ติดดอยลันลา ตอน : Backpacker Alone In สีชัง

ติดดอยลันลา ตอน : Backpacker Alone In สีชัง

Home   /   ติดดอยล้อมวงเล่า

โซน : 23 Oct 2018   08:30
 
        “มึงกูไม่ว่างเลย”
 
        “พอดีติดสอบ ต้องอ่านหนังสือ”
 
        “แกชั้นติดงานด่วน”
 
        “เอ่อ... ไม่สบายวะ งานหนักยังไม่ได้นอนเลย”
 
        สวัสดีครับแฟนๆ ดิดดอยทุกคน เป็นไงกันบ้างสำหรับวันหยุด(เกือบ)ยาวที่ผ่านมา  3 วันคงทำให้ใครหลายๆ คนได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่อยู่บ้างนะครับ โดยเฉพาะมนุษย์เวลาน้อยอย่างเราๆ ที่วันหยุดอันน้อยนิดช่างมีค่าซะเหลือเกิน ฮ่าๆๆ
 
        ผมเองก็ถือโอกาสหนีไปพักผ่อนแบบชิวๆ มาเหมือนกันที่ “เกาะสีชัง” ซึ่งก็ไปคนเดียวแบบเงียบๆ แต่ไม่เหงา เดินทางด้วยรถสาธารณะ แบบที่ไม่มีแพลนล่วงหน้าใดๆ ใครอยากรู้จะสนุกแค่ไหนตามผมกันมาเลย กับทริปที่มีชื่อว่า “Backpacker Alone In สีชัง”
 
        เล่าย้อนไปวันที่ วันศุกร์ที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อนทุกคนปฎิเสธทริปไปเกาะช้าง จ. ตราด ที่ผมปูแพลน(เอง)  อย่างไม่มีเยื่อใย ....ใช่ครับ ชีวิตเศร้ามาก
 
        ผมเข้าใจเพื่อนทุกคน แต่ก็เข้าใจตัวเองมากว่า 555+
 
        สุดท้าย จบทริปโดยที่ยังไม่เริ่มไปแบบสวยงาม “OK มึงไปทำหน้าที่ของมึง ค่อยเจอกันเมื่อชาติต้องการ” 555+
 
        “ส่วนผมไม่ละความพยายาม”
 
        ใช้ความอินดี้(หรือที่แม่เรียกว่าไอ้เด็กดื้อ) มาเป็นข้ออ้าง เลยเกิดความคิดที่ว่า   “ไปคนเดียว...เหมือนเดิมก็ได้”   ทำให้ผมต้องเปลี่ยนแพลนไปเกาะที่ใกล้ที่สุด และเดินทางง่ายที่สุดนั่นคือ “เกาะสีชัง”
 
        เริ่มต้นด้วยการโทรหาเจ๊ใหญ่ เจ้าของเพจ “เกาะสีชัง ชลบุรี” เพื่อติดต่อหาที่พัก!!
 
        ผม : เจ้ มีที่พักที่ผมเคยไปพักไหม คืนวันที่ 13 นี้
 
        เจ้ใหญ่ : โหยพ่อคู้นนน (เสียงสูงมาก) จะมีเหลือไหมเธอโทรมาวันนี้ พรุ่งนี้หยุดยาวก็รู้อยู่ ก่อนหน้าไม่โทรมา ไม่คิดจะวางแผน พอไปไหนไม่ได้ หาที่พักไม่ได้ก็ติดต่อมาที่ชั้น บลาๆ ๆ (ด่าซะผมรู้สึกผิด)
 
        ผม : สรุปมีไหมเจ๊
 
        เจ้ใหญ่ : มี!! 950 บาท จะเอาไหม เหลือที่เดียวจะเอาไหม ไม่แพงด้วย แถมมอเตอร์ไซค์จะเอาไรอีก (ด่าไม่จบ ยังไม่ได้พูดอะไรเลยเจ้ 555+)
 
        ผม : เอาก็ได้ครับ
 
        หลังจากนั้นผมก็โอนเงินพร้อมเดินทาง ....ส่วนเจ้ใหญ่เค้าด่าไปงั้นแหละแต่นางใจดี 555+
 
 
 
 
 
 
        เช้ารุ่งขึ้น 04.00 น. ด้วยความกระเหี้ยนกระหือรือ  ผมรีบตื่นเช้าอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะให้ทันรถตู้เที่ยวแรก 05.00 น. และเรือเที่ยวแรก 07.00 น.
 
