กระแสคอนโดยังคงเอนเอียงไปทางใจกลางเมืองอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งทำให้ผมวิ่งวนอยู่แถวนั้นแทบไม่ได้พัก... แต่ได้ผ่อน (ค่าคอนโด ค่ารถ ค่านู้นค่านี่ สารพัดดดดดด 55555)
ผมเลยขอออกจากวังวนตรงนั้นสักพัก และมาหยุดกับอีกฟากฝั่งย่านชานเมือง ที่เลยแยกรามอินทรามาหน่อย ซึ่งมีคอนโดที่น่ากดไลค์ กดเลิฟ แต่ไม่สนิทอย่ากดว้าว อยู่ไม่น้อยเลย ฮ่าๆๆๆ
และหนึ่งในโครงการย่านนั้น ที่ผมอยากนำเสนอในคราวนี้ก็เป็นของ “ออริจิ้น” ในชื่อว่า “เคนซิงตัน พหลโยธิน 63 (Kensington 63)”...
ฮั่นแน่! เริ่มสนใจขึ้นมาแล้วใช่ไหมหล่ะ ถ้าอย่างนั้นจะรออะไรเล่า นั่งรถตามผมมาโล๊ดดดดด
ขอสตาร์ทที่แยกวัดเสมียนบนถนนวิภาวดีละกันเนอะ เพราะง่ายกับผมดี 5555
ซึ่งก็ขับตรงยาวปายเลยลูกพี่!!! จะเข้าทางหลักหรือออกทางขนานก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ผมอยู่ทางขนานที่รถเมล์วิ่งนี่แหละ
ขับไปเรื่อยๆ จะเจอป้ายที่เขียนว่า “สะพานกลับรถ รามอินทรา” เราจะยึดป้ายนี้เป็นหลัก ชี้ไปทางไหนเราก็ไปทางนั้น
แต่ถ้าใครวิ่งทางหลักพอเห็นป้ายที่เขียนว่าปากเกร็ด ให้เตรียมเบี่ยงซ้ายออกและขับตามป้ายที่ผมบอกได้เลยครับ
พอกลับรถมาอีกฝั่งให้อยู่เลนซ้ายไว้เพื่อเตรียมเลี้ยวไปทางรามอินทรา เลี้ยวมาปุ๊บเราจะอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะแทน และก็ขับตามป้ายที่บอกว่าให้ไป "สะพานใหม่"
เจอสี่แยกรามอินทรา เราก็ยังคงตามป้าย "สะพานใหม่" เหมือนเดิม นั่นคือเลี้ยวซ้ายตามทางไปครับ
แล้วจะเห็นเลยว่าเค้ากำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว!!! (เห็นว่าจะเปิดให้บริการปี 63 สาาาาาธุ!!!)
มีโลตัสอยู่ฝั่งตรงข้าม ขับมาอีกนิดเห็นปั๊มปตท. ตามด้วยซอยพหลโยธิน 61 ซึ่งมีป้ายรถเมล์และเซเว่นอยู่แถวนี้ด้วย หลังจากนั้นให้รีบเข้าซ้ายทันที (แต่ดูรถคันอื่นด้วยนะ คิคิ)
เพราะถัดไปอีกนิดเดียวก็เป็น ซอยพหลโยธิน 63 หน้าปากซอยมีวินมอเตอร์ไซค์ เรียกไปไหนมาไหนแถวนี้ง่ายมาก และพอเลี้ยวเข้าไปประมาณ 100 เมตร ก็ถึงที่ตั้งของโครงการแล้วววว!!!
