ต้องยอมรับจริงๆ ว่าคอนโดทำเลติดบีทีเอสนี่โอกาสรุ่งสูงกว่าพวกมากๆ โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่รักความสะดวกสบายในการเดินทาง
เพราะงั้นเหล่าดีเวลลอปเปอร์ทั้งหลายเลยผุดโครงการติดบีทีเอสกันให้เพียบ จนกระทั่งทำเลทั้งหลายถูกแย่งชิงกันหมด เบียดเสียดกันจนไม่มีที่ บางแห่งนี่อึดอัดคับแน่นเหมือนคนกินชานมไข่มุกสามแก้วติด
ทีนี้ต้องทำไง? ก็ต้องเดินหน้าหาทำเลใหม่ที่มีโอกาสจะเป็นทำเลศักยภาพในอนาคตน่ะสิ
สุดท้ายหวยเลยมาตกอยู่ที่บีทีเอสสายที่จะเปิดให้บริการในอนาคตทั้งหลาย ทั้งสายสีเขียว สายสีทอง สายสีชมพู หลากหลายสีสันเห็นแล้วชวนให้คิดถึงขนมรวมมิตร
แต่วันนี้ขอพุ่งไปที่รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต-สะพานใหม่-คูคตแล้วกัน กับโครงการใหม่ของทาง “แสนสิริ” ปักหมุดอยู่ที่บีทีเอสสถานีสายหยุด หยุดหยุดชีวิต หยุดกับคนนี้~ เฮ้ยยย ไม่ใช่ละ
แล้วโครงการสายหยุดฉุดหัวใจจะตอบโจทย์คนกลุ่มไหน เลื่อนลงไปอ่านได้ ณ บัดนาวเลยครับ
โครงการที่เราจะพูดถึงนี้มีชื่อว่า “The Base สะพานใหม่” สำหรับการเดินทางมาก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก เน้นการยิงยาวลูกเดียว แต่อาจจะยาวไปหน่อยเพราะตอนนี้สถานีสายหยุดฉุดใจยังไม่เปิดให้บริการ เลยต้องใช้ขนส่งสาธารณะอื่นๆ หรือใช้รถส่วนตัวกันก่อน
ใครอยากประหยัด นั่งรถเมล์มาลงก็ได้ไม่ลำบากอะไร สะดวกสุดก็นั่งบีทีเอสก่อนละกัน มาลงที่สถานีหมอชิต (ซึ่งสถานีนี้ก็จะมีทั้งรถเมล์ รถตู้ และแท็กซี่ให้เลือกใช้บริการกัน) จากนั้นรอรถเมล์ที่จะผ่านไปแถวนั้นได้เลย
ป้ายรถเมล์ที่นี่บอกสายด้วยว่าสายไหนผ่านตรงไหนบ้าง สะดวกมาก รู้สึกชอบใจในอะไรแบบนี้ ได้แต่พนมมือหวังให้ทำป้ายแบบนี้ทุกสาย จะได้ไม่ยุ่งยากมึนงงเวลาจะตัดสินใจกระโดดขึ้นรถเมล์คันไหนสักคัน
ส่วนรถเมล์สายที่จะผ่านไปแถวสะพานใหม่ก็มีสามสายด้วยกัน คือ 32, 39 และ 503 เลือกคันที่ชอบ คันที่ใช่ แล้วแย่งชิงผู้คนกระโดดขึ้นไปเลย!
ระยะทางจากบีทีเอสหมอชิตถึงตัวโครงการกินไปร่วมๆ 13 กิโลเมตร นั่งรถไปก็ใช้เวลาประมาณ 26-27 นาที บวกลบการจราจรบนท้องถนนแล้วก็ตีรวมๆ ไปเลยว่าครึ่งชั่วโมงก็ได้ แต่ว่าพอถึงแล้วสังเกตุทางขวามือดีๆ ไม่งั้นจะเลย หรือไปลงตรง Big C ที่ห่างไปประมาณ 600 เมตรก็ได้ครับ แล้วเดินข้ามสะพานลอยวกกลับมา จะได้ไม่ต้องเสี่ยงกับการข้ามถนนที่วุ่นวาย เพราะเดี๋ยวก่อนจะได้เข้าชมโครงการจะได้ไปชมโรงพยาบาลซะก่อน
โครงการตั้งอยู่ติดกับถนนพหลโยธิน ไม่ไกลจากวงเวียนหลักสี่ หาง่ายครับ
ระหว่างที่มองซ้ายมองขวาสำรวจรอบด้านเนี่ย ก่อนถึงโครงการผมแอบเห็น Tesco Lotus ด้วยล่ะ เรียกว่าโครงการนี้ถูกขนาบด้วย Tesco Lotus และ Big C เลยก็ว่าได้ แต่ถ้าวัดจากระยะทางแล้ว ฝั่งหลังจะใกล้กว่า
นอกจากนั้นยังมีไปรษณีย์ไทยเปิดอยู่ใกล้ๆ กันด้วย ใครชอบซื้อขายของออนไลน์น่าจะชื่นชอบกัน (แต่ถ่ายรูปออกมาดีๆ ไม่ได้เลย สายไฟเยอะแยะวุ่นวายมาก 5555 คุกเข่าคารวะขออภัย)
ก่อนถึงตัวโครงการผมเห็นว่ามีโรงพยาบาลด้วย เป็นโรงพยาบาลเซ็นทรัล เยนเนอรัล มองเข้าไปรู้สึกว่าค่อนข้างใหญ่ทีเดียว เอาล่ะ ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างน้อยก็โล่งใจได้แล้วว่าใกล้โรงพยาบาลแน่ๆ แต่ไข้ใจไม่รู้ว่าหมอจะรับรักษามั้ยนะครับ หุหุ
