หมีกลับมาอีกแล้ววว และครั้งนี้หมีกลับมาพร้อมทริคดีๆ ที่ทุกคนสามารถทำไปใช้ได้แน่นอน เชื่อใจหมีการันตีด้วยป้ายติดดอย 5555
และวันนี้ขอพาทุกคนไปพบกับทริคการจัดไฟเพื่อให้แสงเข้ากับบรรยากาศในห้องก็แล้วกัน หลายคนอาจมองว่านี่เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หมีจะบอกให้ว่ามันก็เหมือนกับการแต่งตัวของคนเราน่ะแหละ บางคนใส่กางเกงห้าส่วนเหมาะ บางคนใส่ไม่เหมาะ บางคนใส่เชิ้ตแล้วดูดี บางคนก็ไม่ เพราะงั้นห้องของเราก็เหมือนกันครับผม ห้องครัวควรจัดแสงแบบนี้ ห้องนอนก็จัดอีกอย่างหนึ่ง นอกจากจะดูเหมาะสมแล้วยังช่วยเพิ่มบรรยากาศของห้องได้อีกด้วยนะ
เกริ่นมาเยอะแล้ว ทุกคนคงจะอยากบอกว่าอย่าพูดมากเลย รีบบอกๆ มาเถอะ โอเค...งั้นหมีจะสังคายนาให้ฟังเดี๋ยวนี้แหละครับ (จะพูดถึงห้องหรือจะเทศน์ให้ฟังกันแน่เนี่ย 55555)
ห้องครัว
พูดถึงห้องครัวก็ต้องนึกถึงความสว่าง ถ้าใช้ไฟสลัวๆ แบบเหลืองมาเชียวงี้คงได้หั่นนิ้วตัวเองแทนหั่นผักเข้าสักวัน เพราะฉะนั้น เคาน์เตอร์ครัวจึงควรจัดแสงสว่างให้เหมาะสมสำหรับการควงตะหลิวหรือล้างจานทำความสะอาดภาชนะ ปกติแล้วเรามักจะใช้หลอดไฟฟลูออเรสเซนท์ธรรมดา แต่ยังไงลองใช้ไฟดาวน์ไลท์ติดตรงตู้เพื่อเพิ่มบรรยากาศภายให้ครัวก็ได้นะ
นอกจากนี้ถ้าใครอยากให้ห้องดูมีสีสัน เพราะเราเป็นคนสมัยใหม่ เป็นวัยรุ่นผู้ชื่นชอบความร่าเริงวิ้งๆ เราก็อาจจะซื้อโคมไฟแบบที่ตัวโคมมีสีมาใช้ก็ได้ แต่ถ้าใครอยากได้ครัวแบบหรูๆ แนะนำให้ติดโคมไฟแบบฟลัชเม้าท์ ออกมามันก็จะหรูๆ หราๆ ระยิบระยับวิบวับหน่อย แต่อย่าลืมว่าหัวใจหลักของการเลือกไฟในห้องครัวคือความสว่าง ดังนั้นเวลาเลือกซื้อก็อย่าลืมดูปริมาณแสงไฟให้เหมาะสมด้วยนะคร้าบบ
ห้องนั่งเล่น
ห้องที่เป็นหน้าเป็นตาของเจ้าของคอนโดหรือเจ้าของบ้านก็คือห้องนั่งเล่นนี่แหละ นอกจากจะเป็นพื้นที่รับแขกแล้วยังเป็นพื้นที่ที่ใช้ทำกิจกรรมหลายอย่าง จะดูทีวี ฟังเพลง นอนเอกเขนกอ่านหนังสือ บางครั้งเอาขนมมากินตรงนี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นการใช้แสงไฟในพื้นที่บริเวณนี้จึงไม่มีตายตัว พี่หมีมองว่าเลือกให้เหมาะกับบุคลิกของตัวเองหรือไม่ก็บรรยากาศแบบที่เราอยากได้ดีกว่า
