คอนโดแบบไหน ที่สามารถฝากชีวิตของเราเอาไว้ได้?
คำตอบคือ… คอนโดที่ตั้งอยู่บนความสบายใจ
สบายใจทั้งตัวเราและคนที่เราร๊ากกกกก อย่าง… สัตว์เลี้ยงแสนซน เฮ้!!!!
ฮั่นแน่! เอ่ยมาขนาดนี้ คงพอรู้แล้วใช่ไหมว่า เป็นของเจ้าไหนนนน… เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์?… จะดูหนังเรื่องอะไรดีนะ ปั๊ดโถ่ นั่นมันคนละเมเจอร์แล้ว!!!... ต้อง “เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” ต่างหากเล่า
โครงการที่ผมจะพาไปดูโดยเฉพาะเจาะจงคราวนี้ มีชื่อเสียงเลื่องลือระบือไกลว่า… “MARU เอกมัย 2” ซึ่งอยู่โซนสุขุมวิทตอนกลาง บนทำเลย่านเอกมัย ที่กล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าย่านนี้เป็นทำเลทองที่แท้ทรู
ส่วนเราจะไปโครงการ “MARU เอกมัย 2” ได้อย่างไรนั้น... เดี๋ยวเสกรถฟักทองแปปปปป… เอิ่มมมม… จำคาถาไม่ได้… ไปรถไฟฟ้าเหมือนเดิมแล้วกันเนอะ 55555
ลงที่ "สเตชั่นเอกมัย" เพื่อไปยังทางออก 1 หลังจากผ่านที่กั้นมาแล้วสามารถเลือกได้ 2 ทาง ถ้าอยากซิ่งไปกับพี่วินมอเตอร์ไซค์ ให้เดินตรงทางเชื่อมบนบีทีเอส (BTS) และเลี้ยวขวาทะลุเข้าห้าง เมเจอร์ เอกมัย พอลงมาข้างล่างก็เจอกับพี่ๆ จอดรถรอรับส่งเราอยู่
และยังมีรถเมล์ รถกระป้อ (เรียกแบบนี้ป่าวอ่ะ 5555) ด้วยนะ หรือถ้าใครอยากเดินลดหุ่นก็เลี้ยวขวาตั้งแต่ติ๊กบัตรออกเลย เพราะโครงการนี้จะอยู่ฝั่งขวา (หันหน้าเข้าซอย)
นี่ยังไม่ลงข้างล่างก็เห็นร้านขายอาหารต่างๆ แล้วอ่ะ พอเดินลงมาก็จะเจอกับ “ซอยสุขุมวิท 63” หรือซอยเอกมัย ให้เลี้ยวขวาไปตามทางเลยครับ จากปากซอยถึงโครงการ ประมาณ 450 เมตร เดินไป-กลับ มีหุ่นเพรียวแน่ๆ ล่ะ อิอิ
เดินมาอีกนิด จะเห็นรถขายเครื่องดื่มน่ารักๆ ถัดไปข้างๆ กันเป็น คอมมูนิตี้มอลล์ เดอะ ฮอไรซอน ของกินหลากหลาย ทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านไอศกรีม
อดใจไว้ๆ เอาหล่ะยังคงก้าวทีละก้าวต่อไป เจออีกแล้ว!!! คราวนี้เป็นอาหารญี่ปุ่น และเดินอีกไม่ถึง 100 เมตร ก็พบร้าน MK GOLD กับ MIYAZAKI โอ๊ยยยย ตั้งสติไว้ๆ มารีวิวคอนโด ไม่ได้มารีวิวของกิน ฮืออออออ
ตรงไปอีกหน่อยก็จะเห็น 7-Eleven ต่อด้วยเอกมัยซอย 2 ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นศูนย์การค้า Park Lane ที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านเสริมสวยเสริมหล่อ ร้านขายเสื้อผ้า แม็กซ์แวลู และอีกหลายสิ่งอย่าง
ข้างๆ Park Lane ก็เป็นอาคารออฟฟิศชื่อ สรชัย เอ๊ะ! ชื่อเหมือนดารารุ่นเก๋าคนหนึ่งเลย... สรชัย ชาตรี... นั่นมัน สรพงษ์!!! แอแฮร่ 55555
ผมยังคงโฟกัสที่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งมีปั๊มน้ำมันอยู่ด้วย...
