ที่นี่อดีตเคยเป็นพระราชวังฤดูร้อนในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากเหตุการณ์วิกฤต ร.ศ.112 ก็สิ้นสุดการเป็นเขตพระราชฐาน และมีหน่วยงานราชการต่าง ๆ มาขอใช้พื้นที่
ปัจจุบัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขอใช้พื้นที่บางส่วนเพื่อเป็นสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิต และทำหน้าที่ดูแลรักษาพระจุฑาธุชราชฐานไปในคราวเดียวกัน
ภายในมีอาณาเขตกว้างขวาง มีจุดให้เราเซลฟี่ได้ไม่อั้นเลยทีเดียว เช่น พระเจดีย์อุโบสถ วัดอัษฎางคนิมิตร, เรือนไม้ริมทะเล, เรือนผ่องศรี และ สะพานอัษฎางค์
นอกจากได้ถ่ายรูปสวยๆ ยังได้ศึกษาประวัติศาสตร์เบาๆ ซึ่งเผลือแป๊บเดียว เชื่อไหมว่าผมใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงกับสถาณที่แห่งนี้!!
จากนั้นผมก็ไปต่อที่ "พิพิธภัณฑ์ชลทัศนสถาน" ซึ่งจะตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าพระราชวังพระจุฑาธุชราชฐาน เกาะสีชังนั้นแหละครับ
ที่นี่เป็นสถานที่แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ และงานวิจัยทางทะเลที่เกียวข้องกับเกาะสีชังแห่งนี้ ของสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ภายในก็ถือว่าไม่ได้กว้างใหญ่อะไรมาก แต่ก็แต่มีสัตว์น่ารักๆ รวมไปถึงสัตว์น้ำเศรษฐกิจหลายชนิดให้เราได้เรียนรู้ และถ่ายภาพกันไป...
โดยจะเปิดให้บริการเกือบทุกวัน เวลาตั้งแต่ 09.00 น. - 17.00 น. (ปิดเฉพาะวันพุธ)
หลังจากที่ผมได้เดินชื่นชมความน่ารักของเหล่ามีโม่ตัวน้อยแล้ว ตอนนี้คงถึงเวลาของการเติมไอโอดีนให้ร่างกาย!!
ดังนั้นผมเลยมุ่งหน้าต่อไปยัง “หาดถ้ำพัง” ซึ่งตั้งอยู่ภายใน อ่าวอัษฎางค์
แต่ๆๆ ก่อนอื่นเราต้องรู้กันก่อนว่าเกาะสีชัง ชายหาดส่วนใหญ่รอบๆ เป็นชายหาดที่ไม่เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ เนื่องจากมีโขดหิน หรือพวกก้อนหินโสโครกกระจายอยู่ทั่วทั้งเกาะ
ซึ่งถ้าคิดว่าจะมาใส่บิกินี่สวยๆ อาบแดดบนหาดทรายเก๋ๆ คงจะยากหน่อย!!
หากจะมีก็เห็นทีจะเป็น "หาดถ้ำพัง" ที่นี่ที่เดียว ที่สามารถพาลูกพาหลานมาเล่นได้แบบจริงจัง!!!
แต่ก็นะ!!! ทั้งเกาะมีหาดเดียว บางช่วงคนก็จะมหาศาลหน่อย ฮ่าๆๆ
ส่วนผมมาคนเดียว ได้แช่น้ำใสๆ แค่ครึ่งขาก็ชื่นใจละครับ
คำเตือน : นอกจากระวังอุบัติเหตุจากหินโสโครกแล้ว ก็ต้องระวังเศษกระเบื้องด้วยนะครับ .... ถ้าไม่ระวังอาจจะได้แผลกลับบ้าน(เหมือนผม) 555+
ดูนาฬิกา เฮ้ย!! "เผลอแป๊บๆ 5 โมงเย็นละ"
ผมรีบจับมอเตอร์ไซค์ ใส่เกียร์ แว้นต่อไปยัง "ช่องเขาขาด"
ซึ่งเป็นจุดที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นจุดที่สวยที่สุดในการชมดวงอาทิตย์ตก แต่วันนี้ดวงผมคงไม่ดีเท่าไหร่ สีท้องฟ้าไม่ค่อยสวยงามนัก...
แต่ก็ได้ดื่มด่ำบรรยากาศอยู่ไม่น้อย ลมพัดเย็นๆ ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลับหายไปจากท้องฟ้า...
สักพักนึงได้ยินเสียงเหมือนฟ้าร้อง ก็เลยตั้งสติ อ้อ...."เสียงท้องร้อง" 555+
ได้เวลาดินเนอร์แล้วสิเรา...
"สวัสดี ร้านครัวไอทะเลซีฟู้ด"
แหมะ!! มาทะเล ไม่ได้กินอาหารทะเลคงนอนไม่หลับ ผมก็เลยถามอากู๋ว่า "ร้านอาหารทะเลที่เกาะสีชัง"
"ครัวไอทะเลซีฟู้ด" เด้ง ตึ๊ง ขึ้นมา อะแหน่ มีคนรีวิวบอกราคาดี รสชาติใช้ได้ ผมก็เชื่อคนง่ายเหลือเกิน!!