        คิวรถตู้แฮปปี้แลนด์ กรุงเทพ – พัทยาใต้
 
        “พี่ครับ ตั๋ว 1 ใบ ลงโรบินสันศรีราชาครับ”
 
        “150 บาทค่ะ”
 
        จ่ายเงิน รับตั๋ว พร้อมเดินขึ้นรถตู้ด้วยอาการสะลึมสะลือ ประมาณ 05.10 น. รถก็ออกจาก กทม. โดยเราจะใช้ระยะเวลาการเดินทางประมาณเกือบ 2 ชม.ซึ่งในขณะเดินทางผมก็ใช้โอกาศนี้ในการพักผ่อน ชาร์จแบตเตอรี่ ....คร็อกฟี่ๆ ๆ
 
        “โรบินสันศรีราชาด้วยค่ะ”
 
        เจ้ข้างหลังตะโกนแรง ผมสะดุ้งตื่นอย่างแรงเช่นกัน เกือบไปละ ....เกือบไปพัทยาใต้แล้วไหมล่ะ ฮ่าๆ
 
        หลังจากลืมตา ผมก็ดูเวลา เฮ้ย!! จะทันเรือเที่ยวแรกป่ะวะเนี่ย 06.50 น. ละ...
 
        เมื่อรถตู้จอดจึ๊ก ผมก็ใส่เกียร์สุนัข วิ่งไปหาพี่สุชาติตรงคิวหน้าโรบินสันศรีราชาด้วยสปีด 100 ก.ม./ชม.
 
        ด้วยความรีบ ผมเลยไม่ได้เก็บภาพคิววินมอเตอร์ไซค์มาด้วยเลย ฮ่าๆ ๆ
  
        “พี่ไปท่าเรือ ด่วนที่สุด!!!” (ใจเต้น ตึกๆ ๆ ๆ จะทันไหมน้อ...)
 
        พี่สุชาติก็จัดไห้.... 06.59 น. ถึงท่าเรือพอดีเป๊ะ
 
        แต่ความตื่นเต้นยังไม่หมดเพียงเท่านี้!!!
 
        “จะไปไหน จะไปไหม เรือจะออกแล้วเร็วๆ ๆ ๆ” มีเจ้ยืนขายตั๋วหน้าทางขึ้นเรือ ตะโกนลั่นทั้งท่าเรือ!!!
 
        “ไปครับๆ”  ผมรีบตะโกนบอกไปครับ พร้อมวิ่งไปหานาง แล้วล้วงเงินให้  “ชิ_หาย มีแต่แบงค์พัน”
 
         “แบงค์พันอีก เธอจะตกเรือก็เพราะแบงค์พันนี่แหละ” โดนด่าอีกแล้ว ฮ่าๆ ๆ
  
        สรุปค้นไปค้นมา พระเจ้าช่วย เจอเศษเงินครบ 50 บาท พอดิบพอดี ผมจ่ายเงินป๊าบ กระโดดขึ้นเรือปุ๊บ เรือเครื่อนตัวออกปั๊บ!!
 
        วินาทีสุดท้ายยังมีจริง ....หัวใจจะวาย ได้ขึ้นเรือคนสุดท้าย ไม่งั้นคงต้องรอเรือเที่ยวต่อไปอีก 1 ชัวโมง...
 
 
 
 
 
 
 
        หลังจากขึ้นเรือ พร้อมความโล่ง   ...ผ่านไป 45 นาที ผมก็ถึงท่าเรือเกาะสีชัง!!
 
