ERA Franchise Thailand ผู้บริหารเครือข่ายการขายอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภททั้งโครงการใหม่และทรัพย์มือ2 ในรูปแบบแฟรนไชส์จากสหรัฐอเมริกา เผยเกือบ 30 ปีที่ผ่านมากับธุรกิจการขายอสังหาริมทรัพย์มือ 2 หรือที่รู้จักกันภายใต้ชื่อธุรกิจนายหน้าอสังหาฯในประเทศไทยนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่พัฒนาและถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดก็คือการยอมรับของผู้บริโภค ทั้งนี้เมื่อตลาดเติบโตขึ้นและได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคมากขึ้นธุรกิจก็ต้องมีการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในระดับที่สูงขึ้น จากเดิมที่ทำในรูปแบบของนักขายอิสระโดยอาศัยความสามารถเฉพาะตัวในอดีต ก็จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนวิธีการมาสู่การทำงานเป็นทีมและมีการนำเอาวิวัฒนาการต่างๆมาใช้งานอย่างต่อเนื่องผลจากการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี่เพื่อธุรกิจ, การมีข้อกำหนดทางด้านกฎหมายเพื่อควบคุมอาชีพต่างๆให้มีระบบระเบียบที่ดีขึ้นและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพเศรษฐกิจซึ่งส่งผลโดยตรงกับการแข่งขันทางการตลาด ปัจจัยต่างๆเหล่านี้จะส่งผลกับการเปลี่ยนแปลงในการทำธุรกิจการขายอสังหาฯ เป็นอย่างมากในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อให้สามารถครอบครองพื้นที่ทางการตลาดได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมีจุดประสงค์เดียวคือสามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างเต็มที่
ดังนั้นองค์ประกอบที่สำคัญ 4 ประการที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงการดำเนินธุรกิจในยุคนี้และผู้ที่ดำเนินธุรกิจต้องคำนึงถึงเป็นอย่างมากได้แก่
1 การเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี
จากการส่งไปรษณีย์ สู่การส่งไปรษณีย์อีเล็คทรอนิคและมาสู่การส่งข่าวสารในรูปแบบ Social Media ต่างๆ จากการเก็บข้อมูลในระบบใหญ่มูลค่านับหลายล้านบาทมาสู่การเก็บข้อมูลในโทรศัพท์มือถือส่วนตัวที่มีราคาเพียงไม่กี่หมื่นบาท และจากเดิมที่เราคิดว่ามันคือแค่อินเตอร์เน็ตแต่ในความเป็นจริงแล้วเทคโนโลยี่นี้ได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาตั้งแต่ช่วงต้นของปี ค.ศ. 1990 หรือที่รู้จักกันภายใต้ชื่อ Dotcom Model และถูกพัฒนาจนถึงจุดที่สูงสุดในยุคที่เรียกกันว่าเป็น Peak Period ของ Dotcom Model ในช่วงหลังปี ค.ศ. 2005 ต่อจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงที่เรียกว่า Transition Period ซึ่งเราก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงต่างๆมากมายในด้านเทคโนโลยี่ทั้งนี้รวมถึงการเกิดขึ้นของ Social Media ต่างๆมากมายจนถึงปัจจุบันนี้และจะเข้าสู่ยุคของ AI เพื่อทำหน้าที่ให้บริการข้อมูลกับผู้ที่สนใจและในไม่ช้าอาจมีการใช้ EV เพื่อพาลูกค้าดูบ้านในอนาคตหรืออาจมีการใช้สกุลเงินทางอีเล็คทรอนิคเพื่อการซื้อขายอสังหาฯในอนาคตนี้ก็เป็นได้
2 คือปัจจัยจากภาครัฐ
