ในขณะที่ความเจริญรุกคืบเข้ามา ดูเหมือนว่าความสะดวกสบายและคุณภาพการใช้ชีวิตของประชาชนย่อมจะดีขึ้นตามไปด้วย??+++
“แต่เปล่าเลย” หากแต่ความเจริญที่มา ได้ไปตกอยู่ในกลุ่มคนที่ "ไม่พร้อมจะเจริญ"
สุดท้ายสิ่งเหล่านั้น มันก็แค่ “ภาพและจินตนาการ”
เรามองเห็นด้วยตาเปล่าแต่ไม่สามารถจับต้องได้....
______________
เช้าวันหนึ่ง ณ ย่านลาดกระบัง ผม “นาย30” (นามสมมุติของมนุษย์เงินเดือน)
ที่จะตื่นเช้า ณ ส่วนใดของโลกก็ตาม แต่จุดหมายแรกและจุดหมายเดียวของ “นาย30” คือ “ที่ทำงาน”!!!
หลังจากที่ผมอาบน้ำและแต่งด้วยชุดยูนิฟอร์มที่ผมรักแล้วเสร็จแล้วนั้น!!
ถึงเวลาต้องตัดสินใจว่าผมจะต้องเดินทางโดยวิธีไหนจะสะดวกที่สุด เอ้... จะARL หรือ รถไฟไทย ปู๊นๆ ดีนะ...
ปล.อย่างที่หลายๆคนพอจะรู้กันอยู่ว่า ARL จะวิ่งคู่ขนานกับรถไฟดีเซลราง!!!หากใครที่พำนักแถวเส้น ARL ตั้งแต่หัวตะเข้ถึงพญาไท ก็จะสามารถเลือกใช้บริการได้ตามสะดวกในการนำสารร่างและจิตวิญญาญมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองกรุงเทพฯ
หืม... ยิ่งคิดยิ่งสับสน ถ้าต้องเลือกจากช้อยที่ผมมีอยู่ก็คิดต้องเยอะหน่อย (แอบถอนหายใจหลายทีเหมือนกัน ฮ่าๆๆ)
ไม่เลือกได้ไหม ตอบ ไม่ได้!!! (เกิดความขัดแย้งในใจ อารมณ์แบบไบโพล่าร์ ฮ่าๆๆๆ )
สุดท้ายไม่รู้หลวงเจ๊องค์ไหนดลใจ ผมเลยเลือก “รถไฟไทย ปู๊นๆ” ซะงั้น+++
“ถามว่าทำไมเลือกช้อยนี้ ก็เพราะอีกช้อยเรารู้อยู่แล้วว่าน "นรกบนดิน" ขนาดไหน”
รถไฟเสี่ยงทาย ตื่นเช้าหน่อย เพื่อประสบการณ์ใหม่ๆของชีวิต อิอิอิ
ณ “สถานีซอยวัดลานบุณ”
ผม: "พี่ครับ... รถไฟเที่ยวต่อไปจะมาถึงกี่โมงครับ"
พี่สาวผู้ร่วมชะตากรรม : "มาถึง 6.10 นาทีค่ะ"
ผม: หืม.... 06.10 น. จะเลทไปกี่นาทีเนี่ย (คิดในใจ) “ขอบคุณครับ แล้วปกติมาตรงเวลาไหมครับ”
พี่สาวผู้ร่วมชะตากรรม : มาตรงเวลาค่ะ.....(ทิ้งระยะไป 10 วินาที) อ้อ แต่เป็นที่เดียวค่ะที่ตรงเวลา เที่ยวอื่นเลทหมด
ผม: ผ่าม!!!!!
15 นาทีผ่านไป รถไฟก็เคลื่อนเข้าชานชาลาอย่างช้าๆ เอ๊ะ!! เที่ยวนี้ตรงเวลาจริงๆด้วย ไม่จกตาแฮะ++
เมื่อรถไฟจอด(เกือบสนิท) ตามสัญชาตญาณ มนุษย์ป้า กรูกันเข้าไปประหนึ่งรีบไปคลอด
“ใครขึ้นก่อน มีสิทธิเป็นผู้คว้าเก้าอี้ ว่างั้น”
ผมเช่นเคย ไม่ทัน!! ขึ้นไปคนสุดท้าย ......แต่ อั๊ยย๊ะ (อุทานซะหน่อย)
“ชั้นคืออีกหนึ่งผู้มีสิทธิเลือกเก้าอี้บนขบวนนี้” เพราะด้วยเหตุผลที่ว่า ก็มันเป็นสถานีต้นๆไงคุณ!!!
