เมื่อไม่กี่เดือนก่อนผมได้รับโจทย์ใหม่จากพี่ที่สนิทคนนึง ให้ช่วยมองหาที่พักให้ลูกเค้าซึ่งจะมาเรียนแถวดุสิต
ตัวผมเองเป็นคนที่ชอบลงทุนคอนโดมากกว่าเช่าอยู่แล้ว ก็เลยโน้มน้าวใจพี่แกไปว่าให้ลงทุนดีกว่า ได้ที่อยู่ยาวๆ ไม่เสียเงินรายเดือนไปฟรีๆ บลา บลา บลา
จนพี่แกไม่รู้ไปแอบดูโครงการเองตอนไหน สุดท้ายส่งชื่อโครงการ "BRIX CONDOMINIUM Charan 64" มาให้ผมช่วยสำรวจให้หน่อยว่าโอเคมั้ย... ผมเลยขอถือโอกาสนำมาทำเป็นบทความให้เพื่อน ๆ ได้อ่านไปด้วยเลย เผื่อใครมีสตอรี่คล้ายๆพี่ผมคนนี้ จะได้ไปเป็นเพื่อนบ้านกัน 555
ถ้าพูดถึง "BRIX" แล้วหลายคนอาจจะนึกถึงชานมไข่มุกเจ้าดัง หรือไม่ก็หน่วยวัดความหวานของอาหารกันใช่มั้ยล่ะ แต่สำหรับผมแล้วทันทีที่ได้คิดชื่อโครงการ BRIX แบบยังไม่ทันเห็นตัวสะกด กลับถึงนึงคำว่า BRICK ที่แปลว่าอิฐมาก่อนเลย
ผมเองแอบคิดไว้ในใจละว่า ตึกนี้มันต้องมีการออกแบบให้เหมือนอิฐหรือไงนะ ทำไมชื่อเค้าตรงตัวอะไรแบบนั้น 555
พอวันที่เดินทางไปดูจริงก็ตามคาด ออกแบบเป็นตึกดิบๆ สไตล์ Industrial เหล็ก สนิม อิฐ ไม้ ปูน นี่มาหมด แต่ใช่ว่ามันจะดูเหมือนสร้างไม่เสร็จแบบนั้นนะ มันเท่แบบสไตล์อุตสาหกรรม ออกแนวดิบๆ ลุยๆ เท่ดี
โครงการ "BRIX CONDOMINIUM Charan 64" เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ใกล้ๆแยกบางพลัด บนถนนจรัญสนิทวงศ์ตามชื่อโครงการเลย ถ้าใครที่เดินทางมาจากอนุสาวรีย์ชัยก็ตรงมาเรื่อยๆจนข้ามสะพานซังฮี้ แล้วตรงมาอีกนิดถึงแยกบางพลัดเลี้ยวซ้าย ทางโครงการก็จะอยู่ซ้ายมือ บริเวณปากซอยจรัญ 64 เดะๆ
ในอนาคตใครที่ชอบเดินทางด้วยรถสาธารณะก็อดใจรอกันอีกไม่นาน เพราะหน้าโครงการเค้าอยูู่ตรงกับ "รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีสิรินธร" เรียกว่าใกล้แบบ 0 เมตรเลยก็ว่าได้ มีทางขึ้นสถานีอยู่หน้าโครงการเลย จะเดินทางเข้าเมือง ไปสยาม สีลม ย่าน CBD ต่าง ๆ ก็ไม่ต้องกลัวรถติด ใช้เวลาเดินทางแค่ 15-20 นาทีเอง
นอกจากรถยนต์ส่วนตัว และรถไฟฟ้าที่จะมาในอนาคตแล้ว ถ้าเดินจากแยกบางพลัด ผ่านโครงการไปอีกหน่อยก็จะมีป้ายรถประจำทางด้วย ซึ่งสายที่ผ่านตรงนี้ก็มีหลายสายอยู่ แต่ถ้าใครที่ป้ายนี้ยังไม่มีสายที่ต้องการขึ้น ก็เดินไปทางสะพานซังฮี้ก็ได้ ตรงนั้นก็มีป้ายรถเมล์เช่นกัน หรือถ้าใครที่ต้องการเดินทางโดยเรือตรงใต้สะพานซังฮี้เค้าก็มีท่าเรือด่วนเจ้าพระยาด้วยนะ
พูดถึงการเดินย้อนมาทางสะพานซังฮี้แล้ว คงต้องขอเจาะลึกโซนนี้ซักหน่อย เพราะเปรียบเหมือนชุมชนหลักของย่านนี้ นั่นก็หมายความว่าเป็นแหล่งอำนวยความสะดวกของคนที่จะมาอาศัยอยู่คอนโดนี้ด้วย