        “เจ๊ผมถึงท่าเรือแล้วครับ” ผมโทรหาเจ้ใหญ่
 
        “อ้าว ถึงท่าเรือแล้วเหรอ อยู่ตรงไหน ทำไมไม่โทรก่อนถึงท่าเรือ รอตรงนั้นแหละ”  โดนด่าไปอีกดอก 555+
 
        ผ่านไป 15 นาที เจ๊ใหญ่เอามอเตอร์ไซค์มาส่ง พร้อมแผนที่เกาะสีชัง 1 แผ่นใหญ่ๆ 
 
        “เจ๊ๆ ผมต้องคืนรถเจ๊กี่โมงครับ”
 
        “เธออยากกลับกี่โมงล่ะ”
 
        “อยากกลับซักเที่ยงๆ ครับ ”
 
        “โอเค เจ๊ให้สายสุด 10 โมง แถมให้ 2 ชม.” เจ๊น่าร๊าค....
 
        ....จากนั้นเจ๊ก็ขับรถพาผมไปส่งที่ห้องพักด้วยความเร็ว  "เอ่อ... เจ๊ใจเย็นๆ นะ ขับช้าๆ ก็ได้ ผมขับตามไม่ทัน!!" 
 
 
 
 
 
 
 
 
        ถึงแล้วครับที่พัก “เบนซ์ บังกะโล”
 
        ถามว่าสภาพน่าพักแค่ไหน .... เอิ่ม มีที่น่าพักกว่านี้เยอะครับ
 
        แต่ 950 บาท แถมมอเตอร์ไซค์ 1 คัน มันถูกและคุ้มมาก
 
         ภายในก็สภาพตามรูป ครับ ฮ่าๆ ๆ ส่วนตัวผมเองชิลๆ แอร์เย็น ที่นอน หมอน ผ้าห่มสะอาด ห้องน้ำสะอาด มียาสระผม มีครีมอาบน้ำหอมๆ ก็ดีสำหรับผมแล้วครับ
 
        บรรยากาศโดยรอบก็ไม่เลว เป็น Sea View เดินประมาณ 20 ก้าวก็เหยียบน้ำทะเลได้!!
 
        ปล.ผมพยายามถ่ายภาพห้องให้สวยที่สุดแล้วครับ 555+ 
 
 
 
 
        เหลือบดูนาฬิกา เฮ้ย!! สายแล้วนี่หน่า ถึงว่าท้องร้องใหญ่เลย...
 
        จากนั้นผมก็คว้าเจ้ารถคู่หู ไปหาอาหารให้พยาธิในท้องก่อนเลย++
 
        แต่ ณ เวลานี้ มีโจทย์ว่า “ผมหิวมาก” ฉะนั้นมีแค่ 2 ช้อยให้เลือก คือ 1. ร้านอะไรก็ได้ต้องเร็วและคนน้อย!!  2. ร้านอะไรก็ได้ที่ใกล้ที่พักที่สุด!!
 
        จิ้มจึ๊กเข้าให้ ร้านส้มตำที่มีชื่อว่า “.....จำไม่ได้ อิอิอิ”
 
        เป็นร้านส้มตำอิสลาม เพราะฉะนั้นมื้อนี้เราก็จะได้ทานอะไรเบาๆ
 
        นั่นก็คือ ส้มตำปูปลาร้า ไก่ย่าง ยำปูม้า หนังไก่ทอด และเมนูที่ผมอยากกินที่สุด นั้นก็คือหอยแครง  ...แต่ หมด!!! ปัดโธ่!!!
 
        สำหรับร้านนี้โดยรวม รสชาติถือว่าดี ใช้ได้เลย ปลาร้าหอมเตะจมูก แซ่บน้ำมูกน้ำตาไหล!!
 
        โดยเฉพาะ ยำปูม้า กัดกรึ๊บเข้าไปคำแรก หืม อร่อย? ป่าว เย็นเจี๊ยบ ปูเป็นเกล็ดน้ำแข็งเลยครับ Texture นี้ไม่เคยกินมาก่อน 555+
 
        ส่วนราคาถือว่าถูก มือนี้ จ่ายค่าเสียหายไปแค่ 325 บาท อิ่มแปล้...
 
 
 
 
 
 
 
 
        หลังจากอิ่มท้อง ก็ได้เวลาของผู้บ่าวขาเลาะ!!
 
