ได้ยินเสียงแว่วดังแผ่วมาแต่ไกลไกล ชุ่มชื่นฤทัยหวานใดจะปาน++
เวลานี้ใครจะชื่นมื่นไปกว่าผู้ที่ถือห้องในโครงการ "Supalai Elite พญาไท" ไปไม่ได้อีกแล้ว
เพราะจากที่ผมได้ไปสำรวจโครงการล่าสุดมา... "The Room พญาไท"
ซึ่ง Location 2 ตัวนี้ มันก็คือโลเดียวกันนั่นแหละ เดี๋ยวมีของ "พี่สิบหมื่น" ออกตามมาสมทบอีก
แต่ขอให้คะแนน Supalai Elite ดีกว่ากระจึ๊งนึงแล้วกัน แต่จะดีกว่ายังไงค่อยว่ากัน++
ถามว่า: ถือห้อง Supalai Elite จะยิ้มยังไง!!??
ตอบ: บังคับมุมปาก2ข้างให้ยกขึ้น แฮร๋ 555+
เอาจริง!! ก็ต้องดูในเรื่องของ "ราคา" นั้นไงล่ะคุณผู้โช้มมม
เพราะจากการคาดการคาดคะเน คาดเดา และคาดไม่ถึงว่า "The Room พญาไท" เปิดมาในราคาที่ต้องบอกว่า "แบบแอบเสียวสันดอยนี๊ดนึง" ฮ่าๆๆ
ดังนั้นใครซื้อ Supalai Elite ในช่วงแรกๆ หากจะถูกดึงราคาขึ้นสักหน่อยก็เตรียมฟินได้เลย ....
อย่างนั้นก็ไม่รอช้า สับขาโร้ดทูโครงการพร้อมอยู่ Supalai Elite กันต่อเลยดีกว่า
สำหรับการออกเดินทางในวันนี้ ตัวผมเองสะดวกใช้ BTS โดยสามารถลงเทียบท่า "สถานีพญาไท" ได้เลยครับ
แต่ถ้าเพื่อนๆสะดวกเดินทางด้วย ARL ก็สามารถเดินทางมาลง "สถานีราชปรารถ" ได้เลยเช่นกัน (แถมใกล้กว่าด้วย)
(ข้อดีแรกของ Location โครงการ Supalai Elite จะอยู่ใกล้ BTS พญาไท กว่า The Room พญาไท)
ซึ่งหากเรามาลง "BTS สถานีพญาไท" เราก็สามารถใช้ "ทางออกที่ 4" ได้เลยครับ
หลังจากที่เราลงจากทางออกแล้ว เราก็พบกับ "วินมอเตอร์ไซค์" ตรง “แยกกรุงศรีอยุธยา”
ถ้าใครไม่อยากเสียเหงื่อ ก็สามารถอาศัยพี่วินไปส่งได้เลยนะครับ...
แต่สำหรับผม "ดอย ชัด ลึก" ต้องเดินเท้าให้รู้กันไปเลย จะได้ไม่โดนจกตา ฮ่าๆๆๆ
จากนั้นเราข้ามถนนไปยังฝั่งเลขคู่เลยครับ
เมื่อเราข้ามถนนมาแล้ว เราก็จะพบกับ "อาคารวรรณสรณ์" ซึ่งเป็นอาคารสำนักงาน
สิ่งที่น่าสนใจนอกจากนี้ภายในอาคารก็ยังมีศูนย์การศึกษาที่ประกอบด้วยโรงเรียนกวดวิชากว่า 20 สถานบัน , ร้านอาหาร - ศูนย์อาหาร, ร้านหนังสือ, ศูนย์ทันตกรรมและความงาม เรียกว่าครบ!!
