Pal แปลว่า 8 และ Saik แปลว่า สี
หมู 8 สี ของ Palsaik คือสีจากการหมักของหมูทั้ง 8 รสชาติ ก็คือ โสม, กระเทียม, ไวน์, ใบสน, สมุนไพร, ผงกะหรี่, มิโสะ และ โกชูจัง ซึ่งการกินหมูย่างเกาหลีของแท้เนี่ยจะต้องมีพนักงานมาย่างให้นะ เพราะเค้าจะควบคุมการสุกที่พอดีกว่า ทำให้คนกินได้รสชาติที่ดีที่สุด และที่ร้าน Palsaik ก็เป็นแบบนั้นเลย แถมยังมีการอธิบายเชิงลึกให้ฟังอีก เหมาะกับคนช่างซักแบบผมมาก! ชอบเลย!
เอาล่ะ ได้เวลากินสักที อาหารในวันนี้ มีมาให้ลิ้มชิมรสกันหลายจานเลย มาเริ่มกันเบาะๆที่
ยำสลัดผักยาแช
อันนี้ไม่ได้เป็นอาหารหลัก แต่ถูกปากผมมาก เป็นเหมือนเครื่องเคียงเอาไว้กินกับหมูย่าง เอาไว้ตัดเลี่ยน ยังไม่เคยลิ้มยำสลัดผักเกาหลีที่รสชาติกลมกล่อมขนาดนี้เลย เปรี้ยว หวานกำลังดี หอมเหมือนใส่น้ำแอปเปิ้ลลงไปด้วย จากความสงสัย เลยถามทางร้านไปว่า ยำสลัดผักนี้ใส่อะไรลงไป เค้าไม่ยอมบอก เพราะเป็นสูตรเฉพาะของทางร้าน!!!! แต่ก็แอบส่งยิ้มให้เล็กๆ แสดงว่ามีใส่น้ำผลไม้ลงไปด้วยจริง 555
มาถึง “พระเอก” ของทางร้าน ผมขอขนานนามว่า “เซ็ตแปดเทพ หมู มังกรฟ้าาาา”...!!! ดูเท่เลย แต่เอาจริง มัวแต่ตะลึงครับ ไม่ได้ดูชื่อเซ็ตเลย 5555 เวลาสั่ง อย่าเผลอไปสั่งแบบที่ผมบอกเชียวนะ อิอิ
หมูเรียงมาเป็นแถว อาจดูเหมือนไม่เยอะ เพราะมันม้วนมาอยู่ แต่พอคลี่มาย่าง.. โอ้ ใหญ่ใช่ย่อยเลยวุ้ย กิน 2 คนมี "จุก" บอกเลย
พลันที่เนื้อหมูสุก ผมกำลังจะคีบ แต่โดนเพือนทักว่า "มันมีวิธีกินนะเอ้ย อย่ามั่ว ต้องกินเรียงตามนี้"
อัยยะ มีแบบนี้ด้วย ก็แหมกลิ่นมันมายั่วนี่น่า 5555 อะ แต่ลองตามเขาก็ได้
หมูหมักโสม
อันนี้ ผมชอบเลย มีความเค็มในตัวอยู่เล็กๆ หมูหมักมาได้กำลังดี เป็นการประเดิมที่ยั่วความหิวได้ดีแท้ ถ้าให้เลือกสั่งมาซัดซ้ำ จะต้องมีจานนี้โผล่มาด้วยแน่นอน
หมูหมักไวน์
ชิ้นที่ 2 รสชาดจะไม่โดดเด่นเท่าไร จะมีกลิ่นไวน์จางๆ มีดีที่ใช้ไวน์มาช่วยเรียกน้ำย่อย เพื่อรับศึกหนักของมื้อนี้ 555
หมูหมักใบสน
เป็นระดับ Top 3 จากทั้ง 8 ชิ้นเลย มีความหอมเฉพาะตัว ในระหว่างที่ฟันกำลังบดเนื้อในปาก กลิ่นจะฟุ้งแบบพอดีๆ เชื่อว่าหลายคนต้องฟินแบบผมแน่ ท้าให้มาลองเลย
หมูหมักกระเทียม
อันนี้ น่าจะเค็มที่สุดใน 4 ชิ้นแรก ดูธรรมดา แต่... เป็นความธรรมดาที่หยุดปากแทบไม่ได้เลยละ พ่อคุณเอ้ย
หมูหมักสมุนไพร
กลิ่นสมุนไพรมาเต็มๆ ถ้าคนที่ชอบกลิ่นสมุนไพรขอให้จัดเลยครับ แต่ส่วนตัวแอดก็ยังชอบ หมูหมักใบสนมากกว่า
หมูหมักผงกระหรี่
อันนี้ยกให้เป็น No.1 ของวันนี้เลยครับ และเพื่อนที่มาด้วยกันชอบกันทุกคน รสชาติ กลิ่น ความเข้มข้นต้องใช้คำว่า "ละมุน" ครับ ประมาณว่าจับ "ไอซ์ อภิษฎา" มาแต่งตัวแบบหวานๆ แต่ยังคงความเซ็กซี่ไว้ไม่หายไปไหน แถมหมูยังนิ่มกว่าการหมักแบบอื่นด้วย แนะนำให้ทานพร้อมกับยำสลัดผักยาแช จะได้อารมณ์หมูสะเต๊ะขั้นเทพ ตามด้วยอะจาดอันนุ่มนวล
หมูหมักมิโสะ
กลมกล่อมลงตัว หวาน เค็มกำลังพอดี ย่างหมูให้ไขมันติดเกรียมๆหน่อย จะอร่อยขึ้นอีกพอตัวเลยครับ
หมูหมักโกชูจัง