เดี๋ยวนี้ ผมว่าในเมืองหาปั๊มน้ำมันไม่ง่ายเลยนะ เพราะมันกลายร่างเป็นอย่างอื่นกันเยอะล่ะ โดยเฉพาะคอนโด
ใครอยู่แถวนี้ก็สบายไป ติดๆ กันคืออาคาร BBC เป็นสำนักงานให้เช่าครับ และหลังจากจุดนี้เราก็กลับมาดูทางที่เราเดินกันบ้าง
อ้าว!!! ถึงโครงการ “MARU เอกมัย 2” ละ 5555 แปลกมากที่ผมเดินเพลินจนไม่รู้ตัว ปกติผมจะใจจดใจจ่อว่าเมื่อไหร่จะถึงโครงการ
หรืออาจเพราะว่าตลอดทางมีอะไรน่าสนใจให้มองอยู่ตลอด ประกอบกับอากาศไม่ร้อน แดดไม่มี แถมตรงทางเดินมีต้นไม้คอยปกคลุมให้ความร่มเงาเพิ่ม ผมเลยไม่รู้สึกว่าไกลหรือเหนื่อยเลย ก็เป็นด้ายยย…
ถือว่าวันนี้ผมมีบุญ อิอิ
เลยโครงการไป จะมีร้านอาหารจีนโชคดี และร้านอาหารอินเดีย รวมถึงมีพี่วินคอยเราอยู่ที่ซอย 4 ต่อด้วยเอกมัยซอย 5 ที่สามารถทะลุออกไปทองหล่อซอย 10 ได้
ผ่านไปเอกมัยซอย 6 จะเห็น Big C และ Index Living Mall มาซื้อของกินของใช้ เฟอร์นิเจอร์ ได้ตรงนี้ใกล้ๆ เลยค้าบ
วกกลับมาที่โครงการ “MARU เอกมัย 2” ซึ่งตอนนี้เพิ่งเริ่มก่อสร้าง แต่คาดว่าน่าจะเสร็จในช่วงปี พ.ศ. 2563
“MARU เอกมัย 2” เป็นคอนโด High Rise สูง 32 ชั้น แต่มีเพียง 371 ยูนิตเท่านั้นเอง เพื่อให้ลูกบ้านมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ในแต่ละชั้นจึงมีแค่ 16 ยูนิต ไม่มากมายอะไรเลย
ส่วน "ที่จอดรถ" ของโครงการนี้จะแบ่งเป็น 2 แบบ คือ แบบวนจอดปกติได้ 141 คัน และ Automatic Parking 24 คัน รวมแล้วก็ 165 คัน หรือคิดเป็น 48% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ให้มาไม่ถึงครึ่ง ซึ่งไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร เพราะส่วนใหญ่ลูกบ้านน่าจะใช้ขนส่งอื่นๆ เสียมากกว่า
ที่นี่เค้าให้ "ลิฟต์" มา 2 ตัว และลิฟต์ Service อีก 1 ตัว
ก่อนจะเอ่ยไปถึง “Facility” ต่างๆ นั้น จะขอพูดถึงเรื่องหนึ่งก่อน ซึ่งภูมิใจนำเสนอมากกกกก ดุจประหนึ่งเป็นเจ้าของโครงการเสียเอง 55555
นั่นคืออออ คอนเซปต์ “Pet Friendly”!!!
