เอ๊ยเจ้าดอกเอ๋ย เจ้าดอกบุษบก เดี๋ยวก็ย่างเข้าเดือนหก ฟ้าพรำฝนตกอกหนาวเอย~~~ เสียงป้า High Note คนเดิมกลับมาอีกครั้ง บอกให้เรารู้ว่าตอนนี้ใกล้ช่วงสงกรานต์แล้วนะ พอคิดถึงเทศกาลสงกรานต์…ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบเทศกาลนี้เอาเสียเลย ไหนจะน้ำ ไหนจะฝูงชน คิดถึงสภาพนั้นแล้วเลยได้แต่ทำหน้าเบื่อๆ แทน
แต่ไอ้ครั้นจะให้อุดอู้อยู่แต่บ้าน นอนฟังคุณป้าคนเดิมร้องหาเจ้าดอกบุษบกมันก็ใช่ที่ วันนี้เลยอยากเอาใจสายขี้เบื่อ ขอเสียงคนไม่ชอบเล่นน้ำ แล้วพี่ตูน เอ๊ย! แล้วเราจะพาไปหลบร้อนหาที่ผ่อนคลายเพื่อเอาชีวิตรอดในช่วงสงกรานต์ปี 2562 ปีนี้กัน! ที่สำคัญคือเป็นที่เที่ยวในกรุงเทพที่ไม่ใช่แค่มีมุมถ่ายรูปสวยอย่างเดียวแต่ยังน่าสนใจด้วย จะมีที่ไหนน่าถูกใจสายชิลสายกลัวน้ำกันบ้าง ตามมาดูกันเล้ยยย!
1. 101 The Third Place
เปิดตัวด้วยสถานที่ที่ไม่ไปไม่ได้แล้วเพราะกำลังฮอตมากในขณะนี้ อย่าง 101 The Third Place (อ่านว่าวัน-โอ-วัน นะจ๊ะ) คอมมูนิตี้มอลล์เปิดใหม่ที่มีทั้งของกิน ของช็อป สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ กระทั่งคอนโดฯ ยังมีเลยนะ!
ที่นี่เน้นความเป็น Smart City ที่มีทั้งพื้นที่สีเขียวให้นั่งรีแล็กซ์ โซนร้านอาหารของกินก็เยอะ ห้องสมุด คาเฟ่ หรือโซนพิเศษสำหรับน้องหมาก็มีบริการกัน ไลฟ์สไตล์ไม่ต่างอะไรจากญี่ปุ่นเลย ต่างกันนิดหน่อยก็คงเป็นอากาศนั่นแหละ 5555 แต่ชอบอย่างหนึ่งตรงที่ 101 The Third Place ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน มีทั้งการจัดเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ ทางเดินเชื่อมแบบพื้น Pavegen แล้วก็นวัตกรรมล้ำสมัยอีกเยอะแยะเลย เรียกได้ว่าถ้าได้ไปต้องทั้งผ่อนคลายแล้วก็สนุกสนานในเวลาเดียวกันแน่ๆ คอนเฟิร์ม!
ไปยังไงดีนะ?: ลง BTS สถานีปุณณวิถี ออกทางออก 6 และเดินทางเชื่อม Skywalk ออกมาได้เลย
2. หอศิลป์ฯ กรุงเทพ
หลายคนอาจจะบอกว่าเฮ้ย หอศิลป์ฯ ไม่ปิดเหรอช่วงสงกรานต์อ่ะ แน่นอนว่าปิด คือปิดตั้งแต่วันที่ 13 - 16 เมษายน และจะเปิดทำการอีกทีวันพุธที่ 17 เมษายน แต่ตรงนี้ขอหยิบมานำเสนอสำหรับใครที่ได้วันหยุดเพิ่มเติมนอกเหนือจากวันหยุดทั่วไป (อย่างเรา อิอิ) วันที่ทุกคนเริ่มกลับมาทำงานหรือยังเล่นวันไหลกันอยู่ เราก็สามารถใช้ Day off ของเราแวะมาหอศิลป์ได้เลย ข้อดีของมันคือถ้ามาช่วงเวลาแบบนี้คนจะไม่เยอะนี่แหละ ฮิ้วววว
หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับ “หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร” อยู่แล้ว ที่นี่นอกจากจะมีนิทรรศการศิลปะจัดหมุนเวียนกันไปตลอดทั้งปียังมีร้านกาแฟดีๆ ให้นั่ง มีห้องสมุดเล็กๆ ให้หาหนังสืออ่าน มีร้านขายงานอาร์ตดีๆ ให้เลือกอีกต่างหาก มุมถ่ายรูปก็สวย เดินทางก็สะดวก เรียกได้ว่ามาแค่ที่นี่ที่เดียวก็ตอบโจทย์เราได้รอบด้าน เพราะงั้นใครสนใจอย่าลืมแวะมานะ ไม่แน่เราอาจได้เจอกันก็ได้ หุหุ
ไปยังไงดีนะ?: ลง BTS สถานีสนามกีฬาแห่งชาติได้เลย มีทางเชื่อมเข้าหอศิลป์สะดวกม๊ากกกก
3. ชุมชนกุฎีจีน
ที่นี่ถือเป็นอีกหนึ่ง My favourite เลยแหละ มาแล้วคุ้มค่ามากๆ เพราะมาที่เดียวแต่จะได้ไปเที่ยวแบบ 3 ประเทศ ทั้งไทย จีน และโปรตุเกส ที่นี่มีวัดไทยอย่างวัดกัลยาณมิตรที่พอไหว้พระขอพรเสร็จเราก็เดินเลียบริมน้ำเจ้าพระยาไปทางขวามือ จะเจอศาลเจ้าเกียงอันเกง ศาลเจ้าที่เก่าแก่เป็นอันดับต้นๆ ของฝั่งธนบุรี ขอพรเจ้าแม่กวนอิมเสร็จเดินต่อไปทางเดิมก็จะเจอโบสถ์สไตล์นีโอคลาสสิกผสมเรอเนซองส์อย่างโบสถ์ซางตาครู้สให้แชะภาพเล่นสนุกไปเลย เห็นมั้ยว่ามาที่เดียวได้เจอหลายประเทศเลยนะ ที่สำคัญคือเดินไม่ไกลด้วยจะบอกให้
ยัง...ยังไม่จบแค่นั้น บอกแล้วว่าเราต้องมาที่เดียวแต่เก็บประสบการณ์ให้ครบ วันหยุดสงกรานต์เราไม่เล่นน้ำเราก็ต้องเที่ยวอย่างคุ้มค่า! ชมโบสถ์ซางตาครู้สกันแล้วอย่าลืมเดินไปด้านหลังโบสถ์แล้วเดินเข้าซอยเล็กๆ ทางขวามือ เดินเข้าไปไม่ไกลจะเจอพิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน ที่นี่เจ้าของเค้าเปิดให้เป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าความเป็นมาของชุมชนชาวสยาม-โปรตุกีสที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา บอกเลยว่าสวยมากๆๆๆๆ (ไม้ยมกหมดโลก) ใครชอบถ่ายรูปต้องชอบที่นี่แน่นอน ส่วนด้านล่างเค้าเปิดเป็นคาเฟ่และขายของที่ระลึกให้เราชิมเราช็อปกันได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือที่นี่...เข้าฟรีจ้า ดีไปอีกกกก
ไปยังไงดีนะ?: ลง BTS สถานีสะพานตากสินแล้วนั่งโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยาลงท่าราชินิหรือท่าปากคลองตลาดก็ได้ จากนั้นนั่งเรือข้ามฟากไปท่าน้ำวัดกัลยาฯ แวบเดียวถึง
4. ศาลเจ้ากวนอู คลองสาน
อย่าเพิ่งบ่นว่าทำไมพามาสถานที่ดูแก่จัง เอาจริงคือที่นี่แม้จะเก่าแก่แต่วิวดีมาก! นอกจากวิวดีแล้วยังเงียบสงบอีกต่างหาก เกริ่นก่อนแล้วกันว่าศาลเจ้ากวนอูสาขาคลองสานเป็นศาลกวนอูอิมพอร์ตจากจีนแผ่นดินใหญ่สมัยราชวงศ์ชิง เป็นศาลเจ้ากวนอูที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย! ป้ายศาลยังเป็นสมัยที่เขียนว่าจังหวัดธนบุรีอ่ะ เก่าแก่ขนาดไหนคิดดูแล้วกัน