มุ่งตรงไปยังร้านที่ว่า แล้วเลือกจิ้มมา 4 เมนู++
เริ่มจากต้มยำกุ้ง เข้มข้น เปรี้ยวจี๊ดถึงใจ รสชาติถือว่าใช้ได้ ราคาอยู่ที่ 300 หม้อต้มยำหม้อใหญ่แบบไม่มีรูตรงกลาง
กุ้งอบเกลือ Size เล็ก คือดี รสชาติกำลังพอดีไม่เค็ม ถ้าได้น้ำจิ้มซีฟู้ดด้วยแหล่มเลย เสียดายเค้าไม่ได้ให้มา ราคา 250 บาท
หมึกผัดผงกะหรี่ Size เล็ก ปลาหมึกเหนียวไปหน่อย แต่ผงกะหรี่เข้มข้น
ข้าวผัด Size เล็ก เค็มไปหน่อย แต่ก็ถือว่าใช้ได้ ราคา 60 บาท คุ้มพุงเลย
สรุปมื้อก่อนนอน เสียไป 800 กว่าบาท ทานไม่หมด ให้เยอะหรอ? ป่าว ไม่อร่อย!!! ตึ๊งโป๊ะ ฮ่าๆๆ ขำๆ
จริงๆ โดยรวมคืออร่อยเลยแหละ รวมถึงบรรยากาศก็ดี ติดทะเล มองเห็นวิวท่าเรือ+++
แต่ติดที่บริการหน่อย ลูกค้าเค้าเยอะ พนักงานเสิร์ฟที่เห็นมีแค่ 3 คน ซึ่งเป็นคนปกติ 1 คน ผู้บกพร่องทางการได้ยิน 1 คน และเด็กน้อย 1 คน เลยทำให้การบริการไม่ทั่วถึง!!
ถ้าร้านปรับปรุง ณ จุดๆ นี้ได้ มันจะดีมากเลยครับ!!
"แสงอาทิตย์ยามเช้า บอกเรื่องราวการต่อสู้ ...ของชีวิต"
คุณเคยถามตัวเองไหม ว่า ครั้งสุดท้ายที่คุณตื่นมารับแสงอาทิตย์ตอนเช้าด้วยความสดชื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ...หรือจำไม่ได้?
เช้านี้เป็นอีกครั้งที่ผมตั้งใจตื่นมารับแสงอาทิตย์ด้วยความสดชื่น ทำตัวแบบ Slow Life โดยที่ไม่ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวไปทำภาระกิจใดๆ รู้เพียงว่าชีวิตเรา ณ เวลานี้ กำลังจะเจออะไรดีๆ แน่นอน!!
05.30 น. ผมลุกขึ้นพร้อมจับเจ้ารถคู่หู ออกเดินทางไป "แหลมงู" เพราะผมคิดว่าแหลมงู เป็นแหลมที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าได้สวยที่สุด
แล้วก็ไม่ผิดหวัง ผมได้ยืนชมพระอาทิตย์ค่อยๆ ลอยขึ้นอย่างช้าๆ สูดลมหายใจลึกๆ กักเก็บความสุขให้ได้เยอะที่สุด พร้อมกับการจับมือถือเครื่องเก่าๆ เก็บภาพสวยๆ ได้เป็นกระบุงเลยครับ!!
มาถึง Location สุดท้าย ซึ่งเป็นจุดที่ผมภูมิใจนำเสนอเป็นที่สุด "ท่ายายทิม"
ซึ่งเป็นจุดที่น้ำใส ไหลเย็น เห็นตัวปลา ท้องฟ้าสวยเป็นจุดที่น้ำทะเลสวยที่สุดแล้วสำหรับผม อีกทั้งนักท่องเที่ยวมาถึงน้อย!!
ผมแนะนำว่าถ้าจะมาจุดนี้ให้มาช่วงประมาณ 07.00 น. แล้วคุณจะไม่ผิดหวังครับ
ถ้าในช่วงที่น้ำลดเราอาจจะเห็นทะเลแหวกเบาๆ รับรองว่าเมมโมรี่มือถือเต็มแน่นอนครับ....
เป็นไงกันบ้างครับกับทริปนี้ "Backpacker Alone In สีชัง" ในวันหยุดของผม ใครที่ยังไม่เคยไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่เคยลองใช้ชีวิตกับตัวเอง ก็ลองดูนะครับ
เผื่อมันอาจจะเป็นความสนุกรูปแบบใหม่ที่คุณกำลังตามหาอยู่ก็ได้ ถือโอกาสทำความเข้าใจตัวเองและค้นหาตัวเองไปในตัว ...แต่จะสนุกอย่างไรก็อย่าลืม SAVEและดูแลตัวเองดี ๆ นะครับ
ส่วนความสนุกของผมในทริปนี้ พูดเลย!! "มีเยอะกว่านี้" แต่เล่าได้ไม่หมดจริงๆ ครับ
สำหรับวันนี้ผมขอตัวพารถคู่หูไปคืนเจ้าของ แล้วข้ามเรือกลับ กทม. ก่อนนะครับ
อ้อ!! คิวรถตู้กลับ กทม. มีไว้ให้ใช้บริการตรงโรบินสันด้วยนะครับ ขึ้นจากท่าเรือปุ๊บ รีบไปหาพี่สุชาติเลยนะครับ (ถ้าช้าวินหมดต้องรอนาน...)
แล้วบอกว่า "พี่ไปคิวรถตู้" แค่นี้เค้าก็พาไปส่งถึงที่เลยครับ!!