ตัวโครงการตั้งอยู่ติดกับบีทีเอสสายหยุดเลยแหละ ถือว่าสวยเก๋มากๆ แต่ช่วงนี้อยากให้ระมัดระวังเรื่องการเดินทางนิด เพราะบีทีเอสยังไม่พร้อมใช้งานเนอะ ยังก่อสร้างกันอยู่ เพราะงั้นก็เดินระวังกันดีๆ เดี๋ยวเผลอไปเหยียบอะไรต่อมิอะไรเข้าแล้วจะแย่
มาถึงหน้าโครงการ มันค่อนข้างจะให้บรรยากาศแบบ “อื้อหืออออ” อยู่สักหน่อย เพราะใกล้บีทีเอสมากๆ ทางเข้าออกของตัวโครงการเรียกว่าแทบจะชิดกับกับทางขึ้นลงบันไดเลื่อนของบีทีเอสเลย
วันที่ผมไปแน่นอนว่าโครงการยังสร้างไม่เสร็จหรอก แต่ตัวสำนักงานขายเขาตั้งเรียบร้อยแล้ว ตกแต่งประทับใจสไตล์แสนสิริเช่นเคย ยิ้มแย้มทักทายกับพี่เซลส์คนสวยแล้วก็ได้ฤกษ์เดินเข้าไปชมห้องตัวอย่างอยู่บนชั้นสองทันที
ที่นี่จะมีห้องตัวอย่างให้ดูสองขนาด นั่นคือแบบ 1 Bedroom ขนาด 27.75 ตร.ม. กับ 1 Bedroom ขนาด 34.25 ตร.ม.
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 27.75 จะเป็นไทป์ขนาดที่มีเยอะที่สุดในโครงการครับ เฟอร์นิเจอร์ในห้องจะเป็นแบบ Fully Furnished แต่งครบพร้อมอยู่แบบมาตรฐานไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า (โดนใจผมมาก) แถมยังเป็นครัวปิดแบบมีกระจกกั้น ส่วนตัวผมชอบแบบนี้มากเพราะคิดว่ามันแบ่งเป็นสัดส่วนดี ไม่ดูปะปนกันเกินไป ส่วนระเบียงมาแบบน้อยๆ ขนาดมาตรฐานก็ว่าได้ พอให้ตากผ้าตากผ่อนครับ
ต่อมาเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.25 ตร.ม. เข้ามาห้องนี้ผมว้าวมาก มันเป็นห้องแบบแสนสิริสไตล์แท้ๆ เลยแหละ คือมีความเนี้ยบในทุกอณู ตัวนี้ห้องตัวอย่างจะมีบานกระจกกั้นในส่วนของครัวกับห้องนอน แต่ว่าของจริงจะเอาแถบกระจกนี้ออกครับเพื่อให้ได้ Living area ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม อีกส่วนหนึ่งของห้องไทป์นี้ที่ว้าวคือระเบียง ระเบียงไม่กว้าง แต่ยาวมาก! ยาวกว่ามาตรฐานคอนโดทั่วไปในความคิดผมเลยแหละ
ลืมบอกไป ตัวโครงการนี้มีทั้งหมด 820 ยูนิต 1 อาคาร 2 ทาวเวอร์ โดยสำนักงานขายส่วนนี้ในอนาคตจะเปลี่ยนเป็นคลับเฮ้าส์สไตล์กรีนๆ เพื่อเอาใจลูกบ้าน นอกจากนี้ส่วนกลางของที่นี่จะเปิด 24 ชั่วโมงด้วยนะ
ลองถามดูว่าทำไมต้องเปิด 24 ชั่วโมง ผมก็ได้คำตอบที่ทำให้ถึงบางอ้อมาว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ของโครงการนี้จะเป็นกลุ่มคนทำงานจำพวกพนักงานสนามบินหรือหมอ การสร้างส่วนกลางที่เปิด 24 ชั่วโมงเลยจะตอบโจทย์ของกลุ่มคนทำงานไม่ตรงเวลามากที่สุด
ส่วนเรื่องอาหารการกิน ผมเสริมนิดหนึ่งว่านอกจากซูเปอร์มาเก็ตทั้งหลายแล้วที่นี่ก็มี 7-11 ให้ซื้อสินค้าด้วย เป็น 7-11 ในปั๊มน้ำมันใกล้กันครับ แล้วระหว่างทางเดินก็มีร้านขายของกินเยอะแยะเลย ข้าวหรือผลไม้ก็มีขายเรื่อยๆ ห่างออกไปมีตลาดอยู่ในซอยสายหยุด สรุปเลยว่าเรื่องปากท้องไม่ต้องห่วงแล้ว
โครงการนี้มีแพลนสร้างเสร็จช่วยเดือนกันยา 63 เวลาแล้วเสร็จใกล้เคียงกันกับรถไฟฟ้าสายนี้เลยครับ ดังนั้นการเดินทางของลูกบ้านน่าจะสะดวกสบายขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะแน่ๆ คนไม่มีรถยนต์ส่วนตัวหรือชื่นชอบการใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางน่าจะถูกใจ
สุดท้าย... และท้ายสุด ใครอยากได้มาจับจอง อยากได้รายละเอียดเพิ่มเติม ก็คลิกได้
ตรงนี้ เลยครับผม