เห็นป้ายล้อมรอบพื้นที่ชัดเจน
ต้องบอกก่อนว่าตรงนี้เป็นถนนสาธารณะ แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าทั้งคนและรถพลุกพล่าน เพราะเป็นซอยตันนั่นเอง
ซึ่งส่วนใหญ่ในซอยนี้เป็นบ้านพักอาศัยไม่เกิน 2 ชั้น ก็มีความเงียบสงบพอสมควรทีเดียว
อีกเรื่องคือตัวโครงการอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีอนุสาวรีย์หลักสี่ เพียง 250 เมตร เท่านั้น
ส่วนแกลลอรี่นั้นนนนน... ผมขับเลยมาแล้วครับ 55555
ระหว่างหาทางกลับรถผมจะพาทัวร์ไปด้วยละกัน ซึ่งพอเลี้ยวออกมาจากซอย เลยมาอีกนิดเดียวมีที่ให้กลับรถเลย ก็สะดวกอยู่นะ
แต่ถ้าขับตรงไปอีกหน่อยจะเจอ 3 แยก และ Big C พอกลับรถมาฝั่งนี้จะเห็นโรงพยาบาลเซ็นทรัล เยนเนอรัล และระหว่างทางก็มีของกินขายอยู่ไม่น้อย
ถ้าถามว่าแกลลอรี่อยู่ที่ไหน
ย้อนกลับไปตรงเลี้ยวซ้ายสี่แยกรามอินทรานั่นแหละครับ เลยแยกมานิดเดียวเองงงงง อยู่ตรงข้ามกับโลตัส
ที่ตอนแรกไม่ทันสังเกต เพราะว่าตัวแกลลอรี่เป็นสำนักงานขายของ ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ (Knightsbridge Paholyothin Interchange) ครับ
มาดูดีเทลโครงการ “เคนซิงตัน พหลโยธิน 63 (Kensington 63)” กันสักนิด ก่อนไปชมห้องตัวอย่างเนอะ คอนโดนี้เป็นแบบ Low Rise 1 อาคาร 8 ชั้น จำนวน 231 ยูนิต ซึ่งต่อชั้นมีจำนวนยูนิตสูงสุดอยู่ที่ 30 กว่าห้อง
ที่จอดรถ จอดได้ 73 คัน หรือประมาณ 30% ถ้าเพิ่มอีก 10-20% จะแจ๋วเลย ส่วนลิฟต์มี 2 ตัว
สำหรับ “Facility” ต้องไม่พลาดพื้นที่ฮอตฮิตอย่าง Co-Working Space แน่นอน ต่อด้วย Lobby ที่ถ้าเป็นไปตามภาพก็ถือว่าสวยงามน่านั่งเล่นมาก นอกจากนี้ก็มี สวนพักผ่อน ฟิตเนส และสระว่ายน้ำ ที่จัดมาให้ครบเรียบร้อย
เรื่อง "แบบห้อง" ของโครงการนี้ จะแบ่งออกเป็น 5 แบบ ดังนี้
1. 1 ห้องนอน ขนาด 22.7-23.8 ตารางเมตร จำนวน 68 ยูนิต
2. 1 ห้องนอน ขนาด 28.4-31 ตารางเมตร จำนวน 136 ยูนิต
3. 1 ห้องนอน พลัส ขนาด 35.4-35.8 ตารางเมตร จำนวน 13 ยูนิต
4. 1 ห้องนอน พลัส ขนาด 40.5 ตารางเมตร จำนวน 7 ยูนิต
5. 2 ห้องนอน ขนาด 48.2 ตารางเมตร จำนวน 7 ยูนิต
โดยโครงการ “เคนซิงตัน พหลโยธิน 63 (Kensington 63)” ให้มาในแบบ "Fully Fitted" ติดตั้ง Digital Door Lock แถมแอร์ 1-3 ตัว ตามรูปแบบของห้อง และฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร ส่วนอื่นๆ ที่โครงการให้เรามา จะมีอะไรอีกบ้างเดี๋ยวอธิบายไปพร้อมๆ กับห้องตัวอย่างครับ
ที่นี่มีห้องตัวอย่างให้ดูทั้งหมด 3 แบบ ซึ่งผมจะพาไปดูทุกซอกทุกมุมทุกแบบเลยยยยย
จัดห้องใหญ่ให้ชมกันก่อนกับ “1 ห้องนอน พลัส ขนาด 34 ตารางเมตร”
