เดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ ลุยอสังหาฯ ต่อเนื่อง
เปิดตัวคอนโดใหม่ เดอะเนสท์ สุขุมวิท 71 รองรับไลฟ์สไตล์คนเมือง
ตั้งเป้ายอดขายรวม 2,500 ล้านบาท ในปี 2561
____________________
บริษัท เดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเครือของกลุ่มบริษัท พี.เอ็ม. กรุ๊ป ประกาศเดินหน้าลุยพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโรงแรมย่าน ECBD
ยึดแนวใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT รองรับไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าในเมือง นำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพ ออกแบบเรียบหรู ทันสมัย เพื่อคุณภาพการใช้ชีวิตที่ลงตัว ในราคาที่คุ้มค่า
โดยไตรมาสที่ 3/2561 จะเปิดคอนโดมิเนียมใหม่ “เดอะเนสท์ สุขุมวิท 71” ตั้งเป้าสิ้นปี 2561 มียอดขายรวมทุกโครงการ 2,500 ล้านบาท ทั้งนี้ เตรียมงบลงทุนอีกไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท รุกสร้างโรงแรมบูติก 2 แห่ง ภายในปี 2566
คุณอุษณา มหากิจศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2561 บริษัท เดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ฯยังคงมุ่งสู่เป้าหมายใหญ่ในการสร้างแบรนด์ “เดอะเนสท์”
เพื่อให้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในด้านการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ตอบสนองความต้องการและ life style ของคนเมือง อย่างแท้จริง
ทั้งทำเลที่ตั้งโครงการ ดีไซน์ที่เรียบหรูทันสมัย เฟอร์นิเจอร์และวัสดุตกแต่งที่มีคุณภาพ แบบแปลนที่ลงตัวเหมาะสมกับการอยู่อาศัย ครบทั้งคุณภาพ ความสะดวกสบาย และภาพลักษณ์ที่มี ความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละโครงการ
ในราคาที่ลูกค้าจับต้องได้ คุ้มค่าหากเปรียบเทียบกับ โครงการที่อยู่อาศัยในเกรดเดียวกันหรือในละแวกเดียวกัน
โดยหลังจาก ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากโครงการแรก “เดอะเนสท์ เพลินจิต” ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรซ์ สูง 8 ชั้น มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ที่เปิดขายในปี 2556 จำนวน 64 ยูนิต ผลตอบรับดีมาก ปิดการขายได้ ตามเป้าหมาย
โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มนักลงทุนและผู้มีรายได้ในระดับ Middle Management ที่ทำงาน ย่านชิดลม เพลินจิต อาจจะมีบ้านอยู่แล้วและต้องการคอนโดเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง มีความสะดวกใน การเดินทางหรือเพื่อ การลงทุนในอนาคตสำหรับการซื้อไว้ปล่อยเช่า
โครงการที่สอง “เดอะเนสท์ สุขุมวิท 22” ซึ่งป็นโครงการโลว์ไรซ์ สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร รวม 316 ยูนิต ออกแบบโดย PAA มีมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท
เปิดขายช่วงปลายปี 2558 สร้างเสร็จเมื่อปลายปี 2560 โดยกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ได้แก่ กลุ่มนักลงทุนและผู้มีรายได้ในระดับ Middle Management หรือพนักงานบริษัท ที่มีรายได้ 40,000 บาทขึ้นไป
อาจจะทำงานในย่านสุขุมวิท หรือกำลังมองหา ที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง มีไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตในเมือง เน้นการเดินทางที่คล่องตัวเป็นหลัก
หรืออาจจะเป็นกลุ่มนักลงทุนที่มองหาคอนโดไว้เพื่อปล่อยเช่าเนื่องจากย่านนี้เป็นย่านที่ต่างชาติ ให้ความสนใจ เช่าสูงเพราะอยู่ระหว่างรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีอโศกและพร้อมพงษ์ ปัจจุบัน เหลืออีก 10% เท่านั้น คาดว่าจะปิดการขายได้ภายในปี 2561