อย่างที่ผมบอกไปข้างต้นว่าโครงการส่วนใหญ่ของ “เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” อนุญาตให้ลูกบ้านเลี้ยงสัตว์ได้ ซึ่งโครงการนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
จัดว่าเป็น Developer ขวัญใจชาว โฮ่ง บ๊อก เหมียว กรร(เสียงไรหว่า อิอิ) เลยทีเดียว
ผมยกให้ทั้งใจเลยกับคอนเซปต์นี้ ซึ่งเจ้านายชอบบอกว่าผมอคติ
เพราะถ้าคอนโดไหนเลี้ยงสัตว์ได้ ผมจะรำไม่ค่อยตรงเท่าไหร่ (ลำเอียง) ฮ่าๆๆๆๆ
ก็แหมมมม ฉันก็รักของฉันเข้าใจบ้างไหม ฉันมีสิทธิ์จะรักไม่ผิดใช่ไหมมมม~~~
เนื่องด้วยเป็นโครงการที่ “Pet Friendly”
ที่นี่เค้าเลยมี “Facility” เพื่อเอื้อต่อสัตว์เลี้ยงแสนรักของเรา
โดยชั้นล่างเป็นสวน Outdoor ขนาดกลาง เอาไว้ให้น้องหมา น้องแมว ได้วิ่งเล่น
รวมถึงมีการจัดวาง ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ และศาลา ให้เรานั่งเล่นกัน และชั้นล่างนี้ก็มีที่จอดจักรยานด้วยนะ ไว้สำหรับลูกบ้านที่ใช้พาหนะนี้ในการเดินทาง
หรือถ้าใครอยากนั่งข้างใน โครงการได้จัดพื้นที่เอาไว้หลายส่วนเลยทีเดียว จะได้ไม่ต้องแย่งกัน 5555
ไม่ว่าจะเป็น โซน “Co-Living Space” และ “Sunken Living” ที่สามารถมองเห็นสวนธรรมชาติข้างนอกได้เกือบรอบด้าน เอาไว้นั่งพักผ่อน มองต้นไม้ใบหญ้าแทนหน้าจอโทรศัพท์
และขึ้นมาต่อที่ชั้น 28 โซนนี้จะเป็นสวนพักผ่อนเช่นเดียวกัน ที่ทุกคนสามารถมาใช้ได้
แต่ดูแล้วคนที่ใช้น่าจะเป็นคนที่อยู่ชั้นนี้มากกว่านะ เพราะถ้าเป็นผมที่อยู่ชั้นอื่น คงไปที่ชั้นล่างสุด ไม่ก็บนสุดไปเลย
ใช่แล้วครับ ส่วนกลางยังมีอยู่ที่ชั้นบนสุดอีก 2 ชั้น
เริ่มตั้งแต่ชั้น 31 ที่มี “สระว่ายน้ำ” รวมทั้งส่วนของ "เทอเรซ" ที่เอาไว้รับลมชมวิวเมือง
ถ้าใครอยากปาร์ตี้ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ ก็นี่เลย “Co-Kitchen” เพราะมีชุดครัว อุปกรณ์ทำอาหารครบครัน พร้อมโต๊ะ และเก้าอี้หลายที่นั่งเลยทีเดียว
ชั้นนี้ยังมี “Facility” อื่นๆ อีก คือ "ห้องคาราโอเกะฟังเพลง" และ "ห้อง Quite" ที่ค่อนข้างให้ความเป็นส่วนตัวสูงพอสมควร เพราะมีฉากกั้นระหว่างโต๊ะ สำหรับคนที่ต้องการทำงานแบบจริงจัง ต้องการสมาธิ หรือใครจะมานั่งอ่านหนังสือก็ไม่มีใครว่า อิอิ
ตามด้วยชั้น 32 ที่มี "ฟิตเนส" และ "ห้องโยคะ" ...