ทีนี้พอเราขอพรเสร็จแล้วเดินออกมาจะเจอเก๋งจีนทั่งง่วนฮะที่เคยเป็นโรงน้ำปลาเก่าแก่ ตรงข้ามกับศาลเจ้าคือเก๋งจีนริมน้ำ ตรงนี้แหละที่วิวดี ซัมเมอร์โซฮอตแบบนี้นั่งรับลมริมแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมฉากหลังแบบจีนจ๋านี่มันมีความสุขที่สุดแล้ว ที่สำคัญสถานที่นี้เงียบสงบเหมาะจะใช้เวลากับตัวเองมากๆ อ้อ! ข้างๆ กันยังมีคาเฟ่ที่เป็นบ้านไม้อายุกว่า 90 ปีชื่อร้านว่า “บ้านอากงอาม่า” ให้หาอะไรเบาๆ ใส่ท้องระหว่างชมวิวริมน้ำด้วย
ไปยังไงดีนะ?: ไปได้หลายทางแต่อาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าที่อื่นๆ เอาเป็นว่าขอแนะนำให้ลง BTS สถานีสะพานตากสินแล้วนั่งโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยาลงท่าราชวงศ์ จากนั้นนั่งเรือข้ามฟากไปท่าดินแดง ต่อวินหรือแท็กซี่ไปอีกนิดก็ถึงคร้าบบบ
5. วัดอรุณฯ
มาต่อกันที่สถานที่ที่เรียกได้ว่าใครไม่เคยไปคือเอ้าท์มาก มนุษย์วัยทีนเอจของไทยแลนด์ต้องมีรูปโพรไฟล์ที่มีฉากหลังเป็นวัดอรุณฯ ไม่งั้นเอ้าท์ เฉพาะเพื่อนเราก็ใช้รูปโพรไฟล์แบบนี้หลายคนแล้วอ่ะ 55555 วัดอรุณฯ หรือวัดแจ้งนี่ไปได้ไม่เบื่อจริงๆ ที่สำคัญคนไทยเข้าฟรีมันดีตรงนี้แหละ
แม้อากาศจะร้อน แดดจะแรง แต่เชื่อเหอะว่าตอนขึ้นไปด้านบนลมจะพัดเย็นมากๆ ที่สำคัญถ่ายรูปออกมาสวยทุกรูป คอนทราสต์สุดๆ ยิ่งกว่านั้นคือเยี่ยมเยียนยักษ์วัดแจ้งเสร็จแล้วเรายังสามารถนั่งเรือข้ามฟากไปเยี่ยมยักษ์วัดโพธิ์ได้ด้วย กระซิบนิด...ได้ยินมาว่าขอพรความรักกับพระนอนวัดโพธิ์แล้วศักดิ์สิทธิ์มากๆ นะ ยังไงแวะไปลองกันได้นะทุกคน ได้ผลยังไงมาบอกกันด้วยล่ะ
ไปยังไงดีนะ?: ลง BTS สถานีสะพานตากสินแล้วนั่งโดยสารเรือด่วนเจ้าพระยา เรือจะจอดให้ลงที่ท่าวัดอรุณได้เลยจ้ะ
6. Floral Cafe' at Napasorn
แวะมาฝั่งพระนครแล้วก็ขอปิดท้ายด้วยร้านน่านั่งประดับดอกไม้สไตล์วินเทจที่เพิ่งไปมาละกัน ร้านนี้มีกลิ่นอายแบบยุโรป คุมโทนด้วยสีเอิร์ธโทนของเฟอร์นิเจอร์ไม้ ประดับประดาด้วยต้นไม้ดอกไม้และของวินเทจทั้งหลายทั้งปวงประหนึ่งหลุดเข้ามาในวันเดอร์แลนด์ยังไงยังงั้น
มาแล้วก็ต้องกิน... ที่นี่เค้ามีทั้งชากาแฟ โฮมเมดเบเกอรี่และไอศกรีมคุณภาพให้เราได้ลิ้มลองกันมากมาย รสชาติเข้มข้นไม่จกตา นั่งจิบชาไปชมบรรยากาศภายในร้านไป มโนว่าซัมเมอร์นี้ฉันคือมารีอ็องตัวเน็ตก็ได้ไม่มีใครว่า เชื่อเถอะใครมาร้านนี้ต้องยกมือถือถ่ายรูปทุกคนแน่ๆ เพราะดีไซน์ร้านเก๋มาก ถือเป็นการปิดท้ายภารกิจหนีน้ำของชาวดอยผู้ไม่เอนจอยกับสงกรานต์ได้อย่างอิ่มอกอิ่มใจสุดๆ
ไปยังไงดีนะ?: ตัวร้านอยู่บนถนนจักรเพชร เขตพระนคร แถวปากคลองตลาด นั่งรถเมล์มาก็ได้นะ