อีกหนึ่งปัญหาที่คิดกันไม่ตกสำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดมิเนี่ยมเพื่ออยู่อาศัย คงจะหนีไม่พ้นปัญหาที่ว่าเราจะเลือกซื้อห้องขนาดไหนดี...
ถ้าตัดปัจจัยทางด้านราคาที่แตกต่างกันในแต่ละขนาดแล้ว ด้านการใช้งาน ฟังก์ชั้นต่าง ๆ นี่แหละที่ควรจะต้องดูให้ละเอียดขั้นสุด คัดหาห้องที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์เราจริง ๆ
คนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มองที่ราคาค่าตัวของห้องมักจะเลือกเอาห้องที่ขนาดใหญ่ไว้ก่อน ยิ่งใหญ่ยิ่งดี จะตกแต่ง จะแบ่งขั้นกั้นห้องอะไรเพิ่มเติมค่อยว่ากัน ซึ่งมันก็อาจจะเป็นแบบนั้นแหละ เพราะยังไงห้องใหญ่กว่าก็ทำอะไรได้มากกว่า
แต่ถ้าเรามุ่งเน้นไปที่ความคุ้มค่าล่ะ เราจะเลือกยังไงใหเห้องของเรานั้นเหมาะและเกิดความคุ่มค่าในงานใช้งานของเรามากที่สุด?
โดยปกติทั่วไปแล้วทุกโครงก็มักจะสร้างห้องออกแบบมาหลัก ๆ 3 แบบ ได้แก่
- ห้องสตูดิโอ จะไม่เกิน 30 ตร.ม.
- 1 ห้องนอน มีหลากหลายขนาดตั้งแต่ไม่เกิน 30 ตร.ม. ถึง 50 ตร.ม.
- 2 ห้องนอน แตกต่างกันไปตามพื้นที่
นี่ไม่รวมบรรดาห้อง PLUS ห้องพิเศษต่าง ๆ นานา ที่ล้วนออกมากันเพื่อทำให้รูปแบบห้องของโครงการตัวเองนั้นแตกต่างจากเจ้าอื่นนะ จะเห็นได้ว่ามันก็จะมีขนาดเฉลี่ยที่เหมาะสมกับห้องแต่ละรูปแบบไว้ ซึ่งห้องแต่ละขนาดก็จะส่งผลต่อการใช้งานที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น
1. ค่าส่วนกลาง : รายจ่ายที่จะติดตัวเราไปตลอด จะผ่อนคอนโดหมดไปกี่สิบปี รายจ่ายส่วนนี้ก็ยังคงต้องจ่ายต่อไป ซึ่งปัญหาที่ตามมาของคนที่ชอบห้องใหญ่ ๆ ก็คือค่าส่วนกลางเค้าคิดพื้นที่ตามขนาดของห้อง
โดยส่วนใหญ่แล้วค่าส่วนกลางโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 45-60 บาทต่อตารางเมตร ดังนั้นใครที่ชอบห้องใหญ่ ๆ ก็ต้องชั่งใจกันให้ดี เพราะอย่างที่บอกว่ารายจ่ายส่วนนี้จะต้องจ่ายไปตลอด ถ้าเลือกห้องใหญ่แต่ใช้งานไม่เต็มพื้นที่ ก็เท่ากับเสียค่าส่วนกลางไปฟรี ๆ เลยนะ
2. พื้นที่จอดรถ : ที่จอดรถเป็นอีกส่วนที่คนอยู่คอนโดมักอยากจะครอบครอง แต่มันก็ไม่ได้มีสิทธิตายตัวสำหรับทุกห้องพักเสมอไป เพราะบางโครงการก็ไม่ได้อำนวยความสะดวกที่จอดรถให้ทุกห้องแบบ 100%
ดังนั้นแล้วการที่เราเลือกคอนโดที่มาขนาดใหญ่ บางโครงการก็จะมีการล็อกที่จอดรถไว้ให้ห้องขนาดใหญ่โดยเฉพาะ ทำให้เป็นการสร้างความมั่นใจได้ว่ารถสุดรักของเราจะมีที่จอดแน่นอน
3. การตกแต่งห้อง : อีกส่วนที่เป็นรายจ่ายหนัก ๆ สำหรับการเลือกอยู่อาศัยในคอนโดนั่นก็คือการตกแต่งห้องพักนี่แหละ เพราะเดี๋ยวนี้บางโครงการก็ไม่ได้เสนอขายมาแบบตกแต่งเสร็จพร้อมอยู่ ดังนั้นการที่เราเลือกห้องขนาดใหญ่มาก ๆ ก็จะทำให้เรามีรายจ่ายในการตกแต่งห้องที่เพิ่มมากขึ้น
