มีเรื่องให้ตื่นเต้นตลอดจริง ๆ สำหรับวงการตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปีนี้ ถือเป็นช่วงท้าทายตลาดที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม ประกอบกับกฎระเบียบนโยบายกำกับดูแลสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย อีกทั้งภาษีที่ดิน อาจกระทบผู้ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า ทำให้ผู้ประกอบการปรับแผนลงทุน

 

         ซึ่งบอกเลยว่าทั้งหมดทั้งมวลนั้นก็มีปัจจัยลบกระทบตลาดอสังหา ริมทรัพย์ค่อนข้างมาก ทั้งภาวะเศรษฐกิจ ภาษีที่ดิน ทั้งนี้ที่รุนแรงมาก คือการวางดาวน์ที่สูงขึ้นจากมาตรการแบงก์ชาติ

 

         อย่างไรก็ตาม แม้บางโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสมมีศักยภาพ ราคาขายสามารถเข้าถึงได้ แต่กำลังซื้อมีจำกัด ดังนั้นการพัฒนาโครงการ จึงต้องปรับให้เกิดความสมดุล ระหว่างดีมานด์-ซัพพลาย

 

         อีกหนึ่งจุดที่พลิกเป็นจุดเปลี่ยนตลาดก็เมื่อมาตรการ LTV มีผลบังคับใช้ บรรดาโครงการต่าง ๆ ก็ต้องเพิ่มเงินดาวน์สูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ซื้อได้รับผลกระทบขณะสต๊อกยังเหลือพอสมควร การเปิดโครงการใหม่ต้องชะลอออกไป

 

         มากกว่านั้นจากการวิเคราะห์ ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่าคอนโดฯ ต่ำกว่า 2 ล้านบาทเหลือขายมากที่สุด 38% ตามด้วยราคาระหว่าง 2-3 ล้านบาท สัดส่วน 28% ทำให้ผู้ประกอบการปรับแผนธุรกิจบนพื้นฐานของความระมัดระวังมาก

 

         เช่นเดียวกับกลุ่มซื้อลงทุนปล่อยเช่า จากปัจจัยกดดันต่างๆอาทิ เงินลงทุนเริ่มต้นที่สูงขึ้น โดย LTV กำหนดให้ผู้ที่ซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 จำเป็นต้องเพิ่มเงินดาวน์จาก 10% ของราคาที่อยู่อาศัย เป็น 20 หรือ 30% โดยต้องใช้เงินลงทุนที่มาก กว่าเดิมถึง 2-3 เท่าตัว

 

         โดยสรุปตลาดคอนโด มิเนียมปี 2562 เผชิญความท้าทายรอบด้าน ทำให้ผู้ประกอบการเพิ่มความสำคัญกับการปรับกลยุทธ์บางส่วนมากขึ้น เพื่อที่จะสามารถสร้างยอดขายจากความต้องการที่ยังเหลืออยู่ในตลาด ใครที่สนใจซื้อโครงการถ้าไม่รีบก็รอหน่อย เพราะมีกลยุทธ์ใหม่ ๆ มาเย้ายวนใจแน่นอนจ้าาา