มาถึงตอนนี้ คงไม่มีใคร “งง” กับตัวเลข “195” อีกแล้วนะครับ
ทั้งสื่อออฟไลน์หรือออนไลน์ ต่างก็ลงบทความและพูดถึงรายละเอียดของโครงการนี้กันอย่างกว้างขวาง
เอาจริงๆ เพจผมนี่ “ช้า” แล้วด้วยนะ ฮ่าฮ่า
แต่ขอ “แก้ตัว” ซะหน่อยว่า อันที่จริงผมพูดถึงโครงการนี้มาตั้งแต่ปีก่อนแล้ว และก็คิดว่ามันไม่จำเป็นต้องมาบอกกล่าวกันอีกแล้วว่า “มันน่าสนใจยังไง?” เพราะทำเลมัน “ฟ้อง” อยู่ทนโท่
ผมก็เลยไม่ได้เร่งรีบจะเขียนบทความไปเพื่ออะไร ฮ่าฮ่า
“พระรามเก้า” คือ ทำเลสุดฮอต ในช่วง 1-2 ปีนี้ ใครๆ ก็รู้ แต่ถ้าเทียบในพระรามเก้าทั้งหมด “มุม” ไหนที่ดีที่สุดล่ะ
สี่แยกพระรามเก้า มี 4 มุม คือ Central พระรามเก้า, Fortune, มุมฝั่งตรงข้าม Central พระรามเก้า และ มุมฝั่งตรงข้าม Fortune
ในบรรดา 4 มุมนี้ สามารถคัด 2 มุมที่น่าสนใจมากกว่าชัดเจนก็คือ Central พระรามเก้า และ Fortune เพราะนอกจากมีความเป็น “ห้างฯ” แล้ว จุดทางขึ้น-ลง MRT พระรามเก้า ก็อยู่หน้าห้างทั้ง 2 แห่ง (บนถนนรัชดาฯ) ทั้งหมด
และเมื่อเทียบกันเองกับ 2 ฝั่งนี้ ก็ต้องยอมรับว่า “ฝั่ง Central พระรามเก้า” มีความน่าสนใจที่สุด นอกจากตัวห้างที่ใหม่กว่าแล้ว ฝั่งนี้ยังมี “อภิมหาโครงการ” ที่ขยายต่อไปอีกอย่างมากมาย
ตอนนี้ G Tower ก็เพิ่งเปิดใช้งานไม่ถึงปี โดยมาพร้อมกับทางขึ้น-ลง MRT อันใหม่ เป็นของตัวเอง และแน่นอนว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เราจะต้อนรับ “ยานแม่” อย่าง Super Tower (ซึ่งก็จะมาพร้อมกับทางขึ้น-ลง MRT เป็นของตัวเองอย่างแน่นอน)
นี่ยังไม่นับ Unilever หรือ “คอนโดกระดิ่ง” ที่มีมานานแล้วด้วยนะ
ดังนั้น สำหรับผมแล้วมุมนี้แหละที่ดีที่สุดใน “สี่แยกพระรามเก้า”
ที่เกริ่นมาทั้งหมด ก็เพื่อที่จะโยงเข้า “195” นี่แหละครับ เพราะโครงการเค้าอยู่โซนนี้เลย
ถ้าเราเดินมาจากทางขึ้น MRT พระรามเก้า ตรงตึก G Tower เลี้ยวซ้ายไปทางถนนพระรามเก้า เดินไปเรื่อยๆ ผ่านตึก Unilever และที่ดินว่างๆ ที่ติดกัน ตรงปากซอย “พระรามเก้า ซอย 5” ก็จะถึงโครงการ “ONE9FIVE” แล้วล่ะครับ
แล้วที่เดินมานี่ แค่ 200 กว่าเมตรเองนะ ..... แจ่มป่ะล่ะ
แล้วถ้าในอนาคต ยานแม่ Super Tower เปิดใช้งาน คาดว่าคงเดินจาก MRT พระรามเก้า ไม่เกิน 200 เมตรแน่ๆ
ขอแอบกระซิบว่า “ที่ดินว่างๆ” ที่อยู่ระหว่าง Unilever กับ 195 เป็นของ “พี่สิบหมื่น” เค้านะครับ
ซึ่งผมยอมรับว่าทำเลของ “พี่สิบหมื่น” อาจจะดีกว่าเล็กน้อย (เพราะถึงก่อนนิดนึง) แต่บอกได้เลยว่า “ราคา” จะแพงกว่ามากแน่นอน เพราะ “พี่สิบหมื่น” ได้ที่ดินนี้มาในราคาที่สูงกว่า 195 หลายเท่าตัวเลย
