ในที่สุดก็ถึงเวลาเอานิ้วกระแทกแป้น พิมพ์บทความนี้ซะที หลังอู้มานาน 555
เป็นสิ่งที่ผมไปเก็บเกี่ยวมาได้จากทริปที่ทาง "Origin" ได้พาไปดูคอนโดของทางพาร์ทเนอร์เขาอย่าง "Nomura" นั่นเองครับ
ส่วนว่าทำไมผมถึงใช้คำว่า "แอบ" ไว้ลองบทความดูนะ จะเข้าใจ อิอิ
เอาล่ะ มาเริ่มกันเล้ย!!!
- เข้าใจก่อนนะ ว่าเป็นข้อมูลคอนโดจากทางภูมิภาคคันไซ เพราะฉะนั้น ในโตเกียวก็อาจจะแตกต่างบ้าง โดยเฉพาะราคาที่แพงกว่าร่วมเท่าตัว
- ในญี่ปุ่นไม่มีคำว่า "คอนโด" จะใช้คำว่า "แมนชั่น" แทน แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อความเข้าใจง่าย ในบทความนี้ผมก็จะยังเรียกว่า "คอนโด" เข้าใจตรงกันนะ
- โดยส่วนใหญ่จะนิยมสร้างสูงไม่เกิน 10 ชั้น ถ้าเกิน 15 นี่ถือว่าเป็น "เรื่องใหญ่" หรือ "Big Project" ละ
- ในบ้านเราจะเรียก คอนโดที่สูงๆว่า "High rise" ที่ญึ่ปุ่นจะเรียกว่า "Tower Mansion" เขาบอกมาว่าต้องสูง 20 ชั้นขึ้นไป แต่ผมคิดว่าบางทีอาจจะกำหนดจากความสูงหรือเปล่านะ
- ประเทศที่ขึ้นว่า "ชาตินิยม" สูงมากอย่างญี่ปุ่น คนต่างชาติกลับสามารถซื้อคอนโดได้โดยที่ไม่มีสัดส่วน
- ในขณะที่บ้านเรา จะสามารถถือครองได้ไม่เกิน 49% แถมบางที มานั่งนึกๆดู ถ้าในอนาคตมีใครสักคนแก้กฏให้ไม่มีสัดส่วน ก็อาจโดนว่า "ขายชาติ" ก็เป็นได้นะ 555
- เพดานห้องที่นี่สูงราว 2.4 ม.เอง ขนาดว่าเป็นระดับ Luxury แล้วนะ
- Sales Gallery ที่นี่จะมีห้องที่เอาไว้ชม VDO Present เยอะมาก แถมมีหลายขนาดเพื่อรองรับหลายรูปแบบของผู้เข้าชม เหมาะล่อลวงเป็นหมู่คณะ อิอิ
- ทุกที่จะมีโมเด็ลตึกขนาดใหญ่ไว้ให้ดูทั้งนั้น บางที่จะมีหลายขนาดให้ดูด้วย อันนี้ดีครับ เพราะเราสามารถจินตนาการถึงความเป็นจริงก่อนสร้างเสร็จได้มากขึ้น ทำซะผมนึกว่าเป็นมิวเซี่ยมได้เลยนะ 555
- ห้องตัวอย่างที่นี่ บางทีจะสร้างมาแค่บางส่วนของห้องมาให้ดูเท่านั้น เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด (แต่มีพื้นที่สร้างห้อง VDO ได้นะ 555)
- ที่ญี่ปุ่น Developer ต้องได้รับใบอนุญาตก่อสร้างก่อน จึงจะเริ่มขายได้ แต่บ้านเรา บางทียังไม่ได้ที่ดิน 100% เลย ก็อาจขายรอบ VVVVIP แล้ว อิอิ
- แวะโฆษณานิด อิอิ ตอนนี้"ติดดอย" กำลังจะมีทำเฟอร์นิเจอร์แบบบิวท์อินมานะครับ "Fit by Tiddoi" ช่วยอุดหนุนเป็นค่าข้าวกลางวันผมด้วยนะ จะเริ่มจากโครงการ "Life อโศก" นี่เลย
- ระเบียงที่นี่ จะมีขนาดกว้างกว่าที่บ้านเรามาก น่าจะ 2 เท่าได้เลย อันนี้ชอบจัง ปูเสื่อนั่งเล่นป๊อกเด้ง เอ้ย ตากลมสบาย อิอิ