และยังมีส่วนกลางอีกหลายอย่างเลย ซึ่งถ้าให้ผมร่ายยาวทั้งหมด ก็คงจะไม่ไหว ทำตามไม่ได้~~~
ว๊าปกลับมาที่ของจริง อย่างการชมห้องตัวอย่างกันเถอะ
ในแกลลอรี่ มีห้องตัวอย่างให้เราดู 2 แบบ แต่ห้องจริงของโครงการ “MARU เอกมัย 2” มีให้เราเลือกถึง 5 แบบด้วยกัน คือ
1. 1 Bedroom Smart : 29 – 30 ตารางเมตร
2. 1 Bedroom : 32.5-35.5 ตารางเมตร
3. 2 Bedroom : 54-60.5 ตารางเมตร
4. 1 Bedroom Duplex : 41-42 ตารางเมตร
5. 2 Bedroom Duplex : 45.5-76 ตารางเมตร
โดยคอนโดที่นี่ทุกห้องเก็บเสียงอย่างดี เพื่อป้องกันเสียงของสัตว์เลี้ยง และขายแบบ “Fully Fitted” เดี๋ยวมีอะไรผมจะบอกตอนดูห้องครับ
ส่วนพื้นถึงฝ้าของห้องปกติจะสูง 2.7 เมตร แต่ห้องแบบ Duplex (2 ชั้น) จากพื้นถึงฝ้ามีความสูงถึง 5.5 เมตร
สตาร์ทกันที่ห้องแรกขนาด “42 ตารางเมตร” เป็น "1 Bedroom Duplex"
เมื่อเข้ามาเหมือนจะยังไม่เห็นอะไร เป็นทางเดินโล่งๆ ซึ่งผมชอบนะ เพราะทำให้ห้องดูเป็นสัดเป็นส่วน
พอมองขวามือจะเจอกับ “ห้องน้ำ” ของที่ได้ มีให้ครบตามที่เราเห็นเลย ติดฉากกั้นห้องน้ำ มีที่วางของหน้ากระจก และในโซนอาบน้ำ รวมทั้งมีที่เก็บของใต้อ่าง
สำหรับซ้ายมือของผมเป็นผนังของบันได ที่สามารถใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้
โดยเค้าทำเป็น "บิ้วท์อินตู้เก็บของ" ไว้ใส่เสื้อผ้า ที่เก็บกระเป๋า รองเท้า ทำมาให้อย่างดีเลยหล่ะ เปิดออกมามีกระจกเต็มบาน
มันดีตรงเนี้ยยย เอาไว้เช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากห้อง... ใครที่คิดว่าเค้าจะทำเล่นๆ เปล่าเลย งานนี้มาเต็มมากเวอร์
พ้นทางเดินแล้วเป็นส่วนของ “ครัวเปิด” ที่บิ้วท์ทั้งชุดครัวข้างล่าง และตู้เก็บของข้างบนมาให้เรียบร้อย พร้อมกับเตาไฟฟ้า ที่ดูดควัน และอ่างล้างจานซึ่งหลุมลึกกำลังดีเลย เวลาล้างจานน้ำจะได้ไม่กระเซ็นไปเจ็ดแปดบ้าน ฮ่าๆๆ
ติดกันเป็น “ห้องนั่งเล่น” ซึ่งไม่ต้องแปลกใจ ถ้าทำไมมายืนอยู่ตรงนี้แล้วรู้สึกโล่งหัวเหมือนไม่มีผม หยอกๆ ฮ่าๆ
เพราะอย่างที่บอกไปว่าห้องนี้เพดานสูงถึง 5.5 เมตร
มีความเงยหน้าจนเมื่อยคออ่ะ สูงแค่ไหนไปลองเงยดู อิอิ
โดยข้างผนังมีวางโต๊ะกินข้าวเอาไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง (โครงการไม่ได้แถมมาให้) คือถ้าใครชอบนั่งกินข้าวเป็นกิจจะลักษณะ จะซื้อโต๊ะมาไว้ก็ยังมีพื้นที่อยู่
แต่ถ้าใครชอบโซ้ยมาม่าตรงโซฟาแบบผม ก็เลื่อนโซฟาเขยิบถอยหลังไปวางแทน เพื่อให้ระยะห่างระหว่างทีวีมีเพิ่มขึ้น แถมขยายจอทีวีได้หลายนิ้วด้วย
อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ห้องยิ่งดูกว้าง โปร่งเข้าไปใหญ่ คือประตู และกระจกตรงระเบียง ที่บิ้วท์ให้สุดและหยุดที่เพดาน