อันนี้ถือเป็นข้องดีของห้องที่มีขนาดเล็กแบบสุด ๆ เพราะพื้นที่ขนาดเล็กนอกจากจะตกแต่งง่ายกว่าแล้ว ยังใช้รายจ่ายที่น้อยกว่าแบบเห็น ๆ แต่ทั้งนี้ก็ต้องแลกมากับพื้นที่ใช้สอยที่น้อยลงด้วยนะเออ
4. การดูแลรักษา : ข้อนี้แค่นึกก็ขี้เกียจแล้ว แต่เป็นสิ่งที่ยังไงก็หนีไม่พ้นเพราะเราอยู่คอนโดไปสิ่งที่ตามมานั้นก็คือความสกปรกนั่นเอง ใครที่อยู่เพียงคนเดียวก็อย่าเลือกห้องที่มีขนาดใหญ่เกินใช้งานเลย เพราะมันจะเหนื่อยขึ้นเยอะ
แต่ถ้าใครที่เลือกห้องขนาดใหญ่เพราะมีการใช้งานหรือคนจำนวนมาก พอถึงเวลาทำความสะอาดทีก็จะเหนื่อยมากหน่อย หรือใครใช้บริการทำความสะอาด ห้องใหญ่ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่มากกว่า ก็ต้องชั่งใจกันดูให้ดีนะทุกคนน
เรารู้ผลที่จะตามมาของการเลือกขนาดห้องไปแล้ว ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าห้องแต่ละขนาดมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่แตกต่างกันยังไง แล้วห้องแต่ละแบบเหมาะกับใครบ้าง ไปดูกันเลย...
ห้องสตูดิโอ - Studio
ลักษณะ : ห้องแบบห้องสตูดิโอ - Studio มักจะเป็นห้องที่ได้รับความนิยมสุด ๆ เพราะห้องแบบนี้เป็นห้องที่ออกแบบให้ทุกฟังก์ชั่น ทุกการใช้งานรวมตัวกันอยู่ในห้องห้องเดียวเลย ประกอบไปด้วยพื้นที่ครัว ห้องนั่งเล่น และห้องนอน ยกเว้นส่วนของห้องน้ำและระเบียงที่จะมีประตูหรือกระจกบานเลื่อนกั้นเป็นสัดส่วนเอาไว้ให้ ส่วนใหญ่มีขนาดไม่เกิน 30 ตร.ม.
ข้อดี : ข้อดีที่สุดสำหรับห้องแบบนี้คงจะหนีเรื่องราคาไปไม่ได้ เพราะเป็นห้องขนาดไม่ใหญ่ ทำให้ราคาค่าตัวก็ไม่สูงตามไปด้วย นอกจากนี้แล้วยังสามารถทำความสะอาดได้ง่าย ๆ ไม่เหนื่อยมาก แถมค่าส่วนกลางก็ไม่ต้องจ่ายเยอะอีกด้วย
เหมาะกับ : อย่างที่บอกว่าห้องแบบนี้จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก ทำให้ห้องนี้เหมาะสำหรับคนที่อาศัยอยู่คนเดียวเป็นหลัก และใช้ชีวิตบางส่วนอยู่ภายนอกบ้าง เพราะมันมีอยู่ห้องเดียวถ้าอยู่นาน ๆ ก็จะน่าเบื่อจนเกินไปใช่มั้ยล่ะ แต่ทั้งนี้ถ้าใครอยากตกแต่งก็สามารถกั้นห้องแบ่งโซนเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ ก็จะช่วยให้ห้องมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น
1 ห้องนอน - One Bedroom
ลักษณะ : ห้องแบบ 1 ห้องนอน - One Bedroom เป็นอีกห้องที่ได้รับความนิยมแบบสุด ๆ เพราะมักจะมีราคาค่าตัวที่เพิ่มจากห้องแบบสตูดิโอมาไม่มาก แต่ได้พื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วนมากขึ้น โดยเค้าจะมีการกั้นห้องเป็นห้องนอนแยกไว้ให้ ด้านนอกก็จะยังคงมีพื้นที่ครัว ห้องนั่งเล่น ในส่วนนี้ก็ต้องดูรูปแบบห้องกันให้ดี เพราะยังมีทั้งแบบครัวเปิด ครัวปิด อยากให้ครัวหรือห้องนั่งเล่นอยู่ติดหน้าต่าง ๆ ก็ต้องสรรหาโครงการที่ใช้กันเอา