- ที่สำคัญพื้นที่ระเบียงจะไม่เอามานับในการขายด้วย จะนับว่าเป็นพื้นที่ส่วนกลาง อันนี้ยิ่งชอบกว่าข้อที่แล้ว 555
- ที่บ้านเรานั้น เมื่อก่อนผมเคยรู้มาว่า พื้นที่ระเบียงจะสามารถเอามารวมเป็นพื้นที่การขายได้ครึ่งหนึ่ง
- ต่อมา Ananda ในยุคหนึ่งก็ได้ออกคอนโดแบบใหม่ที่ระเบียงก็มีกระจกกั้นอีกชั้น จึงสามารถคิดพื้นที่เต็มจำนวนได้
- แต่มาในภายหลัง ผมได้ยินมาว่า พื้นที่ระเบียงสามารถเอามาคิดรวมได้ เพราะเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล แต่ไม่สามารถดัดแปลงตามใจชอบได้ ต้องผ่านการเห็นชอบเสียก่อน (เออ มันก็ดูแย้งๆกันนิดๆมะ 555) ตอนนี้ก็เริ่มไม่แน่ใจละว่ากฏหมายจริงๆ สามารถเอาระเบียงมาคิดได้หรือไม่ ใครรู้วานบอกด้วยนะครับ แหะๆ
- Developer ที่นี่มักจะมีบริษัทย่อยที่รับบริหารอาคารด้วย ที่เราเข้าใจกันว่า "นิติ" นั่นแหละ โดยถ้าลูกบ้านโหวตไม่เอาเกิน 3 ใน 4 ก็จะสามารถเปลี่ยนได้
- คอนโดที่นี่ ส่วนกลางจะมีแค่พวก Lobby , Guest room , Party room เท่านั้น พวกสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ผมยังไม่เห็นเลยสักที่ ขนาดว่าเป็นระดับ Luxury แล้วนะ ช่างต่างกับบ้านเรายิ่งนัก แสดงว่าคอนโดในไทยเราเดินมาผิดทางละ 555
- ที่จอดรถมี แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม แสดงว่า LPN มาถูกทาง อิอิ
- เอาเข้าจริง ก็คงจะเป็นที่ไลฟ์สไตล์นั่นแหละครับ ที่นี่คนทำงานกันหนักมาก เสร็จแล้วก็ยังต้องมาปาร์ตี้กันต่อ กว่าจะกลับบ้านก็ดึกดื่น ไม่มีเวลาไปใช้งานกัน อีกอย่าง สระว่ายน้ำจะค่อนข้างมีเสียงรบกวนมาก อาจจะไม่เหมาะกับชาติที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงอย่างคนญี่ปุ่น และก็เป็นการลด Cost ที่ไม่จำเป็นต่างๆได้อีกด้วย
- ที่ไทยเรา เอาจริงๆผมก็ไม่ค่อยเห็นคนใช้สระว่ายน้ำเท่าไรนะ โครงการหลังๆ จึงเริ่มเห็นมันหดลงทุกที เน้นแช่เอา
- คอนโดระดับ Luxury ที่นี่ จะมาเน้นที่คุณภาพ วัสดุก่อสร้างใช้อย่างดี การจบงานที่ดี วัสดุหลายอย่างเราสามารถเลือกได้ อย่างเช่น ชนิดและสีของไม้ที่ทำประตู ภายในอาคารก็ทำได้ดีอย่างกับโรงแรมเลย
- สิ่งที่สำคัญมากๆ ก็คือความเป็นส่วนตัว หลายโครงการจะยกขึ้นไปสูงเกือบเป็นชั้น 2 ของบ้านทั่วไปเลย ยิ่งออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัวมาก ก็ยิ่งแพงมาก
- และเพราะความเป็นส่วนตัวนับว่ามีมูลค่ามาก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ผมต้องใช้คำว่า "แอบดู" นี่แหละครับ ต้องรีบดูรีบไป เดินเข้าไปด้านในไม่ได้เลย 555 ถ้าลูกบ้านไม่พอใจ สามารถโทรแจ้งตำรวจได้เลย "นิติ" ก็จะโดนดีไปด้วย สุดยอด!!!