มีลูกมีหลานช่วงปิดเทอมสามารถส่งมาทิ้งไว้ที่นี่ได้เลยนะครับ ฮ่าๆๆๆ
จากอาคารวรรณสรณ์เลี้ยวขวายาวไปยังตัวโครงการก็ประมาณ 450 เมตร
โดยถัดมาก็จะเป็น "อาคารสิริภิญโญ" ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าเช่นกัน
ส่วนภายในก็จะมี ธนาคารสีม่วงและสีเขียวให้ใช้บริการด้วยครับ
หลังจากนั้นเราก็เดินต่อมาเรื่อยๆ เราก็จะพบในส่วนของ "โรงแรมเดอะสุโกศล" และ "โรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ฯ"
ส่วนฝั่งตรงข้ามก็จะมีโครงการ Noble Revent และ โชว์รูมฮอนด้า
จากจุดนี้เราก็สามารถมองเห็นโครงการแบบไกลๆแล้วครับ
ระยะทางจากหน้าโรงเรียนศรีอยุธยาไปตัวโครงการก็ประมาณอีก 50 เมตร
โดยระหว่าง โรงเรียนศรีอยุธยาและตัวโครงการจะเป็นไซต์งานก่อสร้าง
ซึ่งคาดว่าใครอาศัยอยู่โครงการนี้ ช่วงนี้อาจจะได้รับผลกระทบจากเสียงเล็กน้อยถึงปานกลางครับ
ส่วนหน้าไซต์ก่อสร้างก็จะมี "ป้ายรถเมล์" ซึ่งถือว่าสะดวกใกล้โครงการมากๆเลยทีเดียวครับ
ก่อนเข้าไปส่องตัวโครงการ เรามาดูรายละเอียดโครงการแบบคร่าวๆกันก่อนครับ
โครงการ : Supalai Elite (ศุภาลัย เอลีท) @พญาไท
คอนโดมิเนียม High Rise 31 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 258 ยูนิต
พื้นที่โครงการ : ประมาณ 2-0-96 ไร่
สิ่งอำนวยความสะดวก : Lobby, Roof Garden, ห้องซาวน่า, ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, Vdo Door Phone
ราคา(ตอนเปิด) : เริ่มต้น 4.4 ล้านบาท
เรามาเริ่มจากส่วนกลางกันก่อนดีกว่าครับ!!!
ส่วนแรกที่จะพูดถึงเลยคือ หย่อมพื้นที่สีเขียวน้อยๆหน้าโครงการฝั่งขวา....
เข้าใจว่าโครงการอาจจะทำเป็นศาลาพักใจชั่วคราวงี้
แต่ในปัจจุบันดูแล้งๆหน่อย ดูภายนอกเหมือนโครงการสร้างมาแล้วหลายปี ฮ่าๆๆๆ
สำหรับชั้น Ground และ Lobby ออกแบบได้สวยหรู แต่ยังไม่ว้าวมาก น่าจะเป็นในส่วนของเรื่องพื้นที่ที่มีน้อยไปหน่อย ทำให้ในส่วนพื้นที่รับรองลูกบ้านก็น้อยตามไปด้วย
สำหรับห้องนิติฯ ก็จะอยู่หลัง Lobby พนักงาน(บางคน) บริการใช้ได้เลยทีเดียวครับ+++
ถัดเข้ามาด้านในตัวตึก ก็จะเป็นในส่วนของลิฟต์ และห้องจดหมาย
ซึ่งห้องจดหมายจะขอให้คะแนนสูงหน่อย ห้องเล็กแต่ตกแต่งและออกแบบได้สวย หรูเหมาะสมราคาเลยครับ
มาถึงชั้น 8 ซึ่งเป็นชั้นของ "สระว่ายน้ำและฟิตเนท"
ซึ่งให้พูดตามตรงคืออยู่ต่ำไป ทำให้วิวดูราคาถูกไป ถ้าอยู่บนดาดฟ้า จะแซ่บกว่านี้เยอะ บอกเลย
โดยเฉพาะฝั่งบีทีเอส ซึ่งเป็นวิวไซต์งานก่อนสร้าง ...ก็อย่างที่บอก เสียงเอย อะไรเอย ซึ่งเป็นปัจจัยที่ให้เราไม่อยากใช้บริการส่วนนี้ อีกทั้งตรงข้ามก็เป็น วิวโรงพยาบาลพญาไทอีก...
สำหรับฟิตเนส อุปกรณ์หลากหลายอยู่ แต่ ห้องเล็ก และอุปกรณ์บางชนิดน้อยชิ้นไปหน่อย เช่นลู่วิ่ง มีแค่เครื่อง 2 เครื่องเอง
มาถึงส่วนสุดท้ายชั้น Roof มีทั้งในส่วน IN DOOR และส่วน OUT DOOR ภายในออกแบบได้สวย หรูดูดีแต่พื้นมีที่น้อย
ส่วนพื้นที่ภายนอก ได้พื้นที่เยอะพอสมควร วิวดี ด้านขวาเป็นวิวฝั่งบีทีเอสพญาไท ด้านซ้ายจะเป็นวิวมักกะสันมีพื้นที่สีเขียวให้ชมเพลินๆ
สรุปในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางใช้ได้ น้อยไปหน่อย แต่เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนยูนิตที่มีน้อยเช่นกัน ก็คาดว่าจะเพียงพอกับการใช้งาน (ในบางเวลา)
เรามาดูภายในห้องกันบ้างครับ ซึ่งห้องนี้ไม่ใช่ห้องตัวอย่างหรือเป็นห้องของผมแต่อย่างใด ผมยืมเค้ามาส่อง ฮ่าๆๆๆ
ห้องนี้จะเป็นห้องขนาด 1 ห้องนอน 62.00 ตร.ม.
