ปี 2018 นับว่ามีการเปิดตัวอะไรใหม่ๆ อยู่พอสมควร ไม่เว้นแม้แต่ศูนย์การค้าที่เผยโฉมให้เราได้เห็นถึง 2 แห่ง โดยที่แรกคือ ไอคอนสยาม ซึ่งเราได้ไปไลฟ์ลงเฟซบุ๊กให้ดูกันเป็นที่เรียบร้อย
ส่วนแห่งที่ 2 นั้นก็คืออออออ… “เกตเวย์ แอท บางซื่อ” (Gateway at Bangsue) ที่เพิ่งเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 61
ฉะนั้นแล้วเราจะพลาดไม่ได้ อิอิ ก็เลยขอไปสำรวจตรวจตรากันสักหน่อยซิว่าที่นี่จะเป็นอย่างไรกันบ้างงงง
เอาตั้งแต่ “การเดินทาง” เลยละกันเนอะ คือมาได้หลายทางอยู่ ถ้าแบบพื้นๆ เลยก็… เดินจ้าาาา 5555 ใครมีบ้านมีคอนโดอยู่แถวนี้เดินกันแบบสบายๆ
ใครอยู่ไกลหน่อยก็นั่ง MRT ลงสถานีเตาปูนทางออก 1 ซึ่งเค้ามีรถบริการรับส่งฟรีด้วยนะ ขากลับก็จอดรอตรงทางเข้าบิ๊กซี (เวลา 10.00-22.00 น.) แต่ใครอยากซิ่งก็เรียกพี่วินได้ ค่าบริการ 20 บาท (แพงอยู่นะ) ถ้ารถเมล์ก็มีสาย 16, 30, 66 และ 505
ส่วนเรือก็ลงที่ ท่าเรือเกียกกาย โดยเรือที่จอดมี เรือประจำทาง, เรือด่วนธงเหลือง (นนทบุรี – สาทร), เรือด่วนธงส้ม (นนทบุรี-วัดราชสิงขร) และเรือด่วนพิเศษธงเขียว (ปากเกร็ด - นนทบุรี – สาทร) ต่อด้วยโบกเรียกพี่วินกันโลดดดด
สุดท้ายใครจะขับรถมาเองก็ได้เหมือนกัน แต่ถ้ามาวันหยุดก็อาจเสี่ยงกับรถติด ไม่มีที่จอด พอจะออกจากห้างก็ติดอีก ทำนองนั้นนน
มาๆ เข้าห้างกันดีกว่า เริ่มที่ ชั้นแรก (ชั้นG) เห็น KFC กับสตาบัคส์ (มี 2 ชั้นเลยทีเดียว) ก่อนเลย ซึ่งชั้นนี้จะเป็นโซน Urban Market
มีพวกของกินหลากหลาย ทั้งแบบเป็นแบรนด์ร้านอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ต่างๆ ที่มีทั้งนั่งทานและ Take Home เช่น ปั้นคำหอม, Dairy Queen, ชาโตเรเซ่ (เค้กอร่อยมากกกกก) เป็นต้น หรือฟู้ดคอร์สและบิ๊กซี ก็มีอยู่ที่ชั้นนี้ด้วยนะ
ขึ้นมาที่ ชั้นM ถ้าขึ้นบันไดเลื่อนจากด้านในสุดของห้างจะเห็น H&M ปะทะเข้าตาก่อนเลย แต่วันที่เราไปยังไม่เปิด (ซึ่งวันที่ลงบทความก็คงเปิดพอดี 5555) เห็นว่าจะเปิดกลางเดือนธันวานี้ กว้างขวางตามสไตล์แบรนด์เค้าหล่ะ
อีกแบรนด์ที่อยู่ข้างๆ กันเลย คือ UNIQLO อันนี้ก็ใหญ่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน มีเสื้อผ้าทั้งหญิงชายเด็กๆ ครบครัน นอกจากนี้ก็มีร้านแว่น ร้านรองเท้า รวมไปถึงยังมีลานโปรโมชั่น ที่เอาไว้จัดงานหมุนเวียนเปลี่ยนกันไปตามแต่ละเทศกาล อย่างงาน Sugar Paradise ที่มีของหวานมาให้เลือกชิมอย่างหลากหลาย ครั้งหน้ารู้สึกว่าจะเป็น งานเทศกาลคนโก้ นี่แหละ
ถัดไปเป็น
ชั้น 1 ยังคงมีแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นอยู่ทั้ง AIIZ และ MC ต่อด้วย Sport World และแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำทั้งหลายแหล่