        ส่วนตัวผมเองยังเชื่อในฤกษ์งามยามดีในการจะพักผ่อน ...ดังนั้นที่แรกที่ผมจะไปเช็คอินก็คือ
 
        "รอยพระพุทธบาทจำลอง" 
 
        ที่ตั้งอยู่เกือบถึงยอดเขาที่สูงที่สุดของเกาะแห่งนี้ ฉะนั้นเราต้องใช้ความระมัดระวังในการขับรถสูงพอสมควร
 
        ส่วนผมสบายๆ สมัยหนุ่มๆ แว้นบ่อย ฮ่าๆๆ
 
        เมื่อเราถึงจุดจอดรถ ก็จะเห็นคุณยายพร้อมเพิงขายดอกไม้ ธูป เทียน ทอง ของสังฆทาน เราสามารถซื้อไปสักการะได้ ชุดละ 40 บาท!!
 
        "หนูเอาดอกไม้ทูปเทียน ไปไหว้ แล้วเอาทองติดที่พระพุทธรูป 1 แผ่น ติดที่รอยพระพุทธบาท 1 แผ่น แล้วขึ้นไปเคาะระฆังขอพรอีกครั้ง" คุณยายแนะนำ!!
 
        จุดนี้นอกจากเป็นจุดที่ตั้งของรอยพระพุทธบาทจำลอง ยังเป็นจุดที่เราสามารถ Take View ถ่ายรูปสวยๆ ได้อีกด้วยครับ  ถ้าเรามองลงไปจะเห็นตัวเมืองสีชังได้เกือบทั้งหมดเลยครับ...
 
 
 
 
 
 
 
 
        เก็บแต้มบุญต่อ "ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่"
 
        ซึ่งพูดเลยใครที่มาสีชัง แล้วไม่มาสักการะถือว่ามาไม่ถึง  เพราะถ้าในเรื่องความเชื่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ "ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เกาะสีชัง" ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ๆ ประชาชนคนชลบุรีต่างให้ความเคารพนับถือกันมาอย่างยาวนาน 
 
        จะมาขอพร ขอโชค ขอลาภ หรือจะมาแก้ปีชงก็ได้
 
        ถ้าจะถามว่าศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน เอาเป็นว่าจะมีคนมาแก้บน จุดประทัดกันตลอดเวลาเลยครับ!!!
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
        หลังจากอิ่มบุญผมก็จับมอเตอร์ไซค์คู่หูเดินทางต่อไปยังแลนด์มาร์คของที่นี่ "พระจุฑาธุชราชฐาน"
 
        ที่นี่อดีตเคยเป็นพระราชวังฤดูร้อนในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังจากเหตุการณ์วิกฤต ร.ศ.112 ก็สิ้นสุดการเป็นเขตพระราชฐาน และมีหน่วยงานราชการต่าง ๆ มาขอใช้พื้นที่
 
        ปัจจุบัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขอใช้พื้นที่บางส่วนเพื่อเป็นสถานีวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลและศูนย์ฝึกนิสิต และทำหน้าที่ดูแลรักษาพระจุฑาธุชราชฐานไปในคราวเดียวกัน
 
        ดูเหมือนจะมีความรู้ใช่ไหมครับ?  ขอบคุณ wikipedia ฮ่าๆ ๆ
 
        ภายในมีอาณาเขตกว้างขวาง มีจุดให้เราเซลฟี่ได้ไม่อั้นเลยทีเดียว เช่น พระเจดีย์อุโบสถ วัดอัษฎางคนิมิตร, เรือนไม้ริมทะเล, เรือนผ่องศรี และ สะพานอัษฎางค์
 
        นอกจากได้ถ่ายรูปสวยๆ ยังได้ศึกษาประวัติศาสตร์เบาๆ ซึ่งเผลือแป๊บเดียว เชื่อไหมว่าผมใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงกับสถาณที่แห่งนี้!!
 
