ถ้าถามเหตุผลในการเลือกทำเลที่อยู่อาศัย เชื่อว่าหลายๆคนคงจะตอบเป็นเสียงเดียวกันแน่ๆว่า “ขอเป็นที่ที่เดินทางสะดวกหน่อยแล้วกัน” ดังนั้นที่ไหนเดินทางสะดวกที่นั่นก็มีคนไปกระจุกตัวกันอยู่เยอะ เอาจริงๆ ส่วนตัวคิดว่าเหตุผลนี้สามารถหยิบยกมาได้ทุกยุคทุกสมัย ก็เดินทางง่าย ใกล้ที่ทำงาน ถนนตัดผ่าน ใครจะไม่ชอบ?
แต่ล่าสุดพลัส พร็อพ เพอร์ตี้ เค้าเผยผลสำรวจมาว่า ในปัจจุบันที่อยู่อาศัยด้านชานเมืองกลับมานำเทรนด์อีกครั้งเพราะอะไร? คำตอบง่ายๆเหมือนที่เกริ่นไว้ตอนต้นเลยว่า ตอนนี้ทำเลชานเมืองขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยหนุนด้านการพัฒนาระบบคมนาคมอย่างรวดเร็ว มีความพร้อมรอบด้านซึ่งในข้อมูลเค้าบอกข้อมูลระหว่างปี 2559 - 2561 อัตราการเติบโตของความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเขตชานเมืองมีเพิ่มขึ้นมากกว่าเขตในเมือง โดยพื้นที่สีเหลือง (ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นน้อย) ขยายตัวเป็นอันดับหนึ่งราว 10% รองลงมาคือ พื้นที่สีส้ม (ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง) ขยายตัว 5% ขณะที่พื้นที่สีน้ำตาล (ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก) และพื้นที่สีแดง (ที่ดินเพื่อพาณิชยกรรม) มีอัตราการขยายตัวลดลง 4.5% และ 4.1% ตามลำดับ
ซึ่งพื้นที่สีเหลืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในพื้นที่กรุงเทพฯนั้นได้แก่ โซนมีนบุรี-บางกะปิ โดยเฉพาะในเส้นกรุงเทพกรีฑา โซนสายไหม-สะพานใหม่ และโซนบางใหญ่-นนทบุรี เพราะมีรถไฟฟ้าหลายสายตัดผ่าน บ้านเดี่ยว พบว่าย้อนหลังไป 3 ปีก่อนเติบโตเพิ่มขึ้นเกือบ 10%ราคาเสนอขายเฉลี่ยประมาณ 15 ล้านบ้านต่อหลัง ในปี 2561 คิดเป็นยอดขาย30% สำหรับคอนโดมิเนียมมีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 66% จากปีที่แล้ว โดยโซนนี้มีความโดดเด่นเรื่องทำเลที่อยู่ไม่ไกลจาก CBD มากนัก และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยเฉพาะในเส้นกรุงเทพกรีฑาที่มีทั้งสถานศึกษา โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ มีสวนสาธารณะและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะกับการอยู่อาศัย และมีปัจจัยบวกด้านคมนาคมมีถนนสายหลักตัดใหม่ ใกล้ทางด่วนเชื่อมต่อการคมนาคมทุกเส้นทาง เชื่อมต่อเส้นทางรถไฟฟ้าในอนาคตได้ถึง 3 สาย คือสายสีเหลือง สายสีส้ม และสายสีแดงอ่อน รวมทั้งแอร์พอร์ต เรล ลิ้งก์ จึงเป็นปัจจัยสนับสนุนที่เอื้อให้โซนนี้เป็นทำเลที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ในอนาคต
โซนสายไหม-สะพานใหม่ ดีมานด์ตอบรับค่อนข้างสูง การคมนาคมหลากหลายทั้งการเดินทางด้วยรถยนต์ มีทางด่วนสามารถเชื่อมเข้าเมือง และมีรถไฟฟ้าตลอดเส้นทาง ในส่วนของบ้านเดี่ยว มีอุปทานเสนอขายจำนวน 771 ยูนิต อุปสงค์ให้การตอบรับจำนวน 466 ยูนิต หรือคิดเป็นยอดขาย60% ในส่วนของคอนโดมิเนียมมีอุปทานเสนอขายจำนวน 233 ยูนิต อุปสงค์ให้การตอบรับจำนวน 189ยูนิต คิดเป็นยอดขาย 80%
โซนบางใหญ่-นนทบุรี โซนนี้ราคาที่ดินยังไม่สูงมากหากเปรียบเทียบกับทำเลอื่น มีรถไฟฟ้าสายสีม่วงซึ่งหากเดินทางเข้าเมืองจะเป็นสถานีต้นทาง และมีทางด่วนศรีรัชที่เชื่อมวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันตก โดยโครงการที่เสนอขายส่วนใหญ่เป็นโครงการบ้านเดี่ยว โดยคอนโดมิเนียมไม่ได้รับความนิยมเท่าใดนัก สำหรับบ้านเดี่ยว มีอุปทานเสนอขายจำนวน 1,270 ยูนิต อุปสงค์ให้การตอบรับ 697 ยูนิต หรือคิดเป็นยอดขาย 55% ในส่วนของคอนโดมิเนียมมีอุปทานเสนอขายจำนวน 570 ยูนิต อุปสงค์ให้การตอบรับจำนวน 77ยูนิต คิดเป็นยอดขาย 14%
สุดท้ายนี้ คุณสุวรรณี มหณรงค์ชัย จาก พลัส พร็อพเพอร์ตี้ฯ ยังได้กล่าวอีกว่า "ท่ามกลางการขยายตัวของความเป็นเมือง ที่ประชากรส่วนใหญ่ต่างต้องการความสะดวกในการเดินทางมาทำงานในเขตศูนย์กลางธุรกิจ เหตุผลดังกล่าวประกอบกับพื้นที่การพัฒนาโครงการมีน้อยลง (หรือมีอยู่จำกัด) ส่งผลให้ที่ดินย่านกลางเมืองมีราคาสูงจนคนส่วนใหญ่เข้าถึงได้ยาก การย้ายครอบครัวไปอยู่ย่านชานเมืองจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยมีเหตุผลประกอบคือต้องการมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเลี้ยงดูบุตรหลาน มีโรงเรียนที่มีคุณภาพ สวนสาธารณะที่ดี และมีสังคมที่น่าอยู่ รวมทั้งในตอนนี้มีการพัฒนาเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมต่อเข้าสู่ตัวเมืองด้วยทางเลือกที่หลากหลายขึ้น นอกจากนี้แหล่งงานใหม่ๆก็เริ่มขยายไปสู่พื้นที่ในแถบชานเมือง จึงดึงดูดให้ผู้คนหันมานิยมที่อยู่อาศัยย่านชานเมืองมากขึ้น”