ซึ่งทั้งชั้น M และชั้น 1 จะอยู่ในโซน Everyday Fashion และ Fast Fashion Brand
ส่วนโซน Lifestyle Living จะอยู่ที่ ชั้น 2 เป็นแนวบริการสินค้าตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า ไอที อย่าง Home Pro หรือ The Power Life อ่ออออ มีธนาคารอยู่ที่ชั้นนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
ขณะที่
ชั้น 3 (ยังเปิดร้านไม่ครบเท่าไหร่) และ
ชั้น 4 คือโซน Lifestyle Dining หรือร้านอาหารต่างๆ นาๆ ที่มีอยู่ตามห้างทั่วไป
เรียกได้ว่ามีอาหารแทบจะทุกสัญชาติ อาทิ MK, Yayoi, The Pizza, คัสซึยะ, ฮาจิบัง และซานตาเฟ่สเต็ก เป็นต้น เชิญเลือกได้ตามใจชอบบบบบ
สำหรับครอบครัวไหนที่มีลูกเด็กเล็กแดง ต้องปลาบปลื้มกับโซนนี้ชัวร์ เพราะที่ ชั้น 5-6 เป็นโซนของเล่นนั่นเอง!!! (Play & Learn) จะคีบตุ๊กตา ขับรถของเล่น
หรือจะไปเล่นที่ “HarborLand” เป็นสนามเด็กเล่นในร่ม ที่มีทั้งสไลเดอร์แบบต่างๆ มุมอ่านหนังสือ สนามโรเลอร์เบส (Roller Land) และเกมเลเซอร์ (Laser Battle) หรือถ้าใครเป็นเด็กเรียนก็โรงเรียนสอนพิเศษรวมถึงติวเตอร์ด้วยนะ
ชั้น 7 เราจะข้ามไป เนื่องจากเป็นโซน Office พื้นที่สำนักงานเช่าสำหรับวัยทำงาน
ภาพ : Facebook Gateway at Bangsue
แล้วก็มาถึงชั้นสุดท้ายยยย (ชั้น 8) ที่จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากโซน Entertainment หรือบริการโรงภาพยนตร์ทั้งหมด 6 โรง รวม 1,450 ที่นั่ง และสำหรับสายรักสุขภาพ ก็มีบริการฟิตเนสที่เปิดให้บริการ 24 ชม.
และอีกหนึ่งจุดที่ไม่พูดไม่ได้จริงๆ นั่นคือ Sky Garden ที่เป็นลานโล่งกลางแจ้ง ไว้ชมวิวทิวทัศน์ ซึ่งมีพื้นที่ให้นั่งพักผ่อน และโซนของเด็กเล่น แต่เราว่ากลางวันคงร้อนน่าดู เพราะไม่มีร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ มาตอนเย็นๆ หน่อยน่าจะดีกว่า
แต่เท่าที่สืบมา (เราลืมไปดู ซอรี่จริงๆ แหะๆ) เห็นว่ารั้วกั้นเตี้ยไปนิดอาจต้องระมัดระวังกันนิดนึงนะ หรือเพราะด้วยเหตุผลนี้รึเปล่า เลยทำให้เวลาเปิดบริการอยู่ในช่วงเวลาแค่ 10.00-18.30 น. เท่านั้น ประมาณว่าแดดร่มก็ปิดบริการพอดีซะอย่างงั้น 55555
นี่คือทุกชั้นที่เราไปตระเวนดูมาให้ทุกคนนนนน เพื่อให้ทำการบ้านกันก่อนไป “เกตเวย์ แอท บางซื่อ” (Gateway at Bangsue) ได้ไม่ต้องงมหาให้เสียเวลา ถ้าถามว่าคนที่อยู่แถวปริมณฑลหรือคนในใจกลางกรุงควรมาไหม ตอบได้เลยว่า… เดินห้างแถวบ้านสะดวกกว่านะ ฮ่าๆๆๆ
แต่ถ้าใครอยู่แถวบางโพ บางซื่อ บางซ่อน ละแวกแถบนี้หล่ะก็ เราว่าน่าจะเป็นอีกห้างหนึ่งที่น่ามาใช้บริการอยู่นะ เหตุผลก็ง่ายๆ เพราะไม่ต้องไปไหนไกลให้เหนื่อยนั่นเองค่าาาาา