บริเวณทั้งสองฝากของถนนตรงนี้มีให้ครบทุกความต้องการเลย ไม่ว่าจะร้านอาหาร ร้ายของชำ ร้านสะดวกซื้อต่างๆ และที่เป็นแลนด์มาร์คหลักก็ต้อง "ตลาดกรุงธน" ที่เป็นตลาดสดดั้งเดิมเลย ด้วยระยะที่ใกล้ขนาดนี้ ใครที่ชอบทำอาหารกินเองรับรองสบายเลยล่ะ
แต่ถ้าใครที่ต้องการของใช้อะไรที่หาไม่ได้ในตลาด ก็เดินต่อไปอีกนิด จะมี mini Big C อยู่ ขนาดก็เรียกว่ากำลังดี มีของใช้อุปโภคบริโภคครบครัน แถมเปิดให้บริการตลอด 24 ชม. ด้วยนะ
จะเห็นได้ว่า โซนนี้ทั้งโซนเค้าเป็นชุมชนที่มีความคึกคักมากเลยล่ะ แถมพื้นที่โดยรอบส่วนมากก็ยังเป็นที่อยู่อาศัย มีทั้งเป็นบ้านเดี่ยวและอาคารพาณิชย์ปนๆกันไป แต่ยังไม่ค่อยมีพวกสำนักงานหรือตึกสูง ๆ มาทำให้รู้สึกอึดอัด
ที่สำคัญเรื่องปากท้องนี้ผมให้ สิบ สิบ สิบ เลย... เพราะของกินเยอะมาก!!!
อย่างร้านอาหารทั่วๆไป อาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ข้าวราดแกง นี่ผมลองนับดูมีเป็นสิบๆร้านเลย
วันที่ผมไปก็ได้ร้านแถวนี้แหละช่วยให้อิ่มท้องไปอีกหนึ่งมื้อ อร่อยด้วย 5555
อิ่มท้องแล้วก็กลับเข้ามาดูตัวโครงการกันบ้างดีกว่า อย่างที่บอกไปว่าโครงการเป็นสไตล์อุตสาหกรรม ผนังภายนอกของที่นี่ส่วนใหญ่เค้าก็ใช้อิฐมาเป็นส่วนตกแต่งจริงๆ จะเห็นได้ตั้งแต่ระยะไกลเลย ว่าเป็นอาคารที่มีเอกลักษณ์มากๆ เห็นแล้วมันเท่ดีนะ
"BRIX CONDOMINIUM Charan 64" เป็นอาคารสูง High Rise สูง 32 ชั้น จำนวน 1 อาคาร ใครที่มองผ่านๆ อาจจะเหมือนหลายอาคารมาประกอบกันอยู่ เพราะเค้าออกแบบให้สีของผนังแต่ละส่วนแตกต่างกัน ดูแล้วไม่น่าเบื่อ ไม่ดูเป็นแมสมากเกินไป
จุดเด่นอีกอย่างที่ทำให้ผมสนใจโครงการนี้ก็คือ มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ด้วย แม้ตัวโครงการจะไม่ได้อยู่ติดแม่น้ำ แต่ผมกลับมองว่ามันดีนะ เพราะกลายเป็นว่ามาติดกับรถไฟฟ้าแทน ที่สำคัญใกล้ชุมชนกว่าด้วย แม่น้ำก็เห็น เดินทางก็ง่าย ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกอีก
เรื่องยูนิตพักอาศัยของที่นี่มีทั้งหมด 560 ห้อง ฟังดูแล้วเหมือนจะเยอะ แต่เฉลี่ยแล้วก็ตกอยู่ที่ประมาณ 15-17 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้น
เท่าที่ถามกับเซลล์ดู เค้าบอกว่าถ้านับแบบจริงๆ แล้วมีแบบห้องมากกว่า 20 แบบให้เลือกเลย จะแตกต่างกันไปตามการจัดพื้นที่ใช้สอยภายในห้อง
แต่ถ้าจะมาเล่าทุกแบบก็คงจะเยอะไป 555 ผมเลยขอแยกตามประเภทของห้องละกัน
โดยจะมีทั้งหมด 4 ประเภท Studio, 1 Bedroom, 2 Bedroom และ Duplex ขนาดพื้นที่เริ่มที่ 22 ตร.ม. จนไปถึงห้องใหญ่สุด 123 ตร.ม. นู่นนน
จากแบบและประเภทห้องทั้งหมดทางโครงการเค้าก้ได้คัดมาทำเป็นห้องตัวอย่างให้เราดูด้วยกันทั้งหมด 3 แบบ คือ 1 Bedroom 28 ตร.ม., 1 Bedroom 34 ตร.ม. และแบบสุดท้าย 2 Bedroom 48 ตร.ม.