เข้ามาเจอกับโซน “ห้องนั่งเล่น” ที่ทางโครงการติดตั้งบิวท์อินทั้งชั้นวางทีวี ตู้เก็บรองเท้า และเก็บของ มาให้เสร็จสรรพยาวเต็มผนัง
แต่ถ้าใครอยากได้ที่เก็บของเยอะกว่านี้จะทำสุดเพดานก็พอไหว... ผมชอบสีบิวท์อินแบบนี้นะ ดูเรียบๆ แต่มองแล้วสบายตา
ตัวโซฟาเราได้แบบ 2 ที่นั่ง แต่อาจจะไม่ใช่แบบในภาพนะครับ
ยังมีพื้นที่ข้างโซฟาเหลือนิดหน่อย เราจะซื้อตู้มาเก็บของเพิ่มแบบที่โครงการทำให้ดู ก็โอเคนะ
ติดกันกับฝั่งห้องนอน ก็มีพื้นที่ว่างอีกสามารถเอาโต๊ะกินข้าวมาวาง หรือซื้อเก้าอี้มาเพิ่มได้เหมือนกัน
ต่อด้วย “ห้องนอน” ขนาดไม่ใหญ่มาก มีเตียง 5 ฟุต และตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อน ใส่เสื้อผ้าได้ประมาณหนึ่งเลย แถมมีกระจกเงาเต็มตัวมาให้เรา 1 บาน ซึ่งดีงามจริงๆ
ออกมาจากห้องนอนเป็นส่วนของ “ห้องครัว” ซึ่งเป็นแบบครัวเปิด
โดยจะได้เคาน์เตอร์ครัว เครื่องดูดควันและเตาไฟฟ้าด้วย พร้อมบิวท์ตู้เก็บของมาให้สุดเพดาน และมีโต๊ะอเนกประสงค์พับขึ้นลงได้ เอาไว้เป็นพื้นที่สำหรับเตรียมอาหาร
ไอเดียนี้ดีนะ เป็นการประหยัดพื้นที่ แต่ก็สามารถใช้ของได้อย่างคุ้มค่าไปในตัว
ส่วนข้างใต้เป็นช่องว่างสำหรับใส่เครื่องซักผ้าครับ
ข้างๆ กันเป็นส่วนของ “ห้องเล็ก” ที่อยากจะทำเป็นห้องอะไรก็จัดกันได้เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น ห้องทำงาน ห้องลูก ห้องแต่งตัว
ซึ่งโซนนี้จะเชื่อมติดกับระเบียง และเพราะต้องวางคอมเพรสเซอร์แอร์ถึง 3 ตัว ทำให้พื้นที่ถูกจำกัด อาจเอาไว้ได้แค่ตากผ้า
ขณะที่ “ห้องน้ำ” ทำขนาดออกมาได้พอดิบพอดี ติดฉากกั้นแยกส่วนเปียกส่วนแห้งมาให้พร้อมใช้งาน
ถัดมาจะเป็น “1 ห้องนอน ขนาด 28 ตารางเมตร”
ความจริงแปลนห้องนี้คล้ายกับห้องข้างต้นเลย ซึ่งการจัดวาง “ห้องนั่งเล่น” เหมือนกันเป๊ะ ผมจึงขอข้ามไปนะครับ
เอ๊ะ!!! “ห้องนอน” ก็เหมือนด้วยนี่น่า 55555 ต่างกันที่มีขนาดกว้างกว่าหน่อย ผมผ่านไปอีกส่วนเลยละกัน อิอิ
มาในส่วนของ “ห้องครัว” ก็คือ “ห้องเล็ก” นั่นเอง เพียงแต่ขนาดจะย่อส่วนเล็กลงมาอีกนิด แต่ไม่ดูอึดอัด และแน่นอนว่าได้เป็นครัวปิด ซึ่งระเบียงก็อยู่ติดกับส่วนนี้เหมือนเดิม แต่ได้พื้นที่เยอะกว่า เพราะมีคอมเพรสเซอร์ แค่ 2 ตัว
ตามด้วย “ห้องน้ำ” ที่ไม่ต่างอะไรจากห้องแรกเลย ข้ามเช่นเดิม ฮ่าๆๆ
แต่ๆๆๆ ระหว่างห้องครัวกับห้องน้ำมีพื้นที่น่าสนใจอยู่ นั่นคือเป็นที่วางโต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะทำงาน พร้อมที่เก็บของมาให้แบบเต็มเหนี่ยว
สุดท้ายที่ห้องขนาดเล็กสุดกับ “1 ห้องนอน ขนาด 23 ตารางเมตร”