ซึ่งนี่ก็ยิ่งทำให้ตัวเลข “195” ทวีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
เขียนมาถึงตรงนี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่เห็นต้องเขียนอะไรต่อเลย แค่นี้ก็น่าสนใจแล้ว ฮ่าฮ่า
แต่เอาน่ะ มาเขียนการวิเคราะห์ให้มันครบๆ ไปเถอะ จะไปรีบจองละ
ONE9FIVE เป็นโครงการที่มี 2 อาคาร นะครับ Tower A 954 ยูนิต และ Tower B 957 ยูนิต แต่ทั้ง 2 อาคาร เชื่อมต่อกันด้วยชั้นส่วนกลางที่ชั้น 8
ซึ่งในเรื่อง Product ถือว่าเป็น “จุดเด่น” อีกเรื่องหนึ่งของ 195
ตอนที่ผมได้รับข้อมูลว่า “Shma” เป็นคนออกแบบ Landscape ให้โครงการ One 9 Five ผมสารภาพว่าในตอนแรกผมไม่รู้จักหรอก
ผม line ไปถามน้องสาวผมที่เป็น Landscape เช่นกัน ว่า “ดีไหม?” และ “รู้จักไหม?”
“รู้จัก ดีมากกกกกกกกกก” (ก.ไก่ ล้านตัว)
ซึ่งผลงานที่ผ่านมาของ Shma ก็ว้าวเลย เพราะได้รับรางวัลการออกแบบ Landscape ใหญ่ ๆ มาหลายรายการ ที่ One 9 Five กับพื้นที่ส่วนกลางกว่า 8.6 ไร่ จึงเกิดอภิมหาสวนร่มรื่นที่สุดด้วยการยกภูเขามาไว้ใจกลาง New CBD เลย อุดมสมบูรณ์ตามหลักภูมิศาสตร์ด้วยแหล่งน้ำ แบบสระว่ายน้ำ Infinity Edged Pool ความยาว 100 เมตร โอ้.....เว่อร์วังจริงๆ
จากนั้นก็ได้ยินชื่อ “LEOINTER” ที่มาทำส่วนกลางให้โครงการ ซึ่งก็ฝากผลงานไว้กับคอนโด luxury หลายแห่งเลย รวมถึงผลงานการออกแบบตกแต่งภายในให้กับโรงแรมชื่อดังมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไปจนถึงโรงแรมหรูระดับโลก ซึ่งคราวนี้ก็มาดูแลการออกแบบตกแต่งภายในส่วนกลางของ One9Five ให้สวยงามหรูหรา อลัง ดั่งได้พักอยู่ในโรงแรม 5 ดาว
“PIA” มา “แบ่ง” ห้องให้แต่ละชั้นดูมีสัดส่วน ดูโปร่งโล่ง และเป็นส่วนตัว ซึ่งทำให้การจัดวางแปลนห้อง ได้ห้องมุมเกือบ 60% ของจำนวนยูนิตทั้งหมดของโครงการ (“PIA” ก็เพิ่งแบ่งห้องให้ “พี่อัมสเตอร์ดัม” มุมฝั่งตรงข้ามมาด้วยนิ)
สรุปคือที่หามาแต่ละเจ้า “พรีเมี่ยม” ทั้งนั้น
ตอนที่ได้ฟัง “บรีฟ” ครั้งแรก พอเค้าเล่ามาถึงตรงนี้ ผมก็เริ่ม “หวั่นใจ” กับ “ราคา” แล้วล่ะครับ
เพราะโดยส่วนใหญ่โครงการที่เค้าจะเปิด “สูง” เค้าจะ “หว่านล้อม” ให้เรา “เคลิ้ม” กับ Product ก่อน จากนั้นจึงจะตบด้วย
“ด้วยเหตุนี้ ราคาที่เปิดมาจึงถือว่าไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับคุณภาพของเรา” กลัวมาก ขอบอก ฮ่าฮ่า
แต่ในท้ายที่สุด ราคาที่เค้าเปิดมาก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นเยอะ
ราคาเริ่มที่เฉลี่ยประมาณ 125,000 บาท/ตร.ม. เท่านั้น
คำถามที่ผมถามต่อเลยก็คือ “จากราคานี้แล้ว ไม่ใช่ว่าจะกระโดดไปเยอะเลยนะครับ?”
