อยากจะพาดหัวบทความนี้ให้สั้นๆ และกระชับ แต่ทำไม่ได้ ฮ่าๆ ไม่อยากตัดอะไรออกไปเลยครับ

 

        สืบเนื่องมาจากได้คุยกับเพื่อนเก่า ที่โทรมาปรึกษาเรื่องซื้อคอนโด และแน่นอนว่ามันจะจบลงด้วยคำถามที่ทุกคนชอบถามผมว่า "ช่วงนี้ตลาดคอนโดเป็นยังไงวะ?" เอาเป็นว่าผมก็ตอบแบบเดิมๆ (มันยาว ขอข้ามไป อิอิ) แต่คราวนี้มีคำถามนึงที่น่าสนใจจากเพื่อน

 

        "แล้วที่มึงเคยบอกว่าเรื่องคอนโดให้จำหลักการนี้ไว้ Location Location Location มันยังเหมือนเดิมป่าววะ?" คำถามนี้น่าสนใจ

ด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ผ่านมาในช่วง 1-2 ปีหลัง ผมเลยตอบเพื่อนไปว่า Location ยังเป็นปัจจัยอันดับหนึ่งในการเลือกคอนโด (รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท)

 

        แต่สำหรับคอนโด ผมขอเปลี่ยนจาก Location 3 ครั้ง มาเป็น "Location x Product x Brand"

 

 

        ขอไม่บอกชื่อโครงการ แต่บอกเป็นทำเล "Handsome Gold" ผมไปช่วยเพื่อนคนต่างชาติขายคอนโดให้กับคนไทยที่กรมที่ดิน มีโอกาสได้คุยกับคนไทยที่ซื้อคอนโดต่อจากเพื่อนชาวต่างชาติ เค้าบอกว่าเค้าซื้อเพราะอยากย้ายมาจากอีกโครงการที่อยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งผมตกใจเล็กน้อย เพราะทำเลของที่เดิมนั้นดีกว่าพอสมควร

 

        "แต่ผมมาดูที่นี่แล้ว ของดีกว่าเยอะเลยครับ ผมซื้ออยู่กับครอบครัว และเพิ่งมีลูกด้วย อยากได้ของที่มีคุณภาพดีที่สุดครับ" (อันนี้บอกได้ว่าไม่เกี่ยวกับขนาดนะ เพราะเค้าซื้อขนาดใกล้เคียงกัน)

 

        "ที่สำคัญผมชอบ xxxxx (ชื่อแบรนด์) นี้มากกว่าอีกเจ้า ดูมาหลายที่แล้ว คุณภาพโอเค มีมาตรฐานเกือบทุกโครงการเลย"

 

        ผมเข้าใจว่าหลายคนที่ดูคอนโดมาเยอะ อาจจะบอกว่า "ยังไม่เคยเห็นแบรนด์ไหน ที่ไม่มีปัญหานะ" อันนี้ผมเห็นด้วย ฮ่าๆๆ เพราะทุกเจ้าก็มีปัญหาหมดแหละ อยู่ที่ใครจะ "รับผิดชอบ" และ "แก้ปัญหา" ได้ดีกว่ากัน

 

        ขอย้ำว่ายังไงเรื่อง "Location" ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเหมือนเดิม แต่ในยุคที่ "ที่ดิน" ที่ทำเลเทพๆ มันแพงเหลือเกินนนนน การถอยออกมาหน่อย แล้วพัฒนาคุณภาพสินค้าให้มีคุณภาพก็เป็นทางเลือกที่ดีเวลลอปเปอร์หลายเจ้าใช้กัน ซึ่งถ้าคนที่อยู่อาศัยจริงได้ไปดูกับตา เลือกถึงที่ ก็อาจจะทำให้เปลี่ยนใจมาชอบ (จากที่ตอนแรกรู้ทำเลอย่างเดียวแล้วไม่ชอบ)

 

 

        อย่างไรก็ตาม อย่าลืมนะครับว่าผมยังเอาคำว่า "Location" นำหน้าเสมอ และไม่มีวันให้ใครแซง เพราะให้ตายเถอะ "อสังหาริมทรัพย์" แปลว่า ทรัพย์ที่นำไปไหนไม่ได้ ..... ทุกอย่างเปลี่ยนได้ยกเว้นทำเลนะครับ

 

        อ้าว ... เขียนไปเขียนมายาวเกิ๊น เค้าบอกว่าคนอ่าน Facebook ต่อ 1 Post จะอ่านแค่ประมาณนี้แหละ เดี๋ยวจะเบื่อซะก่อน ขอยกยอดเรื่อง Disruptive technologies และ Social Network ไว้เป็นอีกตอนละกัน น่าสนใจไม่แพ้กันเลย