 
 
 
 
 
        จากนั้นผมก็ไปต่อที่ "พิพิธภัณฑ์ชลทัศนสถาน" ซึ่งจะตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าพระราชวังพระจุฑาธุชราชฐาน เกาะสีชังนั้นแหละครับ
 
        ที่นี่เป็นสถานที่แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ และงานวิจัยทางทะเลที่เกียวข้องกับเกาะสีชังแห่งนี้ ของสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
 
        ภายในก็ถือว่าไม่ได้กว้างใหญ่อะไรมาก แต่ก็แต่มีสัตว์น่ารักๆ รวมไปถึงสัตว์น้ำเศรษฐกิจหลายชนิดให้เราได้เรียนรู้ และถ่ายภาพกันไป...
 
        โดยจะเปิดให้บริการเกือบทุกวัน เวลาตั้งแต่ 09.00 น. - 17.00 น. (ปิดเฉพาะวันพุธ)
 
 
 
 
        หลังจากที่ผมได้เดินชื่นชมความน่ารักของเหล่ามีโม่ตัวน้อยแล้ว ตอนนี้คงถึงเวลาของการเติมไอโอดีนให้ร่างกาย!!
 
        ดังนั้นผมเลยมุ่งหน้าต่อไปยัง “หาดถ้ำพัง” ซึ่งตั้งอยู่ภายใน อ่าวอัษฎางค์
 
        แต่ๆๆ ก่อนอื่นเราต้องรู้กันก่อนว่าเกาะสีชัง ชายหาดส่วนใหญ่รอบๆ เป็นชายหาดที่ไม่เหมาะแก่การลงเล่นน้ำ เนื่องจากมีโขดหิน หรือพวกก้อนหินโสโครกกระจายอยู่ทั่วทั้งเกาะ
 
        ซึ่งถ้าคิดว่าจะมาใส่บิกินี่สวยๆ อาบแดดบนหาดทรายเก๋ๆ คงจะยากหน่อย!!
 
        หากจะมีก็เห็นทีจะเป็น "หาดถ้ำพัง" ที่นี่ที่เดียว ที่สามารถพาลูกพาหลานมาเล่นได้แบบจริงจัง!!! 
 
        แต่ก็นะ!!! ทั้งเกาะมีหาดเดียว บางช่วงคนก็จะมหาศาลหน่อย ฮ่าๆๆ
 
        ส่วนผมมาคนเดียว ได้แช่น้ำใสๆ แค่ครึ่งขาก็ชื่นใจละครับ 
 
        คำเตือน : นอกจากระวังอุบัติเหตุจากหินโสโครกแล้ว ก็ต้องระวังเศษกระเบื้องด้วยนะครับ ....  ถ้าไม่ระวังอาจจะได้แผลกลับบ้าน(เหมือนผม) 555+
 
  
 
 
 
        ดูนาฬิกา เฮ้ย!! "เผลอแป๊บๆ 5 โมงเย็นละ"
 
        ผมรีบจับมอเตอร์ไซค์ ใส่เกียร์ แว้นต่อไปยัง "ช่องเขาขาด" 
 
        ซึ่งเป็นจุดที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นจุดที่สวยที่สุดในการชมดวงอาทิตย์ตก แต่วันนี้ดวงผมคงไม่ดีเท่าไหร่ สีท้องฟ้าไม่ค่อยสวยงามนัก...
 
        แต่ก็ได้ดื่มด่ำบรรยากาศอยู่ไม่น้อย ลมพัดเย็นๆ ดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลับหายไปจากท้องฟ้า...
 
        สักพักนึงได้ยินเสียงเหมือนฟ้าร้อง ก็เลยตั้งสติ อ้อ...."เสียงท้องร้อง" 555+
 
        ได้เวลาดินเนอร์แล้วสิเรา...
 
  
 
 
 
        "สวัสดี ร้านครัวไอทะเลซีฟู้ด" 
 
        แหมะ!! มาทะเล ไม่ได้กินอาหารทะเลคงนอนไม่หลับ ผมก็เลยถามอากู๋ว่า "ร้านอาหารทะเลที่เกาะสีชัง"
 
       "ครัวไอทะเลซีฟู้ด" เด้ง ตึ๊ง ขึ้นมา อะแหน่ มีคนรีวิวบอกราคาดี รสชาติใช้ได้ ผมก็เชื่อคนง่ายเหลือเกิน!!
 