ส่วนตรงระเบียงค่อนข้างจะยาว แต่ไม่กว้างเท่าไหร่ เหมาะมายืนสูดอากาศ
ขึ้นไปชั้นสองกันบ้างดีกว่า อันนี้เป็น “ห้องนอน” สามารถวางเตียง 5 ฟุต พร้อมโต๊ะข้างหัวเตียง ซึ่งก็เรียบง่ายไว้สำหรับหลับพักผ่อนขนานแท้
ผนังที่ติดกับห้องนั่งเล่น ทำเป็นกระจกบานใหญ่เต็มพื้นที่ แน่นอนว่าจะทำให้ห้องไม่อึมครึมมืดครึ้ม ฝั่งตรงข้ามมีสเปซเหลือ ไว้สำหรับบิ้วท์อินเพิ่มเติม หรือไม่อยากบิ้วท์เพื่อให้ห้องโล่งสบายตา ก็สุดแท้ตามแต่ใจเรา
และของแถมนอกเหนือจากที่บอกไปก็จะมี Digital Door Lock และแอร์ 2 ตัว ติดตั้งแบบ Wall type
ทั้งนี้ห้อง Duplex ทุกขนาดของที่นี่ เราไม่ต้องกลัวว่าจะทรุดถล่มลงมา เพราะเค้าทำด้วยคอนกรีตเสริมใยเหล็ก ทำไมพิมพ์ประโยคนี้แล้วนึกถึงเพลง... หัวใจไม่ได้เสริมใยเหล็ก~~~ คิคิ
แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ สามารถออกโฉนดได้ทั้งชั้นล่าง และชั้นบนอีกต่างหาก คือทุกพื้นที่เป็นของเราอย่างสมบูรณ์แบบ
มาจอดกันที่ห้องสุดท้ายมีขนาด "29 ตารางเมตร” 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ
เข้ามาก็เจอะเจอกับตู้เก็บของจิปาถะทั่วไป ซึ่งรับคะแนนเต็มไปเลยสำหรับส่วนแรก เพราะคอนโดไม่ได้มีพื้นที่เยอะเหมือนบ้าน ตู้พวกนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งยวด
ฝั่งตรงข้ามเป็น “ห้องครัว” ที่ให้ของทุกอย่างมาเหมือนกับห้องแรกเลย สามารถทำกับข้าวที่มีกลิ่นแรง กลิ่นฉุน ได้อย่างเต็มเหนี่ยว เพราะมีประตูกั้นก่อนเข้าห้องโซนอื่นๆ
ถัดไปด้านข้างมีที่ว่างให้วางโต๊ะกินข้าวได้ หรือเอาไว้นั่งทำงานก็ไม่ผิดแปลกอะไรเนอะ
และได้คะแนนเกินร้อยไปอีก เมื่อกั้นห้องด้วยกระจกใสแทนผนังทึบ แถมเชื่อมต่อกับประตูบานเลื่อน ยิ่งทำให้ห้องดูกว้างเกินจริง
ซึ่งอันนี้ดูเหมือนจะหลอกตาแต่เป็นเรื่องดีสำหรับผู้อยู่ครับ 5555
ข้ามไปจากตรงนี้ก็จะเป็นส่วนของ “ห้องนอน” ซึ่งมีขนาดพื้นที่โอเคเลย
สำหรับเตียงผมแนะนำให้วาง 5 ฟุตจะดีที่สุด เพราะทำให้มีพื้นที่เหลือทั้งสองข้างอย่างพอเหมาะพอเจาะ
ในส่วนของห้องนั่งเล่นถูกจัดให้เป็นมุมอยู่ติดริมหน้าต่างของห้อง หรือเราจะเนรมิตให้เป็นมุมอะไรก็ได้ในสไตล์ของเรา
ซึ่งห้องนี้แปลกแต่เก๋ตรงที่ แม้จะเป็น 1 ห้องนอน แต่ด้วยองศาห้อง และการจัดวาง ทำให้สามารถมี “Walk in closet” เป็นของตัวเองได้ง่ายๆ แต่บอกก่อนว่าเราต้องบิ้วท์ตู้เสื้อผ้าเอง โครงการไม่ได้ติดตั้งให้นะจ๊ะ
ส่วน “ห้องน้ำ” ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากห้องแรกครับ ได้ทุกอย่างตามนั้นเป๊ะไม่ผิดเพี้ยน