“ไม่เป็นแบบนั้นแน่นอนครับ ราคาจะค่อยๆ ไล่ขึ้นไปตามปกติ ไม่กระโดด”
ผมบอกได้เลย ด้วยทำเลแบบนี้ ราคาแบบนี้ และ Product ที่เปิดมาแบบนี้ ผมไม่แปลกใจเลยที่ “195” จะเป็น “กระแส” ถึงขนาดนี้
(หมายเหตุ : หลังจากการเปิดตัวโครงการ เมื่อวันที่ 7-8 ก.ค. ที่ผ่านมา ราคาเริ่มต้นของโครงการตอนนี้อยู่ที่ 140,000 บาท/ตร.ม. และราคาเฉลี่ยของทั้งโครงการ อยู่ที่ 165,000 บาท/ตร.ม.)
ทุกวันนี้ห้องขนาด 21 ตร.ม. ของ “โอริโอ้” ตรงหัวมุมตรงข้าม Central ก็ได้ค่าเช่าเกือบๆ จะ 15,000 บาท/เดือน อยู่แล้ว ซึ่งอย่างที่บอกว่า “ทำเล” ฝั่งนี้ ดีกว่าเยอะ
จุดอ่อนนิดหน่อยของโครงการ ที่หลายคนบอกก็คือ “จำนวน” ที่เยอะเหลือเกิน
สำหรับผม ไม่ได้กังวลจำนวนของโครงการเองหรอก ผมกังวลจำนวนโดยรวมของ “พื้นที่พระรามเก้า” ทั้งหมดมากกว่า เพราะแข่งกันเปิดเยอะเหลือเกิน แต่ก็มีข้อมูลว่าคนโอนกันเยอะมากเหมือนกัน
แต่ “195” มีทำเลที่ “ได้เปรียบ” เกือบทุกโครงการนะครับ แถมราคาก็ถูกกว่า (ถูกกว่าโครงการเก่าบางที่ด้วยซ้ำ!!!) ดังนั้น ผมมองว่า “195” ยังมีจุดเด่นที่กลบจุดอ่อนเล็กน้อยตรงนี้ไปได้ไม่ยาก
สรุปตามสไตล์คอนโดติดดอย
สำหรับการอยู่เอง เหมาะกับคนที่อยากอยู่ใจกลางเมือง ไม่ว่าจะ New CBD อย่างแถบพระรามเก้าหรือรัชดาฯ รวมถึงโซนสุขุมวิท เพราะเดินทางเข้าไปไม่ยากเลย อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ ก็แหม ห้างเพียบขนาดนั้น Product ก็ทันสมัย ส่วนกลางอลังการ เหมาะกับ Lifestyle คนรุ่นใหม่มากทีเดียว
สำหรับการเล่นสั้น ช่วงเล่นสั้นน่าจะผ่านไปแล้วนะครับ
สำหรับการปล่อยเช่า ห้อง 1-Bedroom ปล่อยเช่าหมื่นกลางๆ น่าจะหาคนเช่าไม่ยากนะครับ แต่ห้องใหญ่ก็ไม่เลว แปลนห้องทำออกมาสวยใช้ได้ คนหาเช่าห้องแบบ 2 ห้องนอนก็ยังมีกันเยอะอยู่พอสมควรในโซนนี้
สำหรับการเล่นระยะยาว ด้วยราคาที่เปิดมา รับรองว่าระยะยาวมีกำไรแน่นอน แต่ขอให้เลือกตำแหน่งดีๆ นะครับ ถึงแม้จะแพงกว่าตำแหน่งอื่น แต่ถ้าคิดว่ามันดีกว่าจริงๆ ก็อย่าเสียดายครับ
สรุปก็คือ ONE9FIVE เป็นโครงการที่น่าสนใจไม่น้อย ทั้งในแง่การอยู่อาศัยเองและการลงทุน Product มีความทันสมัย เหมาะกับ Lifestyle คนรุ่นใหม่ ถ้าเก็บไว้ปล่อยเช่าก็หาคนเช่าไม่ยาก ได้ผลตอบแทนที่ใช้ได้เลยและถ้าเก็บไว้ระยะยาว ก็สามารถเป็นทรัพย์สินที่ดีได้
นึกถึงลงทุนคอนโด นึกถึงคอนโดติดดอย ^0^