        มุ่งตรงไปยังร้านที่ว่า แล้วเลือกจิ้มมา 4 เมนู++ 
 
        เริ่มจากต้มยำกุ้ง เข้มข้น เปรี้ยวจี๊ดถึงใจ รสชาติถือว่าใช้ได้ ราคาอยู่ที่ 300 หม้อต้มยำหม้อใหญ่แบบไม่มีรูตรงกลาง
 
        กุ้งอบเกลือ Size เล็ก คือดี รสชาติกำลังพอดีไม่เค็ม ถ้าได้น้ำจิ้มซีฟู้ดด้วยแหล่มเลย เสียดายเค้าไม่ได้ให้มา ราคา 250 บาท
 
        หมึกผัดผงกะหรี่ Size เล็ก ปลาหมึกเหนียวไปหน่อย แต่ผงกะหรี่เข้มข้น 
 
        ข้าวผัด Size เล็ก เค็มไปหน่อย แต่ก็ถือว่าใช้ได้ ราคา 60 บาท คุ้มพุงเลย
 
        สรุปมื้อก่อนนอน เสียไป 800 กว่าบาท ทานไม่หมด ให้เยอะหรอ?  ป่าว ไม่อร่อย!!! ตึ๊งโป๊ะ ฮ่าๆๆ  ขำๆ
 
        จริงๆ โดยรวมคืออร่อยเลยแหละ รวมถึงบรรยากาศก็ดี  ติดทะเล มองเห็นวิวท่าเรือ+++
 
        แต่ติดที่บริการหน่อย ลูกค้าเค้าเยอะ พนักงานเสิร์ฟที่เห็นมีแค่ 3 คน ซึ่งเป็นคนปกติ 1 คน ผู้บกพร่องทางการได้ยิน 1 คน และเด็กน้อย 1 คน เลยทำให้การบริการไม่ทั่วถึง!!
 
        ถ้าร้านปรับปรุง ณ จุดๆ นี้ได้ มันจะดีมากเลยครับ!!
 
 
 
 
 
 
        "แสงอาทิตย์ยามเช้า บอกเรื่องราวการต่อสู้ ...ของชีวิต" 
 
        คุณเคยถามตัวเองไหม ว่า ครั้งสุดท้ายที่คุณตื่นมารับแสงอาทิตย์ตอนเช้าด้วยความสดชื่นตั้งแต่เมื่อไหร่  ...หรือจำไม่ได้? 
 
        เช้านี้เป็นอีกครั้งที่ผมตั้งใจตื่นมารับแสงอาทิตย์ด้วยความสดชื่น ทำตัวแบบ Slow Life โดยที่ไม่ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวไปทำภาระกิจใดๆ รู้เพียงว่าชีวิตเรา ณ เวลานี้ กำลังจะเจออะไรดีๆ แน่นอน!!
 
        05.30 น. ผมลุกขึ้นพร้อมจับเจ้ารถคู่หู ออกเดินทางไป "แหลมงู" เพราะผมคิดว่าแหลมงู เป็นแหลมที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าได้สวยที่สุด
 
       แล้วก็ไม่ผิดหวัง ผมได้ยืนชมพระอาทิตย์ค่อยๆ ลอยขึ้นอย่างช้าๆ สูดลมหายใจลึกๆ กักเก็บความสุขให้ได้เยอะที่สุด พร้อมกับการจับมือถือเครื่องเก่าๆ เก็บภาพสวยๆ ได้เป็นกระบุงเลยครับ!! 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
        มาถึง Location สุดท้าย ซึ่งเป็นจุดที่ผมภูมิใจนำเสนอเป็นที่สุด "ท่ายายทิม" 
 
        ซึ่งเป็นจุดที่น้ำใส ไหลเย็น เห็นตัวปลา ท้องฟ้าสวยเป็นจุดที่น้ำทะเลสวยที่สุดแล้วสำหรับผม อีกทั้งนักท่องเที่ยวมาถึงน้อย!!
 