บนรถไฟโล่งมาก มีที่ว่าง และมีที่ให้ผมเดินเลือกจุดที่เหมาะสมที่สุดในการใช้ชีวิตตลอดระยะการเดินทางประมาณ 40 นาที
หลังจากรถไฟออก ความรู้สึกผมเริ่มเปลี่ยนไป ในใจตอนแรกคิดในว่า “ต้องพบกับอะไรบ้างวะ”
แต่ไม่เลย!!! ....ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป รถไฟวิ่งไปเรื่อยๆ ตลอด 2 ข้างทางมีทุ่งลาเวนเดอร์ ปัสโถ่ว!! ไม่มีหรอก 555+
แต่ก็มีต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวให้ผ่อนคลายสายตา มีลำคลอง มีหมู่บ้าน มีสิ่งที่ต่างไปจากชีวิตเดิมๆ
มีชาวบ้าน มีนายรถไฟใจดี เดินมาเก็บค่ารถไฟ 4 บาท/คน ใช่แล้ว!จอร์จ ฟังไม่ผิด!! ...4 บาท ซึ่งมันถูกมาก
ถ้าเกิดผมนั่ง ARL จากสถานีลาดกระบังผมต้องเสียเงินถึง 40 บาท (สบายกระเป๋าละเช้านี้ ฮ่าๆๆ)
นอกจากราคาถูกในช่วงเช้าบางขบวนจะมีคุณป้า คุณน้า คุณยาย ขายของบนรถไฟ 2 โบกี้สุดท้ายด้วยนะ
ไม่ว่าจะเป็นขนมไทยๆ ผักสดๆ อาหารเช้าในราคาที่ เจอแล้วคือต้องควักจ่ายเลยล่ะ ถูกเว่อร์+++
ตลอดระยะเวลาที่ผมนั่งรถไฟ นั่งรถไฟ มันเป็นความฟินส์ที่หายากมากครับ
มองย้อนกลับไป ณ จุดๆเดิม หากเดินทางด้วย ARL มันไม่ต่างจากการทรมานตัวเอง!!!
บางวันทำไม่ได้แม้แต่จะขยับตัว ยืนเป็นหุ่นกระบอก แข็งๆไป ตลอดเส้นทางก็ได้แต่คิดว่าเมื่อไหร่จะถึงปลายทาง
แต่เช้านี้ไม่มีความคิดนั้นในหัวเลยจนถึงสถานี “พญาไท”
อากาศเย็นสบาย มีลมโกรกตลอดทาง มองสิ่งแวดล้อมข้างทางที่เปลี่ยนแปลงตลอด 2 ข้างทาง
จากบางที่บางอย่างที่ยังคงเหลือไว้ในอดีตไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมริมน้ำ บ้านไม้ชายคลอง บ้านเก่าแก่ ก็ได้ค่อยๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ค่อยๆ เจริญๆ จนมีคอนโด ขึ้นมา มีตึกค่อยๆใหญ่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึงปลายทาง
มันเป็นความรู้สึกที่หายากมากๆ เวลาของสุนทรียภาพสั้นๆ ที่ทำให้เราได้ใช้ความคิด ได้อยู่กับตัวเอง แม้มันเป็นเวลาที่น้อยนิด แต่ดีกว่าเราไม่มีเวลานั้นเลย+++
หากใครไม่เคยลองนั่งรถไฟไทยก็ลองหาเวลาไปสัมผัสอรรถรสแบบนี้กัน มันไม่เสียหลาย หากเรามองข้ามการบริหารจัดการบางอย่างและความเป็นโลกสมัยใหม่ไปได้
คุณอาจจะหลงรักในความเป็น Signature ของรถไฟไทยก็ได้ครับ
สุดท้าย "Back to Basic" กลับสู่สิ่งที่เป็นพื้นฐาน ถ้าในเมื่อความเจริญมันไม่ได้ทำให้คุณภาพชีวิตเราดีขึ้น เราก็ควรกล้าที่จะลองถอยหลังกลับมาสู่สิ่งที่เราเคยเป็นดูไหม?? "เผื่อความสุขของเรามันอยู่ตรงนี้" ...... มนุษย์ 30
________
ปล. หากใครที่ยังไม่เคยอ่าน EP.1 สามารถย้อนกลับไปอ่านได้ คลิก
EP.1