เท่าที่ผมเดินสำรวจห้องตัวอย่างที่นี่ อย่างแรกที่ต้องสะดุดใจเลยก็คือห้องมันไม่ได้ดิบเหมือนภายนอกอาคาร แต่ยังมีการผสมผสานของความเป็นสไตล์อุตสาหกรรมกับห้องแบบโมเดิร์นสมัยใหม่ ผ่านทางวัสดุ และพื้นที่ใช้สอยต่าง ๆ
เพราะงั้นใครที่เป็นสาวหวาน หรือมีไลฟ์สไตล์อื่นๆ ก็สบายใจไป เราสามารถปรับแต่งให้มันเป็นสไตล์ของเราได้!!! เพราะโครงการนี้ขายแบบ fully fitted ให้เฉพาะเฟอร์นิเจอร์ที่บิ้วท์อินต่างๆ พวกของใช้อื่นๆ ก็เลือกที่เราชอบตามต้องการเลย
ห้องตัวอย่างที่ 1 แบบ 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม.*
เริ่มที่แบบแรก น้องเล็กสุดของห้องตัวอย่างทั้ง 3 ขนาด มาในขนาดกำลังดี 28 ตร.ม. ผมว่าห้องนี้ถ้าใครที่กำลังมองหาห้องเพื่ออยู่คนเดียวนี่กำลังเหมาะ เค้ามีการจัดสรรพื้นที่ได้กว้างขวางดี ไม่รู้สึกอึดอัดเลย
สำหรับด้านการใช้งานก็สะดวกนะ เข้าไปเจอกับพื้นที่ส่วนนั่งเล่นก่อน ถัดไปเป็นพื้นที่ส่วนเตรียมอาหาร และระเบียง ส่วนนี้ช่วยให้เราไม่ต้องกลัวปัญหาเรื่องกลิ่นเวลาทำอาหารได้ดี เพราะมีการกั้นส่วนทำอาหารเป็นครัวปิดไปเลย
และส่วนสุดท้ายเป็นห้องนอนที่ทางโครงการจัดตัวอย่างเป็นเตียงขนาด 5 ฟุตให้เรานอนกลิ้งเล่นกันได้แบบสบาย ๆ แต่ถ้าใครชอบเตียงใหญ่ ๆ ตอนซื้อเตียงเข้าห้องก็สามารถเปลี่ยนเป็นเตียง 6 ฟุตก็ได้นะ ที่ยังกว้างอยู่ ส่วนตู้เสื้อผ้าทางโครงการก็ทำตัวอย่างไว้ไม่ใหญ่มากแต่เท่าที่ดูก็แอบจุอยู่เหมือนกัน ใครชอบใหญ่กว่าดีก็เลือกติดตั้งตู้แบบใหญ่ ๆ เองได้เลย และในสุดเป็นห้องน้ำที่ก็ครบเครื่องตามมาตราฐาน ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย
ห้องตัวอย่างที่ 2 แบบ 1 Bedroom ขนาด 34 ตร.ม.*
ต่อด้วยห้องตัวอย่างที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมากว่าเดิมเล็กน้อยแต่ยังคงเป็นรูปแบบ 1 ห้องนอนเช่นกัน ถ้าดูจากรูปแบบการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในห้องแล้วก็ต้องบอกว่าคล้ายคลึงกับห้องที่แล้ว แตกต่างกันที่พื้นที่ใช้สอยแต่ละส่วนจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย
สังเกตได้จากพื้นที่ส่วนนั่งเล่นตอนเข้าไป ก็รู้สึกได้เลยว่ามีขนาดใหญ่ขึ้นเอามากๆ สำหรับห้องนี้ถ้าใครชอบโซฟาใหญ่ๆ สามารถเลือกโซฟาแบบสามที่นั่งหรือแบบตัวแอลก็ได้นะ วางแล้วพื้นที่ก็ยังเหลือๆ
ถัดจากพื้นที่ส่วนนั่งเล่นก็จะเป็นพื้นที่จัดเตรียมอาหารและระเบียงเหมือนห้องที่ผ่านมา
อีกส่วนที่เห็นได้ชัดว่ามีขนาดใหญ่ขึ้นก็คือส่วนของห้องนอน ที่ถึงแม้ว่าทางโครงการจะจัดตัวอย่างเป็นเตียงขนาด 5 ฟุตเท่ากันแต่พื้นที่ส่วนตู้เสื้อผ้านั้นใหญ่ขึ้นเยอะเลย ถ้าใครเสื้อผ้าเยอะก็สามารถทำตู้เสื้อผ้าให้ขนาดใหญ่ขึ้นก็ได้ หรือจะทำเหมือนห้องตัวอย่างที่จัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็น่าจะถูกใจสาวๆอยู่เหมือนกัน