ข้อดี : ข้อดีก็คือเราจะมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะเค้ามีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยมาให้บางส่วนแล้ว ฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ ก็จะถูกแบ่งจากกันอย่างชัดเจน ช่วยแก้ปัญหาด้านความสะอาดและกลิ่นไปได้ส่วนหนึ่ง ที่สำคัญห้องแบบนี้จะมีเยอะมากที่สุดในทุก ๆ โครงการ ทำให้เรามีโอกาสเลือกได้มากกว่านั่นเอง
เหมาะกับ : เหมาะกับคนที่อยู่คนเดียวหรืออยู่เป็นคู่แบบอบอุ่น ๆ เพราะห้องมีการแบ่งสัดส่วนที่ชัดเจนทำให้หารใช้งาน 1-2 คนยังมีความเป็นส่วนตัวได้อยู่บ้าง ที่สำคัญสำหรับใครที่เป็นสายลงทุน ห้องแบบนี้ยังเป็นที่ต้องการของตลาดมาก โอกาสปล่อยเช่าหรือขายต่อก็จะมีมากกว่าเช่นกัน
2 ห้องนอน - Two Bedrooms
ลักษณะ : เอาตรง ๆ ก็เป็นห้องที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไหร่ เพราะราคาบางที่นี่ไปซื้อบ้างเอาน่าจะคุ้มกว่า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เป็นที่ต้องการเพราะห้องแบบ 2 ห้องนอนนี้มีขนาดที่ใหญ่ได้ใจ แถมมีการใช้งานที่แบ่งห้องเพิ่มออกมาอีก ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนห้องให้เหมือนเป็นบ้านเลยก็ว่าได้ ที่สำคัญห้องแบบนี้ทางโครงการมักจะมีจุดขายพิเศษให้เราอยากได้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัว อ่างจากุซซี่ หรือแม้แต่ที่จอดรถแบบประจำของห้องเราก็มี
ข้อดี : อย่างที่บอกไปถ้าใครอยากได้ห้องแบบนี้ก็ต้องดูเรื่องที่จอดรถก่อนเลย เพราะส่วนใหญ่เค้าให้ที่จอดรถประจำกับเราด้วย ช่วยตัดความกังวลใจในการอยู่คอนโดไปได้อย่างหนึ่ง ข้อดีอีกอย่างก็คือห้องขนาดใหญ่แบบนี้มักมีตำแหน่งอยู่ตรงหัวมุม ทำให้ได้รับวิวที่มากกว่า แถมส่วนตัวกว่าอีกด้วย
เหมาะกับ : ห้องใหญ่แบบนี้ก็ต้องเหมาะกับคนที่อยู่อาศัยเป็นครอบครัวแน่นอน เพราะเค้าให้ห้องนอนมาตั้ง 2 ห้องนี่เนอะ แต่ถ้าใครที่อยู่คนเดียวแต่เลือกห้องแบบนี้ก็ยังสามารถปรับเปลี่ยนอีกห้องให้เป็นฟังก์ชั่นได้ตามใจ เผื่อใครอยากมีห้องทำงานส่วนตัวหรือกิจกรรมอื่น ๆ ก็สามารถปรับการใช้งานได้ง่าย ๆ เลย
เป็นยังไงกันบ้างสำหรับข้อมูลของห้องแต่ละขนาดและผลที่ตามมา ทั้งนี้ทั้งนั้นข้อมูลทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่ข้อมูลทางกายภาพเท่านั้น การเลือกที่อยู่อาศัยแล้วจริง ๆ เรามักจะเลือกจากใจกันมากกว่าใช่มั้ยล่ะ
ห้องจะเล็กจะใหญ่ ถ้าใจมันชอบก็คือห้องนั้นดี เหมือนสุภาษิตไทยที่เค้าบอกว่า
"คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่อยาก" นั่นแหละทุกคนนนนนนนนนน
ภาพ : dcondo rin (ดีคอนโด ริน)