ช่วงนี้มีใครแต่งห้องอยู่บ้างเอ่ย?
น่าจะมีอยู่กันอยู่หลายคนเนอะ เป็นช่วงที่หลายโครงการทยอยเสร็จพร้อมโอนกันอย่างต่อเนื่อง
ผมเองก็เช่นกัน อย่างที่ผมลงรูปให้ดูเรื่อยๆ ว่ากำลังเห่อของใหม่ที่ “สวนสองโหล” อยู่
ที่นู่นเกือบจะ 100% แล้วครับ ทำให้ช่วงนี้ผมหันมาที่ “ชีวิตอโศก” มากขึ้น
อ๊ะๆๆ อย่าเพิ่งงง หลายคนอาจจะจำได้ว่าผมปล่อยของไปหมดแล้ว ....... ช่ายครับ
แต่ผมยังไปอยู่เรื่อยๆ ก็เพราะพี่ชายของผมโอนไว้ 2 ห้องถ้วน
ในฐานะคนที่ไปเลือกห้องให้พี่ชายด้วยตัวเอง เลยขอติดสอยห้อยตามไปชื่นชมอยู่บ่อยๆ (สำหรับแฟนเพจหลายท่าน เราได้รู้จักกันก็ที่โครงการนี้แหละเนอะ)
พี่ชายผมชอบ “ชีวิตอโศก” นี้มากนะ ปลาบปลื้มสุดๆ พอโอนขึ้นมาแล้วก็รีบแต่งห้องทันที
และจากการแต่งห้องในคราวนี้แหละครับ ทำให้เกิด “บทความนี้” ขึ้นมา
หลังจากบรรทัดนี้เป็นต้นไป ผมจะขอ “ขายของ” แล้วนะครับ ฮ่าฮ่า
ถ้าอ่านแล้วไม่สนใจก็ไม่เป็นไร (แต่ถ้าสนใจก็จะดีมั่กๆ) แต่ให้โอกาสผมด้วยการการฟัง (อ่าน) บทความนี้ต่อกันสักหน่อยละกันครับ
หลายปีที่ผ่านมานี้ ผมต้องแต่งคอนโดมาหลายห้อง ซึ่งผมลองมาแล้ว “ทุกท่า”
ผมว่าหลายๆ คนก็น่าจะเคยเป็นแบบผมนะ แรกๆ ก็ตื่นเต้นกับการ “แต่งห้อง” เอง
โดยเฉพาะการไปเดินช๊อปที่ “คุณเกีย” แล้วมาประกอบเอง ติดตั้งเอง ....... แรกๆ มันก็สนุกนะ แต่พอผ่านไปหลายห้องแล้วก็เริ่ม “เหนื่อย” และกลายเป็น “เบื่อ” ในที่สุด ฮ่าฮ่า
หลังจาก “คุณเกีย” ผ่านไป ก็เริ่มซื้อเป็น “แพ็คเกจ” หลายๆ ชิ้น แล้วให้เค้ามาติดตั้งให้
จนกระทั่งปัจจุบันก็กลายมาเป็นแบบ “จ้าง” บริษัทมาแต่งให้เลย สบายสุดละ อิอิ
สำหรับผมก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะใช้วิธี “จ้าง” แต่สำหรับพี่ชายผมเค้าก็ “จ้าง” เหมือนกัน ทั้งๆ ที่เค้าเปิดบริษัทออกแบบ ตกแต่ง และก่อสร้าง!!!!
เมื่อก่อนผมสงสัยว่าทำไม? จึงเคยถามเมื่อนานมาแล้ว ได้รับคำตอบกลับมาว่า
“เพราะมันไม่คุ้มที่จะหยุดงานอื่นมาทำห้องเพียงห้องเดียว”
“แม้แต่ห้องตัวเอง งั้นรึ?”