ทั้งนี้นี่ก็เป็นข้อดีของการที่โครงการขายแบบ Fully Fitted นะ แต่ละการใช้ชีวิตก็ล้วนมีไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกันใช่มั้ยล่ะ คนชอบนอนอาจะชอบเตียงใหญ่ ๆ คนชอบแต่งตัวอาจจะชอบตู้เสื้อผ้าเยอะ ๆ แต่โครงการนี้เราเลือกเองได้หมดเลย ไม่มีปัญหาให้มากวนใจกว่าเฟอร์ที่ให้ไม่ตรงกับไลฟ์สไตล์ที่เราชอบ 555
ห้องตัวอย่างที่ 3 แบบ 2 Bedroom ขนาด 48 ตร.ม.*
มาถึงห้องตัวอย่างห้องสุดท้ายกันแล้วกับห้องที่มีถึง 2 ห้องนอน ส่วนตัวแล้วผมชอบห้องนี้มากที่สุดในสามห้องเลยนะ เพราะพื้นที่ใช้สอยต่าง ๆ เค้าจัดได้อย่างลงตัวมาก ๆ เหมาะกับคู่พี่น้องหรือครอบครัวลูก 1 ก็อบอุ่นกำลังดี
เริ่มจากเข้าห้องมาก็พบกับพื้นที่ส่วนนั่งเล่น ที่มุมด้านข้างประตูทางเข้าจะมีส่วนที่เชื่อมต่อไปห้องครัวแบบปิดได้ ประตูบานเลื่อนที่ใช้กั้นนั้นออกแบบมาได้สวยเหมาะกับสไตล์อุตสาหกรรมของเค้า
ด้านหน้าห้องครัวจะมีที่สำหรับโต๊ะอาหารไว้ให้ จากที่ดูในห้องตัวอย่างเค้าจัดแบบ 4 ที่นั่งไว้ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดคับแคบเลย ถัดไปเป็นส่วนของโซฟาที่ระยะในการดูทีวีกว้างมาก หมดปัญหาที่ชาวคอนโดส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยปลื้ม ส่วนในสุด เป็นส่วนของระเบียงที่สามารถเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา และสะพานพระราม 8 ได้ วิวดีชะมัด
เยื้องๆกับโซฟาไปหน่อย จะเป็นทางเข้าสู่ห้องนอนทั้ง 2 ห้อง โดยมีห้องน้ำกั้นอยู่ตรงกลาง แม้จะต้องใช้ห้องน้ำร่วมกันแต่ด้านการใช้งานก็ไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะจากห้องนอนใหญ่เค้ามีการติดประตูแบบบานเลื่อนเพื่อเข้าห้องน้ำนี้ได้
ส่วนห้องนอนทั้งสองห้องก็สวยงามตามท้องเรื่อง
ที่ผมชอบที่สุดก็คงไม่พ้นเรื่องวิว เพราะทั้ง 2 ห้องนอนสามารถมองออกไปเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาและสะพานพระราม 8 ได้ทั้งคู่เลย จินตนาการว่า นอนไปเห็นวิวแม่น้ำและแสงสีจากสะพานสวยๆไป โรแมนติกสุดๆ 555
มาพูดถึงเรื่องพื้นที่ส่วนกลางกันบ้าง... โครงการนี้เป็นโครงการที่มียูนิตพักอาศัยอยู่พอควร ดังนั้นข้อดีของมันก็คือการมีพื้นที่ส่วนกลางที่เยอะตามไปด้วย
เริ่มจากชั้นล่างสุดก่อนที่เราจะเข้ามาสู่โซนพักอาศัย ทางโครงการก็มีพื้นที่สำหรับการพาณิชย์ พวกร้านสะดวกซื้อ ร้านซักรีด ร้านค้าต่าง ๆ มากถึง 8 ยูนิต
พีคสุดก็ต้องยกให้กับร้านสะดวกซื้อขวัญใจชาวคอนโดอย่าง 7-Eleven ที่ทางโครงการเค้าก็จัดให้อยู่ส่วนหน้าสุดเลย ขนาดใหญ่มาก ประมาณ 3 ห้องได้ เท่าที่สอบถามดูเค้าก็เตรียมเปิดให้บริการประมาณเดือนสิงหาที่จะถึงนี้ละ อดใจรอแปปเดียว