- อีกอย่างที่สำคัญเกี่ยวเนื่องกันมาก็คือสภาพแวดล้อม ต้องดูสงบ เป็นส่วนตัว ดูปลอดภัย เป็นสังคมคุณภาพ มีวิวพวกแม่น้ำ ภูเขา หรือของธรรมชาติยิ่งแพง (อันนี้เหมือนเรา)
- ไหนๆก็เขียนถึงแม่น้ำแล้ว เลยขอขยายซะหน่อย แม่น้ำที่นี่จะมีการออกแบบอย่างดี คล้ายเหมือนเป็นน้ำตก และสวนไปในตัว มีการทำทางเดินข้างๆไว้ ผมเห็นมีคนญี่ปุ่นไปวิ่งริมแม่น้ำเยอะทีเดียว อันนี้ผมชอบนะ
- คอนโดที่นี่หลังจากเข้าห้องแล้ว จะมี Step ขึ้นมาอีกขั้น ผมเดินสะดุดทุกรอบเลย 555 ห้องเก็บรองเท้าจะทำแบบซ่อนไว้ เปิดไปแล้วตกใจ ใหญ่มาก คนมีรองเท้าเยอะ น่าจะชอบ
- ค่าส่วนกลางที่นี่ โครงการที่ผมไป เก็บอยู่ปีละประมาณ 1 หมื่นบาท/เดือน 70 กว่าตร.ม. ก็เอาเรื่องอยู่ แต่ถ้าลองมาแจงดู พบว่าไม่ต่างกันมาก ทั้งค่าครองชีพที่แตกต่าง และที่สำคัญคือส่วนหนึ่งจะเป็นค่าบำรุงรักษาอาคาร
- ทุกๆ 5-12 ปี คอนโดที่ญี่ปุ่น จะต้องมีการซ่อมแซม ตกแต่ง ทั้งภายใน และภายนอกอาคารให้อยู่ในสภาพที่ดี คอนโดที่ผมไปดูอายุ 13 ปีแล้ว แต่ยังดูดีอยู่เลย อย่างกับเพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน การซ่อมแซมนั้นบางครั้งมีค่าใช้จ่ายร่วม 100 ล้านเยนเลยทีเดียว นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ต้องมีการเก็บเป็นรายเดือนสะสมเอาไว้ ข้อนี้ผมว่าดีนะ
- ไก่ทอดที่ Familymart อร่อยมาก อร่อยกว่า KFC บ้านเราอีก
- คอนโดระดับ Luxury ที่นี่ ราคาเริ่มต้นในปีนี้จะอยู่ที่ช่วง 250K-400K อาจจะดูไม่ต่างกับบ้านเรามาก แต่เรตราคานั้นแค่คันไซนะ ถ้าโตเกียวโดดไปอีกเยอะ
- คอนโดที่นี่ จะมีการสร้างให้ไปในทิศทางใกล้เคียงกัน ตามสภาพแวดล้อมของที่นั้นๆ อย่างเช่นมีโครงการที่ทำกำแพงหินสูงขึ้นมา โครงการอื่นๆ ก็จะทำคล้ายๆกัน คล้ายจนบางทีผมนึกว่า Developer เจ้าเดียวกันเลย 555
- รูปลักษณ์ภายนอกของโครงการที่นี่จะเน้นเรียบๆ ไม่ฉูดฉาด เพราะยิ่งเด่นมาก ฉูดฉาดมาก ค่าบำรุงก็ยิ่งสูงเป็นเงาตามตัว อ๋อ จริงๆแล้ว Noble ก็คิดแบบนี้ใช่ไหม อิอิ
- คอนโดที่นี่ ทิศที่ขายดีถือทิศโดนแดด เช่น ตอ. ตต. เหมือนจีน ก็อย่างว่าเนอะ บ้านเขาหนาวกว่าบ้านเรา โดนแดดแล้วพอกลับมาบ้าน ก็จะอุ่นกำลังดี
- คนญี่ปุ่นที่มาทำงานที่ไทยครั้งแรก หลายคนก็เลือกทิศพวกนี้ ซึ่งเมื่อครบสัญญา ก็มักจะเปลี่ยนห้องนะ 555
- การซื้อโครงการที่นี่ จะมีการแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจ่ายเพื่อจองโครงการประมาณ 5-10% ที่เหลือก็คือตอนสร้างเสร็จพร้อมโอน
- สัดส่วนการดาวน์อาจไม่ต่างกับบ้านเรามาก แต่ที่แตกต่างอย่างมากคือการจ่ายที่ไม่สามารถแบ่งชำระได้ คือต้องจ่ายก้อนเดียวเลย!!!
- ไม่มีการ pre-approve ถ้าถึงเวลาแล้วไม่สามารถโอนได้ ก็จะโดนยึดเงิน
- ไม่สามารถเปลี่ยนมือได้จนกว่าจะโอนไปแล้ว พวกเล่นใบจองแบบบ้านเราหมดสิทธิ์ ข้อนี้ไม่ต้องเอาอย่างก็ได้นะ อิอิ
อาจจะมีตกหล่นไปบ้างนะครับ นึกออกได้แค่นี้ 555 ถ้าใครมีอะไรสงสัยก็ถามได้เลยครับ ตอบได้เปล่าอีกเรื่อง
ข้อมูลบางอย่างอาจมีคลาดเคลื่อนบ้าง เพราะการถามตอบต้องผ่านไกด์อีกทีนะจ๊ะ ถ้าใครว่าข้อมูลผิด แย้งผมได้เลยน้า