ไม่รู้ว่าทุกคนเบื่อกันหรือยังกับการพาเลาะจังหวัดแม่ฮ่องสอนของผม
ส่วนผมเองยังไม่เบื่อที่เล่าความมหัศจรรย์ของที่นี่ให้ทุกคนได้ฟังกันเลย ฮ่าๆๆ
เพราะฉะนั้นแล้ว เรามาเริ่มเดินทางกันต่อเลยแล้วกันครับ...
หลังจากที่เราไปฟินกับ "หมู่บ้านรักไทย" กันมาแล้ว วันนี้ผมจะพาทุกคนมาเปลี่ยนบรรยากาศ "เข้าโหมดสายบุญ" กันบ้าง...
ที่ผ่านมา เอาจริงๆ ไม่ว่าจะรีวิวบล็อกไหน ไม่ว่าใคร มาเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน น้อยคนมากจะเช็คอินวัด จริงไหม!!?
ซึ่งจุดหมายปลายทางครั้งนี้ นอกจากแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของจังหวัด เช่นปาย และหมู่บ้านรักไทยแล้วนั้น
ผมเองตั้งใจมากจะมาตัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อมาไหว้พระ ขอพร ชมความงดงามของศิลปะไทยใหญ่ ซึ่งเป็นศิลปะที่เปรียบเสมือนดีเอ็นเอของชาวแม่ฮ่องสอนที่สืบทอดมาอย่างช้านานจนถึงทุกวันนี้...
เริ่มจากวัดแรกกันเลยครับ “วัดจองคำ – วัดจองกลาง”
“วัดจองคำ – วัดจองกลาง” วัดที่ตั้งอยู่ใจกลางแม่ฮ่องสอน ริมหนองน้ำ ที่ชาวบ้านเรียกว่า "หนองจองคำ" (ปัจจุบันคือสวนสาธารณะริมบึง)
สำหรับศาสนสถานแห่งนี้จะบอกว่ามีวัดเดียวก็ไม่เชิง หรือจะบอกว่ามี 2 วัด ก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว ...หรือจะเรียกว่าเป็นวัดแฝด เพราะทั้ง 2 วัดอยู่ในเขตกำแพงรั้วเดียวกัน
ซึ่งถ้าเรามองจากด้านหน้าด้านซ้ายมือก็จะเป็นวัดจองคำ ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๗๐ ซึ่งเป็นวัดแห่งแรกของแม่ฮ่องสอน โดยพระยาสิงหนาทราชา เจ้าเมืองแม่ฮ่องสอน และเจ้าแม่นางเมียะ
โดยวัดแห่งนี้ปัจจุบันได้ขึ้นเป็นพระอารามหลวงเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๗
สำหรับภายในจะมีวิหารที่ประดิษฐาน "หลวงพ่อโต" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ สร้างเมื่อปี พ.ศ.2496 โดยช่างชาวพม่า ซึ่งได้จำลองมาจาก พระศรีศากยมุนี (หลวงพ่อโต) ที่วัดสุทัศน์เทพวราราม
ส่วนด้านขวาจะเป็น "วัดจองกลาง" ที่มีเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญ เป็นเจดีย์ประธาน และมีกลุ่มเจดีย์สี่ทิศล้อมรอบอย่างสวยงาม
โดยเฉพาะในยามค่ำคืนเมื่อมองข้ามมาจากฝั่งที่เป็นบึงสวนสาธารณะ ชาวบ้านบอกว่า “หนูต้องมาถ่ายรูปช่วงค่ำ จะสวยกว่านี้อีก” ซึ่งผมก็แอบเสียดายที่ไม่มีเวลาพออยู่ถึงช่วงค่ำ...