        ผมแนะนำว่าถ้าจะมาจุดนี้ให้มาช่วงประมาณ 07.00 น. แล้วคุณจะไม่ผิดหวังครับ 
 
        ถ้าในช่วงที่น้ำลดเราอาจจะเห็นทะเลแหวกเบาๆ รับรองว่าเมมโมรี่มือถือเต็มแน่นอนครับ....
 
 
 
 
        เป็นไงกันบ้างครับกับทริปนี้ "Backpacker Alone In สีชัง" ในวันหยุดของผม ใครที่ยังไม่เคยไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่เคยลองใช้ชีวิตกับตัวเอง ก็ลองดูนะครับ
 
        เผื่อมันอาจจะเป็นความสนุกรูปแบบใหม่ที่คุณกำลังตามหาอยู่ก็ได้ ถือโอกาสทำความเข้าใจตัวเองและค้นหาตัวเองไปในตัว ...แต่จะสนุกอย่างไรก็อย่าลืม SAVEและดูแลตัวเองดี ๆ นะครับ 
 
        ส่วนความสนุกของผมในทริปนี้ พูดเลย!! "มีเยอะกว่านี้" แต่เล่าได้ไม่หมดจริงๆ ครับ
 
        สำหรับวันนี้ผมขอตัวพารถคู่หูไปคืนเจ้าของ แล้วข้ามเรือกลับ กทม. ก่อนนะครับ
 
        อ้อ!! คิวรถตู้กลับ กทม. มีไว้ให้ใช้บริการตรงโรบินสันด้วยนะครับ ขึ้นจากท่าเรือปุ๊บ รีบไปหาพี่สุชาติเลยนะครับ (ถ้าช้าวินหมดต้องรอนาน...)
 
        แล้วบอกว่า "พี่ไปคิวรถตู้" แค่นี้เค้าก็พาไปส่งถึงที่เลยครับ!!
 

Tag :



ติดดอยแนะนำ

ติดดอยรีวิว

"LIFE พระราม 4 - อโศก" ส่วนกลางอลังการ+วิวโคตรโหด! ได้ทั้งวิวสวนเบญจกิติ และโค้งแม่น้ำบางกะเจ้า แบบเต็มตา แถมยังใกล้ MRT ศูนย์สิริกิติ์ 500 ม.

“ได้วิวแม่น้ำ สวยขนาดนี้เลยรึนี่?!“ เป็นความรู้สึกของผมตอนที่ขึ้นไปชั้น 38 วิวสวยแบบไม่มีอะไรมาบดบังเลย มีมุมที่เห็นสวนเบญจกิติด้วย

"Life พหลฯ-ลาดพร้าว" คอนโดพร้อมอยู่ วิวสวน 700 ไร่ ติดห้าง 2 Central!!

สำหรับผมแล้ว BTS สถานี "ห้าแยกลาดพร้าว" เป็น สถานี Interchange กับ MRT ที่ผมชอบที่สุด และมักจะเป็นทำเลที่ผมแนะนำ ให้คนมาอยู่อาศัยมากที่สุดอันดับต้นๆเลย

"SUPALAI ICON สาทร" ความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนสถานทูตให้เป็น Luxury Condo

มีความท้าทายเล็กๆ กับการเปลี่ยนอดีต ’สถานทูตออสเตรเลีย‘ ให้กลายมาเป็น ‘Luxury Condo’ และ ’Mixed-Use’ ระดับ ’iconic’ ริม ’ถนนสาทร‘


ติดดอยโร้ดทู

Hyde Riverbay Charoennakorn (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร) อีกหนึ่งคอนโดสูงเพรียว ที่จะมายืนตระหง่านประดับเจริญนคร

'เกือบหลับ แต่กลับมาได้' จะมีโครงการไหนกันเชียวที่จะเหมาะกับคำนี้ ถ้าไม่ใช่ 'Hyde Riverbay Charoennakorn' (ไฮด์ ริเวอร์เบย์ เจริญนคร)

"MAVISTA Phromphong" โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดยรุ่นใหญ่!