จะเป็นส่วนของ “ห้องครัว” ก่อนอันดับแรกพร้อมที่วางเครื่องซักผ้า ได้ของทุกอย่างตามภาพเลยครับ
ส่วนฝั่งตรงข้ามคือ“ห้องน้ำ” มีการสลับตำแหน่งสุขภัณฑ์ และอ่างล้างหน้าแค่นั้น
ทั้งสองโซนนี้จะถูกกั้นออกจากโซนอื่น ด้วยกระจกบานเลื่อน
เมื่อเข้าไปข้างในจะเจอกับ “ห้องนั่งเล่น” และ “ห้องนอน” อยู่ติดกันเลย
ซึ่งฝั่งทีวีจะบิวท์ยาวเชื่อมกับส่วนของโต๊ะเครื่องแป้ง และติดกันเป็นตู้เสื้อผ้า
โดยมีลูกเล่นตรงที่เจาะผนังตู้เสื้อผ้าเป็นที่เก็บของ ติดกระจก และสามารถเปิดปิดได้
ตรงกันข้ามจะเป็นที่วางโซฟา เตียง และมีพื้นที่ว่างในสุดให้เราจัดสรรทำอะไรก็ได้ แล้วแต่ใจเรา
ติดๆกัน เป็นระเบียงที่ยาวกว่าอีก 2 ห้องครับ
แล้วนี่ก็คือห้องทั้ง 3 แบบของโครงการ “เคนซิงตัน พหลโยธิน 63 (Kensington 63)” โดยราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.79 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยตกตารางเมตรละ 93,000 บาท
อย่างที่ผมบอกไปข้างต้น ด้วยทำเลที่แม้ในซอยจะไม่มีอะไรเลย แต่ก็แลกมากับความสงบ และเป็นส่วนตัว
ซึ่งพอออกมาถนนใหญ่จะค่อนข้างคึกคัก
เพราะมีทั้งของกิน บิ๊กซี โลตัส โรงพยาบาล หรือถ้าห้างสรรพสินค้าก็มี เซ็นทรัลรามอินทรา ที่อยู่ห่างจากโครงการไม่ถึง 3 กิโลเมตร
รวมไปถึงสะดวกในการเดินทางที่ใกล้ทั้งวินมอเตอร์ไซค์ รถเมล์ รวมไปถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่จะได้ใช้บริการในอีก 2 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ตัวแบบห้องของโครงการ ก็มีข้อดีแตกต่างกันออกไป
ห้องแรกดีในเรื่องที่มีห้องเล็กเข้ามาเสริม
ส่วนห้องที่ 2 จะได้แบบเป็นครัวปิดสามารถทำอาหารจริงจังได้
และห้องสุดท้ายการบิวท์อินชั้นวางทีวียาวไปจนถึงโต๊ะเครื่องแป้ง
ที่สำคัญคือ “ออริจิ้น” ได้มีการอัพเกรดวัสดุภายในห้องของโครงการนี้ ให้เหมือนกับ Knightsbridge Interchange
ทำให้เรื่องวัสดุห่วงหาย เอ้ย หายห่วง แฮร่!!
พอเอาทั้งหมดมารวมกันแล้ว เมื่อเทียบกับราคาก็พอได้อยู่
ซึ่งถ้าถามว่าเหมาะกับใคร ก็ต้องบอกตามตรงว่าต้องเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในละแวกแถวนี้อยู่แล้ว
ยังไงก็ตามคราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนแล้วหล่ะ ว่าอยากได้ส่วนไหนมาก หรือน้อยกว่ากัน
และเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็มาเลือกแบบห้องที่ถูกใจเราได้เลย!!! ณ โครงการ “เคนซิงตัน พหลโยธิน 63 (Kensington 63)”
แต่อย่าลืมลงทะเบียนก่อนไปชมของจริงกันนะค้าบบบบ คลิกตามนี้เลย!!!! >>>
คลิกที่นี่!!!