พอเข้ามาส่วนที่เป็นโซนพักอาศัยแล้ว พื้นที่ส่วนกลางเค้าก็เริ่มตั้งแต่ชั้น 1 เลย มีพื้นที่ล็อบบี้ขนาดใหญ่ไว้คอยนั่งพักผ่อน หรือเบื่อๆ เดินออกไปด้านนอกจะเจอกับ Outdoor Library กับ Adventure Playground สวนเด็กเล่นขนาดกำลังดี พ่อแม่นั่งอ่านหนังสือดูลูกเล่นกันไป แฮบบบปี้!!
ขึ้นมาต่อที่ชั้น 8 ที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางหลักของโครงการ ในชั้นนี้จะมีส่วนของสระว่ายน้ำ พ่วงมาพร้อมกับห้องสตรีม และซาวน่า ที่แยกชาย-หญิงให้ด้วย ถ้าขึ้นบันไดไปด้านบนของส่วนนี้ ก็จะพบกับห้องออกกำลังกายที่เครื่องไม้ เครื่องมือ เครื่องเล่นอุปกรณ์ต่าง ๆ ครบครัน
ตอนเปิดประตูส่วนกลางของชั้นนี้เข้าไป สิ่งแรกที่ผมประทับใจก็คือวิวดีแหะ...(อีกแล้ว 555)
ถึงแม้จะอยู่แค่ชั้น 8 ที่ไม่ได้สูงมาก แต่ด้วยสภาพชุมชนโดยรอบที่ยังไม่มีอาคารสูงมากเท่าไหร่ ทำให้เห็นวิวไกลไปถึงสะพานพระราม 8 ได้เลย นั่นเท่ากับว่า เวลาว่ายน้ำหรือออกกำลังกายเราก็จะได้เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาไปด้วย พีคป่ะล่ะ
นอกจากนี้แล้วใครที่ชอบนั่งชมวิวดูบรรยากาศดีๆ ทางโครงการเค้าก็ยังจัดพื้นที่ Roof Garden ไว้ให้ชมแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบจุใจมากขึ้นถึง 2 ชั้น คือชั้นที่ 17 และชั้นที่ 28 พอได้เข้าไปชมแล้วก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ วิวดีมาก ได้เห็นทั้งสะพานซังฮี้และสะพานพระราม 8 พร้อมกันเลย แถมมีแม่น้ำเจ้าพระยาวไหลยาวตัดผ่าน ใครชอบแม่น้ำนี่อยากให้ไปลองดูกัน
ขอเพิ่มเติมเรื่องทำเลอีกหน่อย
ถ้าเราข้ามสะพานซังฮี้ไป ก็จะเจอกับย่านที่เป็นแหล่งของสถาบันการศึกษามากมาย ไม่ว่าจะ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, มหาวิทยาลัยสวนดุสิต, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครและบรรดาโรงเรียนชื่อดังอย่าง โรงเรียนเซนต์คาเบรียล, โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์, โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และอีกหลายที่
จากการที่สถาบันการศึกษาโซนนี้มารวมตัวกันขนาดนี้ ผมเชื่อเลยว่า บรรดาเพื่อนบ้านของโครงการนี้ก็คงหนีไม่พ้นบรรดาผู้ปกครอง นักเรียน นักศึกษาเหล่านี้แหละ
จากโครงการสามารถเดินทางไปได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะรถสาธารณะ หรือรถส่วนตัวก็แปปเดียวเท่านั้น
นอกจากนี้เรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก สถานที่พักผ่อนต่าง ๆ ก็ใกล้ไม่แพ้กัน
