าอยู่ที่ 1% กว่าเท่านั้นเอง !!!! ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจหรอกครับที่ชาวต่างชาติจะสนใจที่จะเอาเงินเค้ามาฝากไว้กับคอนโดบ้านเรา
อีกประเด็นที่ผมสนใจก็คือ ทุกวันนี้ตัวของดีเวลลอปเปอร์เอง “พยายาม” ที่จะนำของไปเสิร์ฟถึงมือชาวต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ เกือบทุกเจ้าจะมีการนำของไปขายที่ ฮ่องกง, สิงคโปร์ กันเรื่อยๆ และแว่วว่าปีหน้าจะไปไต้หวันแน่ๆ ก็แน่นอนล่ะครับว่าในเมืองไทยช่วงนี้ก็เริ่มตันๆ แล้ว ก็ต้อง Export กันบ้างแหละ
ด้วย 3 ประเด็นหลักที่ว่ามา ผมจึงคล้อยตามคำพูดข้างต้นว่า “ปี 59 จะเป็นปีที่ชาวต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ของไทยมากที่สุดในประวัติศาสตร์”
แหม่ ชาวดอยอย่างพวกเราฟังแบบนี้ก็ใจชื้นขึ้นมาเลยนะ 5555
แต่ช้าก่อนนะครับ ก่อนที่เราจะคิดแบบนั้น เราก็ต้องมามองว่าของที่เรามีอยู่ “ตรงเสป็ค” ของเค้าหรือไม่?
ชาวต่างชาติรู้จักไม่กี่ที่นะครับ พร้อมพงษ์, อโศก, สยาม ชื่อเหล่านี้นี่เค้า “จิ้ม” ก่อนเลย ถ้าเป็นทำเลอื่นๆ ถึงแม้จะบอกว่าติดรถไฟฟ้าขนาดไหน หรือจะเป็น New CBD แค่ไหน เค้าก็ไม่สนใจ หรือก็คงจะต้องอธิบายกันยืดยาวกว่าจะสนใจขึ้นมาบ้าง
แต่ทั้งหมดที่ผมพูดมาก็ไม่ได้แปลว่าเราจะไปหวังเอาแต่ชาวต่างชาตินะครับ ผมว่าทำเลดีๆ ยังไงมันก็ไปได้ และเอาจริงๆ “ที่นี่ประเทศไทย” ยังไงคนไทยก็ต้องอยู่เมืองไทยแหละครับ การเข้ามาของชาวต่างชาติก็แค่ทำให้ของของเรามันมีมูลค่าสูงขึ้นเท่านั้นเอง
รอดูปีหน้าด้วยใจระทึกครับ ##คอนโดติดดอย