ส่วนแรกเปิดเข้ามา เราก็จะพบกับในส่วนของ "ครัวปิด" มีประตูบานเลื่อน 2 ตอน
ขนาดครัวถือว่ากว้างพอสมควร ภายในครัวมีพื้นที่สามารถวางโต๊ะทานข้าวขนาด 2 คนนั่งได้
ฝั่งตรงข้ามครัวก็มีพื้นที่เหลือเยอะพอสมควร เราสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ตรงจุดนี้เลย หรือจะทำเป็นตู้วางรองเท้าก็ได้
หน้าห้องครัวจะติดอุปกรณ์ที่เรียกว่า Vdo Door Phone
ถ้าใครไม่รู้จักผมจะอธิบายสั้นๆให้ฟัง มันก็คือกริ่งบ้านดีๆนี่แหละ เพียงแต่ความสามารถมันสูงกว่า
เพราะมันไม่ได้มีความสามารถส่งได้แค่เสียง แต่มันสามารถที่จะนำเสนอภาพพร้อมเสียง ที่มาในรูปแบบวีดีโอได้นั้นเองครับ
มาถึงในส่วนขออง MASTER ROOM ในส่วนนี้จะได้พื้นที่ไปเยอะพอสมควรเลยทีเดียว
ส่วนแรกพี่เจ้าของห้อง เลือกใช้พื้นที่ส่วนนี้วางโต๊ะทานข้าว ซึ่งผมมองว่าเหมาะสมดี วางโต๊ะขนาดใหญ่ได้พอสมควร
ถัดเข้าไปด้านในสุดก็เป็นส่วน Living ซึ่งส่วนนี้เราก็สามารถนำโซฟาขนาดใหญ่มาวางๆได้เช่นกันครับ
สำหรับส่วนนี้ก็จะมีระเบียงไว้ให้เรารับลม รับแสงได้
ถ้าเป็นชั้นที่สูงๆ วิวจากฝั่งนี้น่าจะสวยไม่น้อย เพราะเป็นวิวฝั่งสวนมักกะสันครับ
สำหรับ "ห้องนอน" กว้างพอสมควร เปิดเข้าไปก็พบกับเตียง King size ซึ่งวางได้เหมาะสม และลงตัวครับ
ปลายเตียงก็จะติด TV แขวนผนัง พร้อมตู้และชั้นวางแบบแขวนผนัง
พื้นที่ปลายเตียงสามารถวางโต๊ะทำงานขนาดเล็กได้
แต่ถ้าใครที่มีโต๊ะทำงานใหญ่ ผมแนะนำให้ย้ายมาให้ตรงหัวเตียง เพราะจะมีพื้นที่เหลือเยอะ
สำหรับห้องนี้พื้นที่ส่วนหัวเตียงเยอะ เจ้าของห้องเค้าใช้พื้นที่ในส่วนวางโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งน่าจะเหมาะกับสาวๆ
สรุปว่าใครใหญ่จะได้พื้นที่ส่วนนี้ไป (ภรรยาเป็นใหญ่ก็จะได้วางโต๊ะเครื่องแป้งขนาดใหญ่ หากสามีใหญ่ก็จะได้วางโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ตรงนี้ไป ฮ่าๆๆ)
ฝาผนังห้องนอนจะเป็นกระจก สามารถชมวิว และเปิดรับแสงธรรมชาติได้
ในส่วนฝั่งขวามือของเตียงจะมีบิ้วท์อินตู้เสื้อผ้า บานตู้จะติดกระจกเงาขนาดใหญ่ แหม่ สาวๆยิ้มไปอีก ส่องได้หัวจรดเท้าเลยทีเดียว
สำหรับ "ห้องน้ำ" แบ่งส่วนแห้งส่วนเปียกชัดเจนด้วยฉากกั้นอาบน้ำ การตกแต่งใช้สี ขาว - ดำ และเทา แต่งเรียบๆ แต่สมาร์ท
เค้าเตอร์ใช้สีดำ อ่างล้างหน้า สุขภัณฑ์ และประตูตู้เก็บของส่วนล่างของเค้าเตอร์จะเป็นสีขาว ตัดกันลงตัว
ฝาผนังติดกระจกเงาขนาดใหญ่ ส่องกับเต็มที่ไปเลยจ้า...