ซึ่งได้แก่ TPQI, ปปง และพรบ.นายหน้าอสังหาฯ (ที่อาจมีขึ้นในเร็วๆนี้) TPQI คือหน่วยงานของภาครัฐภายใต้การกำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรีหรือรู้จักกันในนาม สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์กรมหาชน) ซึ่งได้สร้างข้อกำหนดต่างๆและจัดให้มีการสอบแยกระดับความสามารถของนักขายอสังหาริมทรัพย์ เป็นหลากหลายระดับ เพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างนักขายมืออาชีพและนักขายสมัครเล่น นอกจากนั้นก็มีข้อกำหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พรบ. การฟอกเงินซึ่งผู้ประกอบการต้องรู้และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการทำรายงานต่างๆให้หน่วยงานดังกล่าว สุดท้ายได้แก่การที่จะมี พรบ.นายหนัาอสังหาริมทรัพย์รวมถึงนักขายอสังหาริมทรัพย์ในสาขาต่างๆในอนาคตอันใกล้ ก็จะทำให้ผู้ที่ทำธุรกิจนี้ต้องปรับตัวมากยิ่งขึ้น โดย พรบ. นี้จะเข้ามาควบคุมการทำธุรกิจการขายหรือนายหน้าอสังหาริมทรพย์ในประเทศไทยที่ปัจจุบันมีถูกชาวต่างชาติเข้ามาหาผลประโยชน์ในธุรกิจนี้กันอย่างมหาศาล ทุกปัจจัยที่กล่าวมาถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญและจะเป็นรากฐานการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนต่อไป
3 คือสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
จากสังคมครอบครัวใหญ่สู่การเป็นสังคมครอบครัวขนาดเล็กจากสถิติการย้ายที่อยู่อาศัยโดยประมาณ 3ครั้งในช่วงชีวิตและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น จากการถือครองทรัพย์สินที่มีจุดประสงค์มากกว่าเพื่อการอยู่อาศัยและไม่เพียงแต่การซื้อหรือขายภายในประเทศเท่านั้นแต่เป็นการลงทุนในทุกภูมิภาคของโลก จากสภาพเศรษฐกิจและการเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกจึงทำให้สภาพแวดล้อมของการทำธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาและเพื่อให้องค์กรประสบความสำเร็จผู้บริหารต้องพัฒนาตนเองและทีมงานอย่างต่อเนื่อง จากการเปลี่ยนแปลงของทุกๆองค์ประกอบในการทำธุรกิจในโลกปัจจุบันที่มีความเปราะบางและได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัจจัยต่างๆตลอดเวลารวมถึงโอกาสธุรกิจต่างๆที่เข้ามาเช่นการประกาศพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษในปัจจุบันและอาจมีการประกาศเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตรวมถึงการพัฒนารูปแบบบริการเพื่อให้ทันยุคทันสมัยอย่างต่อเนื่อง
4 คือรูปแบบการแข่งขันทางธุรกิจ
จากนี้ไปธุรกิจการขายหรือธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์จะเป็นทางเลือกอันดับแรกๆของผู้ที่สนใจสร้างรายได้และในขณะเดียวกันก็จะมีนักธุรกิจจากหลากหลายสาขาอาชีพเข้าสู่ธุรกิจนี้เป็นจำนวนมากซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็น “ยุคทองของธุรกิจ” ก็ว่าได้ เมื่อมีผู้เล่นที่มีคุณภาพมากขึ้นประกอบกับแนวคิดการทำธุรกิจหลากหลายยิ่งขึ้น เพราะจากเดิมเป็นเพียงธุรกิจเล็กๆแต่ปัจจุบันจะกลายเป็นธุรกิจใหญ่ที่สามารถสร้างรายได้เป็นจำนวนมากด้วยรูปแบบธุรกิจที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างครบวงจร จึงส่งผลให้ธุรกิจเติบโตและได้รับความสนใจจากกลุ่มคนจำนวนมาก ทำให้ธุรกิจนี้สามารถพัฒนาไปในทิศทางที่ดีและเติบโตอย่างมากในอนาคต ตัวจักรสำคัญที่จะมีบทบาทในส่วนนี้ก็คือสมาคมวิชาชีพต่างๆที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมาคมนายหน้าอสังหาฯ และ สมาคมการขายและการตลาดเป็นต้น