หลังจากที่ชมความงดงามของวัดจองคำและวัดจองกลางเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทางไปยังวัดต่อไปครับ
วัดพระธาตุดอยกองมู ตั้งอยู่บนดอยกองมู ทางทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน
ซึ่งแน่นอนด้วยความขยันที่มีมากโขของผม ผมเลยขอแว้นมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปยังบนยอดพระธาตุ ส่วนใครขยันกว่าผมสามารถเดินขึ้นไปได้นะครับ ฮ่าๆๆ
วัดพระธาตุดอยกองมู เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ด้านบนจะมีพระธาตุเจดีย์ทรงเครื่องแบบมอญองใหญ่ 2 องค์ ซึ่งมองขึ้นไปจะเด่นมากๆ เลยครับ
ซึ่งถ้าเรายืนด้านบนเราก็สามารถมองลงมาเห็นทัศนยภาพของตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้ทั้งหมด
เมื่อขึ้นไปถึงด้านบน ภารกิจแรกที่ผมทำนั้นก็คือทอนชุดดอกไม้ ธูป เทียน ซึ่งในชุดจะมีทั้งดอกไม้สด และไม้แห้งๆ 3 ท่อน
เอาจริงๆ คือผมก็ไม่รู้ว่าเค้ามีความหมายอะไรหรือเปล่า ฮ่าๆๆ แต่เป็นพิธีที่ใครๆ ก็ทำกัน ซึ่งมันต้องสิริมงคลกับชีวิตแน่ๆ (แดดร้อนแค่ไหนก็ยอม)
ทอนเสร็จก็เดินถือชุดที่เราทอนเดินรอบพระธาตุ 3 รอบ แล้วนำไปนมัสการหน้าพระพุทธรูปตามวันเกิดของเรา
จากนั้นก็เข้าไปยังในตัวพระธาตุ ภายในมีหลวงพ่อทันใจ ซึ่งแน่นอน ไม่เข้าไปขอพรไม่ได้จริงๆ สาธุ...
หลังจากที่ขอพรหลวงพ่อทันใจเสร็จแล้วก็พลาดไม่ได้ที่ต้องลงมาสักการะพระพุทธรูปเก่าแก่อีกองค์ที่ตีนดอย ซึ่งเป็นที่ตั้งของ "วัดพระนอน" หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าวัดตีนดอย
วัดพระนอนเป็นวัดที่ตั้งอยู่เชิงดอยกองมู ภายในประดิษฐานพระนอนองค์ใหญ่ที่มีลักษณะงดงามมาก มีขนาดยาว 12 เมตร ที่สร้างขึ้นแบบศิลปะไทยใหญ่ เมื่อปี พ.ศ. 2418
นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีรูปปั้นสิงโตขนาดใหญ่ 2 ตัว สร้างโดยพระยาสิงหนาทราชา และพระนางเมียะ อยู่เคียงข้างระหว่างทางที่จะขึ้นไปนมัสการพระธาตุกองมู
ซึ่งผมได้ยินมาว่าเป็นรูปปั้นสิงโตที่สมบูรณ์ที่สุดที่เหลืออยู่ ณ ตอนนี้
นอกจากนี้ภายในวัดยังมีหลวงพี่ใจดี กับเณรสุดน่ารักประจำวัดอยู่ด้วย
“โยมมาจากไหนรึ”
“มาจาก กทม. ครับ”
“โยมสนใจจะเข้าชมพิพิธภัณฆ์ไหมโยม”
“สนใจครับหลวงพี่”
จากนั้นหลวงพี่ก็ไปตามเณรน้อยที่กระโดดไปมาๆ ให้มาเปิดห้องพิพิธภัณฆ์ของเก่าให้ผมเข้าชม...
"โยม ห้ามถ่ายภาพด้านในนะครับ" เณรขอความร่วมมือ...
เมื่อเสร็จจากบทบาทนักสำรวจของเก่าแล้ว ความเหลือเชื่อยังไม่จบเพียงเท่านี้
"หลังจากที่ผมได้เดินชมพิพิธภัณฆ์เสร็จก็ได้ทำบุญกันต่อ" เพราะที่วัดนี้จะมีพิธีทำบุญให้ผู้ล่วงลับด้วย...
ทุกคนรู้ไหมว่าคนที่ทำพิธีให้อย่างน่าศรัทธา สวดมนต์ให้พร อย่างคล่องแคล่ง คือใคร!! ... ไม่ใช่หลวงพี่หรือหลวงพ่อแต่อย่างใด “แต่คือเณรน้อยนี่เอง”