สำหรับโครงการที่กำลัง Hot ในขณะนี้ อยู่ในทำเล Eastern Center Business District (ECBD) ซึ่ง เป็นทำเล ยอดนิยมที่กำลังมาแรง คือ โครงการ “เดอะเนสท์ สุขุมวิท 64” เป็นโครงการ โลว์ไรส์ สูง 8 ชั้น มี 3 อาคาร จำนวน 439 ยูนิต ออกแบบโดย Tandem ตกแต่งภายใน โดย Paradigm Shift และออกแบบ Landscape โดย Red Landscape
ภายใต้แนวคิด “Finest Nature Reflection” ออกแบบเพื่อที่สุดของชีวิตที่ลงตัว ตั้งอยู่บนเนื้อที่เกือบ 4 ไร่ สามารถเข้าออกได้ทั้งจากซอยสุขุวิท 64 ซึ่งปากซอยเป็น BTS ปุณณวิถี และซอยสุขุมวิท 66/1 ที่ปากซอยเป็น BTS อุดมสุข เปิดให้จองเมื่อปลายปี 2560 คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จปลายปี 2562 มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท
ปัจจุบัน “เดอะเนสท์ สุขุมวิท 64” มียอดจองแล้วกว่า 80% คาดว่าปิดการขายได้ก่อนสิ้นปีนี้ โดยกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ได้แก่ กลุ่มนักลงทุน หรือกลุ่ม first jobber พนักงานบริษัทที่มีรายได้ 30,000 บาทขึ้นไป
อาจจะทำงานย่านสุขุมวิทหรือออกไปทางบางนา และกำลัง มองหาที่อยู่อาศัย เป็นของตัวเองที่สามารถเดินทางสะดวกใช้ชีวิตได้ในเมืองเนื่องจาก อยู่ใกล้ รถไฟฟ้าเพียง 600 เมตร รวมถึงกลุ่มนักลงทุนที่กำลังมองหาคอนโดให้เพื่อปล่อยเช่า
คุณอุษณา กล่าวว่า “ตลาดคอนโดมิเนียม ปี 2561 มีแนวโน้มเติบโตดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาครัฐมีการลงทุนโครงการสาธารณูปโภคต่อเนื่อง ผู้บริโภค มีความเชื่อมั่น และ เริ่มกลับมาสนใจซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น
ประกอบกับ ปัจจุบันชาวต่างชาติสนใจเข้ามา ซื้อคอนโดมิเนียมในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีน สิงคโปร์ และ ฮ่องกง
ทำให้คอนโดมิเนียมในทำเลกรุงเทพชั้นในและเขตรอบกรุงเทพชั้นในที่ใกล้แนวรถไฟฟ้าเป็นทำเลที่มาแรง มีอุปทานใหม่เกิดขึ้นมาก เชื่อว่าการแข่งขันก็เข้มข้น ด้วยจำนวนโครงการใหม่ ที่จะทยอยเปิดตัว
ด้านซัพพลายที่ตอบโจทย์ตลาดระดับ กลางบนขึ้นไปยังคงได้รับการตอบรับที่ดี โดยมีเงื่อนไข ของราคาเปรียบเทียบกับคุณภาพและ ความสะดวกในการเดินทางซึ่งเป็น 3 ปัจจัยหลักในการตัดสินใจ ซื้อหรือลงทุน
สำหรับลูกค้าของเดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ ส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองในสัดส่วนที่มากกว่า 50% จากยอดขายปัจจุบัน และ อีก 50% ซื้อเพื่อปล่อยเช่าเป็นการลงทุนในระยะยาว โดยมีสัดส่วนลูกค้าคนไทยและต่างชาติ คิดเป็น 70 : 30 และลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่เป็น ชาวจีน และฮ่องกง
เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ยังมีอยู่บริษัท เดอะเนสท์ฯ มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการ “เดอะเนสท์ สุขุมวิท 71” ตรงสถานีพระโขนง ราวเดือนสิงหาคมปีนี้ เป็นโครงการโลว์ไรส์ 8 ชั้นเช่นเดิม จำนวน 5 อาคาร มี 515 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท เรามั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับสิ่งทีดีที่สุด มีคุณภาพที่สุดอย่างแน่นอน”
สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าปิดยอดขายรวมของทุกโครงการที่ 2,500 ล้านบาท โดยปัจจุบันสามารถทำยอดขายได้แล้วกว่า 1,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังวางแผน ที่จะรุกธุรกิจโรงแรมบูติค 2 แห่ง รวมกันประมาณ 450 ห้อง ด้วยเงินลงทุน 2,000 ล้านบาท เล็งทำเลย่านเพลินจิต และย่านนานาไว้ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างราวปี 2563 – 2566