สุดท้ายผมขอมาสรุปง่ายๆ "สไตล์ดอย" กันดีกว่า...
สำหรับการเดินทาง ผมขอแยกเป็น หมวดแล้วกันครับ
หมวดรถไฟฟ้า อันนี้ผมมองว่าไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เพราะถ้าเราต้องทำงานในเมือง หรือว่าใช้ชีวิตประจำวันด้วยรถไฟฟ้า อาจจะต้องเหนื่อยหน่อย เพราะเราต้องอาศัยวินมอเตอร์ไซค์หน้าโรงพญาบาลพญาไท เพื่อไปต่อบีทีเอสอีกที ด้วยระยะทางคงให้เดินเข้า-ออกโครงการทุกวันคงไม่ไหวครับ
สำหรับหมวดรถเมล์ หรือวินมอเตอร์ไซค์ อันนี้ให้ผ่าน เพราะว่าใกล้ๆตัวโครงการไม่ถึง 20 เมตร มีป้ายรถเมล์ ส่วนตรงข้ามโครงการมีวินมอเตอร์ไซค์ และมีสะพานลอยให้ข้ามหน้าโครงการเลยครับ
และหมวดรถส่วนตัว ก็จะสะดวกหน่อย (ถ้าไม่นับเรื่องรถติด) โครงการสามารถเดินทางเข้า-ออก ได้หลายเส้นทาง ไม่ว่าจะจากทางถนนพญาไท, ถนนจตุรทิศ หรือถนนราชปรารภ หรือเวลาเข้าโครงการเองก็สะดวกเพราะโครงการอยู่ถนนศรีอยุธยาฝั่งคู่ สามารถลัดมาจากเส้นรางน้ำได้ นอกจากนี้ก็ยังใกล้กับจุดขึ้น-ลง ทางด่วนถึง 2 ด่าน คือด่านอุรุพงษ์และด่านอนุสาวรีย์ชัยฯ
สำหรับเรื่องปากเรื่องท้อง ใกล้ๆตัวโครงการเองของกินอาจจะน้อยหน่อย ซึ่งอาจจะต้องไปนั่งทานที่เดียวกับ "The Room พญาไท" ฮ่าๆๆ
ร้านสะดวกซื้อไม่ไกลเท่าไหร่ประมาณ 100 ม. แต่ต้องข้ามสะพานลอยนี่สิ แต่ถ้าไม่ขี้เกียจก็หาได้ไม่ยากเลยครับ จะไปทานแถวสถานีพญาไท แถวสยาม หรือแถวรางน้ำก็เป็นทางเลือกที่ใช้ได้ครับ
สำหรับตัวโครงการเอง ผมว่าเป็นอีกโครงการที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย เป็นโครงการที่มี Location ที่ล้อมรอบไปด้วยสถานที่ที่เหมาะกับการใช้ชีวิต ล้อมรอบไปด้วยสถานที่สำคัญๆ ทั้งอาคารสำนักงาน โรงพยาบาลพญาไท1 ,โรงเรียนศรีอยุธยา , คิงเพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ เซ็นทรัลเวิลด์ หรือย่านสำคัญอย่างสยาม ตัวโครงการเองก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ โครงการมีที่จอดรถเยอะสุดๆ ประมาณ 94%
ที่ชอบเลยคือที่นี่ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง เพราะมีจำนวนยูนิตที่น้อย เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว และสุดท้ายในเรื่องของราคา อย่างที่เกริ่นไปโครงการใกล้เคียงที่กำลังมาในอนาคตราคาค่อนข้างแรง จึงทำให้โครงการนี้จะได้ประโยชน์ไปด้วย ไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน
ก่อนจากกันในวันนี้ ฝากไว้ให้คิด ระฆังดังเพราะคนตี บนดอยมีหมี และมีคอนโด "คอนโดติดดอย" สวัสดีครับ