“ใช่ ... ไม่รู้จัก Economic of scale เหรอ? มันต้องมี –ปริมาณ- น่ะ”
“อ๋อ ต้องสั่งผลิตเยอะๆนั่นเอง”
แต่เมื่อกาลล่วงมา กาลเปลี่ยน อะไรๆก็เปลี่ยนไปหลายอย่าง
จากที่เคยลงทุนคอนโดกับคนใกล้ตัวไม่กี่คน ก็เริ่มขยายวงไปเป็นหลายสิบคน
จากที่เมื่อก่อน ทำทีหนึ่ง 1-2 ห้อง ก็เริ่มทำทีเป็น 10+ ห้อง เนื่องด้วยเริ่มมีคนมาหลง "ติดดอย" กับผมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อิอิ
“งั้นก็ทำออกมาขายด้วยเลยสิ”
ประโยคนี้ จำไม่ได้แล้วว่าใครพูด แต่ลงท้ายด้วยการเกิด Project “FIT by TIDDOI” นี้ขึ้นมา
ก็ในเมื่อพี่ชายผมเป็นสถาปนิคอยู่แล้ว และก็มีรับเหมาก่อสร้าง มีคอนเนคชั่นกับโรงงานเฟอร์นิเจอร์อยู่มากมาย ที่สำคัญเป็น “นักลงทุน” คอนโดอยู่แล้วด้วย แทนที่จะแต่งแค่ไม่กี่ห้อง ก็เปลี่ยนมาผลิตเผื่อแต่งให้หลายๆ ห้องด้วยมันซะเลย
บริษัทของพี่ชายผมก็เปิดมาแล้ว 12 ปี ทำงานใหญ่ๆ มามากมายหลายแห่ง รับประกันความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดี
ห้องของผมหลายห้องก็เป็นพี่ชายที่มาแต่งให้ ซึ่งต้องขอร้องแกมบังคับ ฮ่าฮ่า เพราะอย่างที่บอก ถ้างานปริมาณไม่มากก็ไม่คุ้ม
ที่ “ชีวิตอโศก” พี่ชายผมโอน Size 29 ตร.ม. เก็บไว้ 2 ห้อง พี่ชายก็ออกแบบเฟอร์นิเจอร์สำหรับแต่งไว้เลย พอโอนเสร็จก็รีบเข้าไปแต่งทันที
ผมบังคับให้พี่ชายเก็บห้องนี้ไว้ก่อนเพื่อเป็นห้องตัวอย่าง อย่าเพิ่งเอาไปปล่อยเช่าซะก่อนนะ (เสียค่าเช่าไปหลายเดือนเลย คุ้มมั้ย? อิอิ)
“FIT by TIDDOI” ถือเป็นงาน “ขายของ” อย่างจริงจังของผมนะครับ เดี๋ยวจะขอทำเพจแยกออกไปเพื่อความชัดเจนในแง่ของวัตถุประสงค์ (ฝากตามไป like ด้วยเน้อ)
เอาล่ะ เดี๋ยวจะขอพาไป “ดูของ” กันเป็นน้ำจิ้มสักหน่อย ว่า “Package Furniture” ของผมที่ “ชีวิตอโศก” เป็นอย่างไร
ใจจริงตอนแรก อยากพาไปดูของจริงที่แต่งบ้างแล้วกันเลย
แต่ด้วยความที่ว่า แบบยังไม่นิ่ง พวกรายละเอียดต่างๆยังไม่ 100% ยังมีการพัฒนาเพื่อให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผมเลยคิดว่า เอาภาพที่ออกแบบไว้มาให้ดูกันก่อนดีกว่า ไว้เรียบร้อยทุกอย่างแล้ว จะทำบทความเพื่อนำเสนออีกที
แนวคิดของการออกแบบคือ พยายามออกแบบให้มีประโยชน์ใช้สอยให้ได้มากที่สุด วัสดุที่ดีที่สุด ในราคามิตรภาพ
เอาจริงๆก็แทบไม่ได้กำไรเลย 555
จะมีทยอยออกแบบมากับห้องทุกขนาดเลยนะครับ
แต่จะขอเริ่มจากห้องที่พี่ผมมีก่อน ก็คือขนาด 29 ตร.ม. และตามมาด้วยห้องขนาด 35 ตร.ม.
ราคาก็จะมีหลากหลายครับ 1 แสนกว่ายัน 5 แสนกว่าบาท
ลองรับชมกันดู ติได้นะ แต่อย่าแรง 555
ชอบไม่ชอบก็ช่วยบอกด้วยนะครับ ผมจะได้นำมาพัฒนาต่อไปให้ดียิ่งๆขึ้น
เดี๋ยวไว้คราวหน้า จะพาไปดูห้องจริงๆที่แต่งเรียบร้อยแล้ว อดใจรออีกไม่นานจ้า