ทั้งนี้จากผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้ ERA Franchise Thailand
ถือว่ากำลังเติบโตและมีความแข็งแรงมาก โดยเฉพาะในโซนของกรุงเทพมหานครฯ ภาคใต้และภาคตะวันออก ส่วนปีหน้าจะมุ่งเน้นไปทางฝั่งของโซนภาคอีสานและภาคเหนือ โดยมีเป้าหมายภายใน 3 ปีจะขยายให้ได้อย่างน้อย 75% ทั่วประเทศและอนาคตจะขยายสาขาแฟรนไชส์ให้ครบทั่วทุกภาคและจังหวัดเพื่อตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยและการลงทุนในทุกๆพื้นที่ทั่วประเทศไทย
นอกจากนี้ คุณวรเดช ศิวเตชานนท์ ประธานกรรมการบริหาร ERA Franchise Thailand เผยแนวโน้มธุรกิจก่อนปี 2020 (ในธุรกิจการขายอสังหาริมทรัพย์)
1) ยุคทองของธุรกิจนักขายและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ :
มีผู้เล่นหน้าใหม่สนใจในอาชีพนี้เพิ่มขึ้นจำนวนมากเนื่องจากความไม่มั่นคงของอาชีพในปัจจุบัน จึงทำให้มีความจำเป็นต้องหาอาชีพเสริมและหนึ่งในอาชีพเสริมที่ดีก็คืออาชีพการขายหรือนายหน้าอสังหาริมทรัพย์เนื่องจากเป็นอาชีพที่ไม่ต้องลงทุนมากแต่มีโอกาสสูงในการสร้างรายได้จึงทำให้มีผู้สนใจธุรกิจนี้เป็นจำนวนมากประกอบกับมีหลายองค์กรรวมถึงสมาคมต่างๆจัดการฝึกอบรมและแนะนำวิชาชีพดังกล่าวจึงเป็นปัจจัยเสริมในการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่สนใจในอาชีพนี้
2) ยุคของการพัฒนาระบบการทำงาน
- ระบบการบริหารงานองค์กรต้องทันสมัยและตรวจสอบได้ เพื่อให้เป็นที่ไว้วางใจกับทุกฝ่ายและทุกๆระดับชั้นขององค์กร ระบบการบริหารงานต้องถูกวางอย่างถูกต้องและมีมาตราฐาน
- ระบบการบริหารงานขายต้องมีประสิทธิภาพและครอบคลุมพื้นที่ได้ทั่วถึง ต้องมีการวางโครงข่ายอย่างครอบคลุมในทุกระดับทั้ง Visible และ Invisible ทั้งนี้ต้องสามารถเชื่อมโยงได้ทั่วทุกทวีปในโลก
- ระบบการเงินต้องโปร่งใสทั้งแหล่งที่มาคือรายรับและรายจ่ายทุกประเภท ระบบภาษีจะเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในทุกๆระดับ โดยทุกองค์กรและทุกคนที่อยู่ในธุรกิจจำเป็นต้องรายงานทุกอย่างๆครบถ้วน
- ระบบการบริการลูกค้าต้องตรวจสอบได้ ระบบการบริการในอดีตนั้นใช้วิธีรายงานตามช่วงเวลาที่กำหนดแต่ในอนาคตต้องเป็นแบบ Real Time ที่ลูกค้าสามารถเรียกดูได้ทุกที่ทุกเวลา
- ระบบงานทุกประเภทต้องถูกดำเนินการผ่านระบบสารสนเทศที่มีมาตรฐานสากล ทั้งในรูปแบบการดำเนินงาน การสั่งการและการเก็บข้อมูลต่างๆเช่น ข้อมูลการตลาด ข้อมูลพื้นที่ทำงานของตัวแทน และข้อมูลผู้บริโภคเป็นต้น
3) ยุคของเทคโนโลยี่ขั้นสูงที่เป็นตัวกำหนดรูปแบบการพัฒนาธุรกิจ
- สกุลเงินดิจิตอล (Digital Currency) คือสิ่งที่มีความเป็นไปได้ที่จะมามีบทบาทในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต
- ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) จะเริ่มมีบทบาทในการให้ข้อมูลและบริการลูกค้าอย่างต่อเนื่องทั้งทาง online/offline
- ยานพาหนะกึ่งคนขับหรือไร้คนขับ (E-Vehicle)จะเป็นทางเลือกในการให้บริการในอนาคตเพื่อสร้างความแตกต่างในวงการธุรกิจ
4) ยุคของการเรียนการสอนในรูปแบบใหม่ๆ