ขณะที่ระเบียงห้องนี้ขนาดอาจไม่ยาวเท่าห้องแรก แต่กว้างกว่าครับ พอจะเอาเก้าอี้เล็กๆไปวาง นั่งตากลมเล่นได้
สำหรับของแถมอย่างอื่นจะได้แอร์ ติดตั้งแบบ Wall type 1 ตัว
ทั้งหมดนี้ของโครงการ “MARU เอกมัย 2” ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ “5.4 ล้านบาท”
ถามว่าคุณภาพอยู่ตรงไหน... ก็อยู่ทุกตรงแหละค้าบบบบ 5555
เอาตั้งแต่ “คุณภาพล้นคอน” อย่างเรื่องของทำเลที่ตั้ง นอกจากที่ผมบอกไปข้างต้น ยังมีอื่นๆ อีกเพียบ ทั้งเกตเวย์ เอกมัย โรงเรียนนานาชาติ เอกมัย โรงพยาบาลสุขุมวิท โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ วัดธาตุทอง รวมถึงบริษัทต่างๆ ที่กระจายอยู่รอบด้าน คือขั้นกว่าของคำว่ามากไปอี๊กกกกก ล้นจริงๆ
ต่อด้วย “คุณภาพคับคอน” การออกแบบห้องในโครงการ ที่แต่ละชั้นมีจำนวนยูนิตไม่มาก เพื่อให้ลูกบ้านได้มีพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น ขณะที่ตัวห้องเองก็กระจายน้ำหนักความสำคัญของห้องแต่ละแบบได้ไม่น้อยหน้ากัน อย่างห้อง Duplex โดดเด่นด้วยเพดานสูง และตู้ใต้บันได ขณะที่แบบ 1 ห้องนอน ก็ให้ขนาด และการแบ่งสัดส่วนที่ลงตัว เป็นการออกแบบให้เราสามารถใช้ประโยชน์พื้นที่ที่มีอยู่ได้อย่างเต็มพื้นที่
โครงการนี้ผ่าน “EIA” หรือเรียกว่า การทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเชื่อได้เลยว่าคอนโดที่เราอยู่นั้น ได้ส่งผลกระทบในทุกๆ ด้าน แบบน้อยที่สุดแล้ว
จบด้วย “คุณภาพพอดีคอน” ผมขอยกให้ 2 เรื่อง คือ
หนึ่ง ตัว “Facility” ที่แม้จะยังไม่เห็นของจริง แต่จากที่จับใจความได้คือ เค้าต้องการให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกผ่อนคลาย และสบายใจที่ได้อยู่ในโลกของตัวเอง
และเรื่องสุดท้ายผมขอยกให้กับคอนเซปต์ “Pet Friendly” เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้กับคนรักสัตว์ได้มีช่องทางในการเลือกที่พักอาศัยได้มากขึ้น... ดี๊ดี!!!
ตอนนี้บางคนมองว่าถูก ก็รีบจับจองกันไปเยอะแล้ว (แอบรู้มาว่าขายไปเกินครึ่งแล้วนะ) ส่วนคนที่มองว่าแพง บอกได้เลยถ้าไม่ซื้อ ณ บัดนาว อนาคตข้างหน้าย่อมแพงกว่าเดิม
สมมติคนที่ซื้อไปแล้วเกิดอยากขายต่อ จะมีใครหล่ะที่ขายถูกลง เค้าก็ต้องขายแพงขึ้นสิจริงไหม ในเมื่อรู้ๆ กันอยู่ว่าพื้นที่ในเมืองหากยากยิ่งกว่างมถั่วเขียวในมหาสมุทร 5555
ไม่พูดมากและเจ็บคอ (เจ็บคออะไรเอ็งเขียนนนน ฮ่าๆๆๆ) แต่แค่อยากจะขอให้ไปเห็นกับตา และพาร่างกายของคุณไปสัมผัสด้วยตัวเอง (นี่รีวิวคอนโดหรือนิยายรัก ฮ่าๆ)
รับรองว่าโครงการ “MARU เอกมัย 2” งานดี งานเนี๊ยบ งานเป๊ะ งานปัง จริงๆ จากใจ!!!!!