โครงการใหม่ของ Major ที่แน่มาก แกร่งมาก เพราะไม่หวั่นไหวกับการต้องถูกขนาบข้างโดย Sansiri แบบรั้วชนรั้วเลย!

dcondo calm Ramkhamhaeng 40 (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) อีกหนึ่งคอนโดทำเลปังจาก "พี่สิบหมื่น" ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย

'dcondo calm Ramkhamhaeng 40' (ดีคอนโด คาล์ม รามคําแหง 40) ก็เป็นอีกโครงการที่ผมบอกเลยว่า คุณจะลืมภาพจำของแบรนด์ดีคอนโดแบบเดิมๆ ไปแทบหมดสิ้น เพราะโครงการนี้ เค้าอยู่ใกล้รถไฟฟ้าถึง 2 สาย ทั้งสายสีส้มและสายสีเหลือง!!!


ติดดอยสไตล์

#ติดดอยรวมมาให้ "ดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน" กรกฎาคม 2567

ไหนใครกำลังจะรีไฟแนนซ์กันบ้าง ใครกำลังผ่อนบ้านอยู่เพลิน ๆ นี่ห้ามลืมเด็ดเลยนะ เพราะหนี้บ้านพอพ้น 3 ปีแรก ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดเลย

"ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้" การอ่านหนังสือดีๆ เหมือนได้ติดปีกบิน

ขออวดว่าผมได้รีวิวหนังสือเล่มนี้ก่อนหนหน้านี้แล้วด้วยนะ อิอิ แต่ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจรีวิวหรอก แต่เป็นคนอ่านหนังสือแล้วชอบ ‘Short Note’ ประโยคดีๆ คมๆ เก็บไว้ แต่ปรากฏว่ามันโดนบาดเยอะมาก จนสามารถเอามาลงในเพจได้เลย

ชวนดูสถานีรถไฟความเร็วสูงจากแคลิฟอร์เนีย ผ่านแนวคิดคมนาคมและธุรกิจชุมชนท้องถิ่น ต้องเป็นหนึ่งเดียว

ช่วงนี้ผมชอบเข้าไปดูงานออกแบบของ Foster + Partners บ่อยสุดๆ คือรู้สึกได้เลยว่าเราอินกับสไตล์การออกแบบของเค้ามากๆ ซึ่งถ้าใครไม่รู้ว่าเค้าคือใคร Foster + Partners คือบริษัทที่ออกแบบ Apple Store ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ นั่นแหละครับ น่าจะพออ๋อกันขึ้นมาบ้างเนอะ

เปิดแล้ว!! "Apple Store สาขาแรกในมาเลเซีย" ชวนดูงานออกแบบสุดล้ำจาก Foster + Partners ที่โดดเด่นไม่แพ้สาขาไทย!!

Apple Store นี่ไม่ว่าจะไปเปิดสาขาที่ไหน ก็สามารถกลายเป็นแลนด์มาร์คของที่นั้นๆ ได้ตลอด ล่าสุดเค้าเพิ่งเปิดสาขาใหม่ที่ประเทศมาเลเซีย ไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งนี่เป็นสาขาแรกของมาเลเซีย

#ติดดอยรวมมาให้ ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านกรกฎาคม 2567 มาแล้วค้า

เดือน 7 กำลังจะผ่านพ้นอีกแล้วนะครับ ตอนนี้อากาศกำลังชุ่มฉ่ำแบบสุด ๆ ไปเลย ซึ่งหลายเดือนที่ผ่านมามีสัญญาณว่าดอกเบี้ยแบบคงที่เริ่มกลับมาแล้วนะ


© 2018 CONDOTIDDOI

ME ESTATE CO.,LTD
92/21 HOLLYWOOD STREET CENTER
PHAYATHAI RD. RACHATEVEE
BANGKOK 10400 THAILAND

02-656-6776
condotiddoi@gmail.com

CONTACT US

CONDOTIDDOI

CONDOTIDDOI

CONDOTIDDOI

085-546-4694

info.condotiddoi@gmail.com

Copyright www.condotiddoi.com © 2018
web design & programming by www.smilephp.com