เริ่มจากใกล้ ๆ ก็ห้างสุดคลาสสิกอย่างตั้งฮั่วเส็ง หรือขยับไปอีกหน่อยโซนปิ่นเกล้าก็สะดวก จะดูหนังที่เมเจอร์ปิ่นเกล้า ช็อปปิ้งที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า แล้วปิดท้ายด้วยดูคิงคองที่พาต้าปิ่นเกล้า ก็อยู่ใกล้ ๆ กันหมดเลย
แต่ถ้าใครเบื่อเดินห้าง ก็แค่ข้ามสะพานซังฮี้ไปก็จะพบกับ Community Mall ขนาดใหญ่อย่าง Market Place Dusit อยู่ทางซ้ายมือเลย ที่นี่ก็ดีนะผมเดินดูแล้วก็ร้านเยอะเลย ตอบโจทย์ได้รอบด้านอยู่ หรือถ้าเดินต่อไปอีกนิดก็จะเจอกับ TI Container Mall ที่มีขนาดเล็กลงมาหน่อย แต่ก็มีของที่หลากหลายไม่แพ้กัน
นอกจากนี้ทางด้านฝั่งตรงข้ามโรงเรียนเซนต์คาเบรียลเค้าก็มีร้านค้าต่าง ๆ อยู่อีกเพียบเลย ถึงแม้จะไม่ได้มีขนาดใหญ่เป็น Community Mall แต่ก็มีสเวนเซ่นส์, คาเฟ่ อเมซอน, ฮั่วเซ่งฮง ติ่มซำ และไก่ทอด Texas Chicken ไว้ให้เปลี่ยนบรรยากาศได้
และสำหรับความเป็นอยู่ระยะยาวเรื่องสุขภาพก็สำคัญไม่แพ้กัน ใกล้โครงการสุดก็โรงพยาบาลยันฮีที่ไม่ได้มีดีแค่เรื่องศัลยกรรม บริการทางการแพทย์อื่น ๆ เค้าก็มีครบวงจร อีกที่ก็โรงพยาบาลวชิรพยาบาล แค่ข้ามสะพานซังฮี้แล้วเลี้ยวซ้ายไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว
เป็นยังไงกันบ้างสำหรับโครงการ "BRIX CONDOMINIUM Charan 64" ที่เรียกได้ว่าครบเครื่องเลย จะกิน จะเที่ยว หรือจะเรียนหนังสือก็สะดวกสบายทุกด้าน ที่สำคัญพีคตรงที่ราคาเริ่มต้นแค่ 1.9 ล้านบาท ได้เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ใกล้รถไฟฟ้าแบบ 0 เมตร!!!
อย่างตัวพี่คนสนิทของผมเนี่ยเค้าต้องการซื้อเพื่อให้ลูกสามารถเดินทางไปเรียนได้อย่างสะดวก ถ้าใครที่มีสตอรี่หรือความต้องการเดียวกัน ผมก็อยากแนะนำ "BRIX CONDOMINIUM Charan 64" เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจเลย
ใครที่สนใจโครงการนี้ก็ลองเข้าไปเยี่ยมชมโครงการกันดูได้เลย เพราะเอาจริงๆ ทางโครงการเค้าแล้วเสร็จมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 61 ที่ผ่านมา ลูกบ้านก็ทยอยเข้าอยู่อาศัยกันบ้างแล้ว ใครที่อยากได้วิวแม่น้ำ เค้าก็ยังพอมีเหลืออยู่นะ
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
คลิกที่นี่ หรือโทร
02-88-33-888 ก็ได้เช่นกัน
คอนโดวิวแม่น้ำที่ติดรถไฟฟ้า 0 เมตรแบบนี้ หมดแล้วหมดเลยนะ!!! VIDEO * BRIX CONDOMINIUM Charan 64 ขายเป็นแบบ Fully Fitted ซึ่งไม่มีตู้เสื้อผ้าและเตียงให้นะทุกคน สิ่งที่เราจะได้คือเครื่องปรับอากาศ Daikin 2 ตัวสำหรับห้องนอน และห้องนั่งเล่น ,ชุดครัว Build in ของ Modernform (ชุดซิงค์ล้างจาน,ตู้และที่ดูดควัน) ,ชุดสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ American Standard)