ส่วนมากแล้วห้องนั่งเล่นมักจะติดโคมติดเพดานบิ๊กๆ ตรงกลางห้องเพื่อให้แสงสว่างกระจายไปทั่วพื้นที่ พี่หมีมีทริคนิดหนึ่งคือถ้าอยากสร้างเลเยอร์ให้ไฟเราสามารถเลือกได้ว่าจะติดตั้งโคมไฟไว้ระดับไหน ถ้าใช้โคมยกสูงห้องจะดูกว้างขึ้น ถ้าแขวนต่ำๆ ก็จะทำให้ห้องดูแคบลงและมีความ Cozy ดีทีเดียว แต่นอกจากนั้นถ้าเราอยากเน้นแสงตรงไหนเพิ่มเติมก็สามารถติดตั้งโคมไฟเฉพาะจุดได้นะ อย่างโคมไฟตั้งพื้นใกล้โซฟา ไฟส่องรูปภาพ หรือไฟที่ซ่อนอยู่ในชั้นวางของ ก็จะทำให้ห้องดูมีดีเทลขี้นเยอะเลย
ห้องนอน
มาพูดถึงพื้นที่ส่วนตั๊วส่วนตัวของเราอย่างห้องนอนกันบ้างดีกว่า ห้องนอนคือสถานที่ที่ทำให้เราผ่อนคลาย ดังนั้นการเลือกใช้ไฟควรเลือกแบบที่มีความนุ่มละมุน โดยอาจจะเลือกใช้โคมไฟติดเพดานหรือห้อยเพดาน เพิ่มความโมเดิร์นด้วยการติดโคมไฟแบบเฉพาะพื้นที่สำหรับใช้อ่านหนังสือด้วยก็ดี แต่ตรงนี้ต้องเลือกโคมที่ให้ความสว่างเพียงพอจะได้ไม่ทำให้ดวงตาเราเสีย หมีเป็นห่วง
นอกจากนี้โคมไฟติดหัวนอนสมัยนี้มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบหลากหลายดีไซน์เลยแหละ ตรงนี้ก็สามารถเลือกหากันได้ตามใจสั่งมา เพราะดีไซน์ของโคมไฟที่ใช้นั้นนอกจากจะให้ความสว่างเพิ่มบรรยากาศดีๆ ให้กับห้องนอนแล้ว ยังเป็นการทำให้ห้องเราดูมีสไตล์มากขึ้นอีกด้วย
ห้องน้ำ
สำหรับการใช้ไฟในห้องน้ำ อย่างแรกที่แวบเข้ามาในหัวของพี่หมีคือ เพราะเราเป็นคนหน้าตาดี ดังนั้นเวลาเข้าห้องน้ำก็ต้องอยากเช็คความดูดีของตัวเอง เพราะงั้นการติดตั้งโคมไฟบริเวณกระจกในห้องน้ำสมควรเป็นหลอดไฟแบบบาร์ ติดไว้เหนือกระจกเงา และใช้ไฟโทนสีขาวแบบ Daylight จะทำให้แสงส่องลงมาได้ดียิ่งขึ้น
ส่วนพื้นที่บริเวณที่อาบน้ำ ควรใช้โคมไฟแบบติดผนังดีกว่า หรือจะเลือกโคมไฟแบบบาร์ก็เข้าท่านะ แต่อย่าลืมเด็ดขาดว่าการได้รับแสงสว่างที่เพียงพอจะช่วยให้ห้องน้ำของเราไม่อับชื้น ดูสะอาดปราศจากแบคทีเรีย แล้วก็ไม่รู้สึกอึดอัด ดังนั้นหากเราอยู่บ้านไม่ใช่คอนโดก็อาจจะทำห้องน้ำให้รับแสงธรรมชาติได้ด้วยก็จะดีมากเลย
เห็นมั้ยว่าการจัดแสงไฟและการเลือกใช้โคมไฟในคอนโดหรือบ้านของเราไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรเลย แค่เลือกให้เหมาะสมกับกิจกรรมที่ทำ พิจารณาถึงความสว่างที่ต้องการในพื้นที่นั้นๆ แค่นี้เอง! พี่หมีมองว่าการจัดแสงไฟในห้องนี่เป็นเรื่องเล็กน้อยที่หลายคนมักมองข้าม ดังนั้นใครที่เลือกใช้ไฟแบบผิดๆ อยู่ หาเวลาเหมาะๆ เปลี่ยนไฟในห้องดู แค่นี้บรรยากาศในห้องของทุกคนก็จะดีขึ้นแล้ว
เฮ้อ...พี่หมีส่งท้ายได้มีสาระจริงๆ ยังไงวันนี้ก็ขอลาไปก่อนแล้วกันครับ คราวหน้าจะมีเทคนิคดีๆ อะไรมาฝากกันนั้นก็ปูเสื่อรอได้เลยจ้า
Photo Credit: Pinterest.com