- สิ้นสุดยุค “How to...” การเรียนการสอนจะมุ่งเน้นที่องค์ความรู้และความต่อเนื่องของความเป็นจริงที่พิสูจน์ได้เป็นหลัก ผู้ดำเนินการสอนต้องสอนอย่างต่อเนื่องและชัดเจนรวมถึงหลักสูตรการสอนต้องได้รับการยอมรับและมีการใช้เทคโนโลยี่ต่างๆประกอบการสอนเพื่อให้เกิดเหตุการณ์เสมือนจริง
- จะมีผู้สนใจเรียนมากแต่รายได้จากการอบรมจะลดลง รูปแบบการเรียนจะเป็นลักษณะ On-Demand โดยมีค่าใช้จ่ายต่อหัวที่ต่ำมากหรือเป็นไปในรูปการแชร์ต้นทุนอย่างชัดเจน การสอนจะเน้นที่ตัวบุคคลเป็นหลักตามความเหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละด้านเพื่อให้เกิดความเชี่ยวชาญในแต่ละประเภทของสินค้าหรือบริการซึ่งแตกต่างจากที่มีอยู่ในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง
- จะมีหลักสูตรและวิทยากรหน้าใหม่จำนวนมากทั้งจากในและต่างประเทศเพื่อรองรับตลาดที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยที่สำคัญ ในขณะเดียวกันวิทยากรภายในประเทศก็จะมุ่งสู่ระดับอินเตอร์มากขึ้น
- การดูงานในต่างประเทศจะหมดยุคลง เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี่ทำให้กิจกรรมนี้หมดความสำคัญเพราะสามารถดำเนินการโดยวิธีการอื่นๆทดแทนได้
5) ยุคของผู้บริหารที่มีความเป็นผู้นำและเก่งในเรื่องบริหารความขัดแย้ง
- ในยุคของการเติบโตผู้นำต้องโดดเด่น พร้อมทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิโดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีวิสัยทัศน์ที่แตกต่างและทำได้
- ความขัดแย้งมาพร้อมกับการเติบโต องค์กรที่ใหญ่มักมีความขัดแย้งมากมายแอบแฝงอยู่ ผู้นำในแต่ละระดับต้องสามารถบริหารความขัดแย้งเหล่านี้ได้
- ผู้นำต้องไม่สร้างความขัดแย้งขึ้นมาเสียเอง ในองค์กรทุกแห่งต้องมีผู้บริหารหลากหลายระดับ และเมื่อเกิดความขัดแย้งผู้นำในทุกระดับจึงมีบทบาทที่สำคัญมากและในยุคนี้เก่งคนเดียวไปไม่รอด
6) นักขายอิสระจะทำงานยากขึ้นแต่ระบบเครือข่ายที่มีมาตรฐานสูงและเป็นที่ยอมรับจะมีบทบาทมากในอนาคต
- ผู้บริโภคได้รับข่าวสารและมีทางเลือกมากขึ้น ถึงแม้ว่านักขายอิสระจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนแต่ก็ยังขาดความเป็นเอกภาพในการทำหน้าที่เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการ เป้าหมายและความสำเร็จต่างๆก็ไม่ใช่ของนักขายอิสระเองแต่กลับเป็นของผู้นำในแต่ละช่วงเวลาที่เกิดขึ้นมา ดังนั้นข่าวสารความสำเร็จต่างๆจึงไม่สามารถอ้างอิงได้เลยแม้แต่น้อย
- ระบบการทำงานที่แตกต่าง นักขายอิสระไม่มีการแบ่งปันผลประโยชน์ ดังนั้นทุกสิ่งเกิดขึ้นจากความสามารถเฉพาะตัว จึงทำให้ระบบการทำงานไม่ถูกพัฒนาให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงซึ่งแตกต่างจากระบบเครือข่ายที่มีการแชร์ต้นทุนในด้านต่างๆและสามารถชี้ให้ทุกคนในเครือข่ายเข้าใจได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแชร์ต้นทุนด้านการตลาด การฝึกอบรมและการสร้างเครือข่ายสัมพันธ์รวมถึงการสร้างโปรแกรมต่างๆอื่นๆอีกมากมาย เพื่อครอบครองพื้นที่ทางการตลาด เนื่องจากสามารถทำได้ดีกว่าบริษัทหรือนักขายอิสระที่ทำอยู่เพียงผู้เดียว
- ระบบเทคโนโลยี่ต่างๆมีต้นทุนที่สูงขึ้นกว่าแต่ก่อนหลายเท่าจึงเป็นการยากที่จะมีการลงทุนหากต้องควักกระเป๋าเอง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การทำงานของ นักขายอิสระมีแนวโน้มที่จะลำบากในอนาคต