ตัวซอสโกชูจุง รสชาติเข้มข้น แต่จะออกหวานนิดๆ แต่ไม่กลบความหวานหอมของเนื้อหมูไป เหมาะกับจะเป็นคำปิดท้ายใน 8 แบบจริงๆ
หลังจากที่ลิ้มลอง "หมูเทพ" ครบทั้ง 8 ตามลำดับ
ต้องยอมรับเลยว่า เขาออกแบบมาอย่างดีแล้วจริงๆ ระดับรสชาดจะมีขึ้นลง เริ่มต้นดี และปิดได้สวย
ยังไงมาลองครั้งแรก แนะนำให้กินตามที่เขาบอกนะ หลังจากนั้น ก็แล้วแต่ชอบเลย
อ๋อ เกือบลืมเลย เวลากินหมู ให้ลองแบบไม่จิ้มน้ำจิ้มก่อนนะ แล้วค่อยลองแบบจิ้ม จะทำให้มีมิติทางรสชาดเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเลย และขอบอกว่า น้ำจิ้มเด็ดมาก
มาที่ เมนู Side Dish สำหรับคนที่ชอบแบบทำมาพร้อมให้หม่ำ
ไข่ตุ๋นเกาหลีภูเขาไฟชีส
ผมเป็นคนชอบกินไข่ตุ๋นมาก แต่ชอบแบบไข่ตุ๋นญี่ปุ่นที่เนื้อจะเนียนๆ มากกว่า ส่วนไข่ตุ๋นสไตล์เกาหลีจะออกแนวข้นๆ แน่นๆ เมนูนี้มาแบบใส่ชีสเต็มแผ่นโปะมาข้างบน ดูอลังการ
ซึ่งต้องบอกเลยว่าจุดเด่นคือชีสที่หอมมาก และทำมาสุกพอดี ไม่แข็งไม่เละเกินไป พอกินกับไข่ตุ๋นที่แน่นๆ ร้อนๆ แล้วเข้ากันมาก แต่เตือนว่าเมนูนี้ต้องกินตอนร้อนๆนะ จะเด็ดมาก!
ข้าวผัดกระเทียมเนื้อวากิวญี่ปุ่น A5 กระทะร้อน
อันนี้เอาไป 10 กระโหลก ชอบแบบสุดๆ ข้าวดี ผัดอร่อยมาก แค่กินข้าวผัดกระเทียมอย่างเดียวก็บินแล้ว และพอโดนเนื้อวากิวนุ่มๆ เข้าไปอีก ... ขึ้นสวรรค์ไปเลย ตายๆๆๆๆๆๆ ..... เห็นทางร้านบอกว่าเมนูนี้มีเฉพาะที่ประเทศไทยเท่านั้นด้วย!!!!
ซุปหม้อไฟ
บอกก่อนว่าปกติร้านนี้จะมี 3 ซุป แต่วันนี้เราได้ซุปซีฟู้ด ซึ่งเป็นซุปเพียงแบบเดียวที่จะมาพร้อมกับ ข้าวผัด สาหร่ายและชีส ซึ่งสามอย่างนี้จะไปคลุกตอนสุดท้ายหลังจากน้ำซุปเริ่มเหือดแล้ว (ตรงนี้คาดหวังไว้มาก เพราะตอนไปเกาหลีหลงรักเมนูนี้สุดๆ)
หน้าตาของซุปซีฟู้ดถือว่าดูดีทีเดียว รสชาติดีงาม ไม่หนักเกินไป ให้ความรู้สึกเบาๆ เหมือนซดแกงเลียงฉบับเกาหลี คล่องคอและไม่รู้สึกอ้วนเลย
โดยรวมแล้ว ผักอร่อย เครื่องเยอะและหอยหวานมาก แต่! สำหรับผมแล้ว เหนือฟ้ายังมีฟ้า ทีเด็ดของซุปนี้ที่แท้จริงแล้ว คือ เต้าหู้! เป็นเต้าหู้ที่เข้มข้น นวลเนียนและมี 2 ชิ้นเท่านั้น!! อันนี้ต้องไปตบตีแย่งชิงกันเอาเองนะฮะ ใครเร็วใครได้นะ ฮ่าๆๆๆ
ต่อมาถึงเวลาคลุกข้าวกับซุป (ที่เหลือ) ซักกกที รอเวลานี้มานาน วิธีการทำเหมือนที่เกาหลีเป้ะๆเลย คือเอาข้าวไปจี่ นาบกับกะทะ แล้วโรยด้วยชีส
จังหวะนี้บอกได้เลยว่า รอกิน!
หลังจากที่พนักงานส่งซิกว่าข้าวพร้อมแล้ว เราก็เริ่มตักจากขอบหม้อไล่จนถึงกลางหม้อ รวมๆแล้วแอบผิดหวังนิดหน่อย ที่ข้าวออกมาไม่กรุบแบบ crispy ชีสยังไม่ค่อยละลาย และรสชาติไม่ได้เข้มข้นมาก แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีนะฮะ
ปล. หม้อของโต้ะเรา ความมีความขัดข้องทางเทคนิคเล็กน้อย ทำให้ไม่เดือดเหมือนหม้อคนอื่นๆ ซึ่งเข้าใจว่าถ้าน้ำเดือดปุดๆ อาจจะทำให้ซุปเข้มข้นและข้าวอาจจะอร่อยมากกว่านี้ เราอาจจะดวงกุดกันก็เป็นได้ ฮ่าๆๆ
ปล2. สำหรับสาวๆที่กลัวหัวเหม็น ที่ดูดควันทำหน้าที่ได้ดีนะฮะ ออกมาจากร้านหัวไม่เหม็น ดมพิสูจน์กันมาละจ้า