เป็น 1 ในไม่กี่โครงการ ที่ต้องแบ่งบทความออกมาเป็น 2 ส่วน เพื่อไม่ให้แต่ละบทความยาวเกินไป ถ้าใครยังไม่ได้อ่านส่วนแรก สามารถคลิกอ่านที่นี่ได้เลย
คลิกที่นี่
ทั้ง 2 บทความ สามารถแยกกันอ่านได้เลยนะ ไม่จำเป็นต้องต่อเนื่องกัน บทความที่แล้วจะออกกว้างๆหน่อย และเน้นไปที่โปรดักส์ ส่วนในบทความนี้ เราจะมาพูดเน้นถึงเรื่องความคุ้มค่ากัน เนื้อหาครบถ้วนสไตล์กระชับ ชอบแบบไหน ก็แลกันได้ตามสะดวก แต่ถ้าจะให้ดี ก็อ่านให้มันครบทั้ง 2 ไปเลย อิอิ
เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เสียเวลา เรามาเริ่มกันเล้ย..!!!
1. เริ่มที่ข้อมูลส่วนตัวโครงการกันก่อน "Groove Vibes Ladprao 18" เป็นคอนโด Low rise 1 อาคาร สูง 7 ชั้น+ชั้นใต้ดิน ยูนิตพักอาศัย 217 ยูนิต สามารถจอดรถได้ 98 คัน โดยแบ่งเป็นที่จอดรถแบบ Auto Parking 6 ชั้น 86 คัน และ ที่จอดรถแบบปกติที่ชั้นแรก 12 คัน บนที่ดินขนาด 1-0-51 ไร่
2. หลายคนอาจจะงง Auto Parking 6 ชั้น เป็นอาคารแยกรึ? เปล่าเลย..!!! เป็นการออกแบบที่จอดรถที่ผมค่อนข้างแปลกใจทีเดียว เอาจริงๆก็แปลกใจเกือบทั้งตึกเลยอะนะ 555 เป็นการแปลกใจในทางที่ดีนะ อย่าเพิ่งตกใจ เรียกว่า "ทึ่ง" ดีกว่า
โดยปกติของโครงการ Low rise ที่จอดรถไม่ว่าจะเป็นแบบ Auto หรือแบบปกติ มักอยู่ที่ชั้นแรก และชั้นใต้ดิน พวกส่วนกลางอยู่ที่ชั้นแรก และดาดฟ้า
แต่สำหรับโครงการนี้ มีการออกแบบที่แหวกแนว พวกส่วนกลางหลักๆ ลงไปอยู่ที่ชั้นใต้ดินแบบเต็มๆ โดยพวกสวน จะไปอยู่บนชั้นดาดฟ้า เป็น Rooftop Garden ไม่ว่าห้องไหน ก็สามารถขึ้นไปเปลี่ยนบรรยากาศได้ ส่วนที่จอดรถแบบ Auto Parking จะแทรกอยู่ในตัวคอนโดเลยนี่แหละครับ (ถ้านึกไม่ออก ดูภาพประกอบเอานะ) ถือเป็นการเฉือนเนื้อของโครงการเลย อ๋อ แล้วไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องเสียง หรือแรงสั่นสะเทือนของตัวที่จอดรถนะ เพราะเขาออกแบบมา ไม่ให้ติดกับห้องไหนๆเลย
3. ด้วยความที่สามารถยัดส่วนกลางได้ถึง 2 ชั้นเต็มๆ (ใต้ดิน+ดาดฟ้า) นี่แหละ จึงอาจจะอวดได้เลยว่า เป็น 1 ในโครงการแบบ Low rise ที่ส่วนกลางจัดว่า "เยอะที่สุด" (ถ้านึกไม่ออก ดูภาพประกอบเอานะ)
- Co-Working Space
- E-Gamer room
- Play Cave
- Mail room
- Groove Box Cafe
- Mineral Pool + Jacuzzi ยาว 24 เมตร
- Fit club
- Active Studio
- Rooftop Garden
แค่ "สระว่ายน้ำ" ก็กินขาด Low rise โครงการอื่นแล้ว ส่วนกลางเยอะอย่างที่ผมบอกไหมละ ต้องยอมรับเลยว่า บริหารพื้นที่ได้ดีจริงๆ แทบไม่มีพื้นที่ไร้ประโยชน์เลย ไม่ใช่แค่ตรงส่วนกลางนะ ในห้องพักอาศัยก็ด้วย ลองดูในข้อต่อๆไปสิ
4. มาที่แบบห้องกันบ้าง มีตามนี้เลย 1 Bedroom ขนาด 20.45 – 25.40 ตร.ม. จำนวน 95 ยูนิต , 1 Bedroom Plus ขนาด 28.80 – 36.43 ตร.ม. จำนวน 52 ยูนิต , Loft 1 Bedroom ขนาด 20.10 – 25.40 ตร.ม จำนวน 40 ยูนิต , Loft 1 Bedroom Plus 1 WC ขนาด 28.02 – 30.00 ตร.ม. จำนวน 4 ยูนิต , Loft 1 Bedroom Plus 2 WC ขนาด 26.97 – 35.35 ตร.ม. จำนวน 20 ยูนิต และ 1 Bedroom Villa ขนาด 25.99 ตร.ม. จำนวน 6 ยูนิต พวก Unit Loft มีแค่ชั้น 6-7 เท่านั้น
ด้วยความที่โครงการ ต้องการเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ ซึ่งอาจยังมีรายได้ไม่สูงมาก จึงเน้นทำห้องแบบ 1 Bedroom เยอะเป็นพิเศษ และขนาดไม่ใหญ่ ตอนแรกที่ผมดูจากหน้ากระดาษ รู้สึกว่ามันดูพื้นที่น้อยๆแหะ แต่พลันตอนมาดูที่ Sales Gallery "โว๊ะ มันดูกว้างกว่าที่คิดวุ้ย" อาจจะเพราะออกแบบให้เป็นห้องแบบหน้ากว้างด้วยกระมัง และรูปแบบห้อง แทบจะออกแบบใหม่หมด ตัดแต่งจนไม่เหลือพื้นที่ไร้ประโยชน์
5. ที่ Sales Gallery มีห้องตัวอย่าง 3 ห้องให้เราได้เชยชม ยลโฉม โดยรวมต้องบอกว่า "ผมชอบนะ" ถึงบางอย่างอาจจะยังดูไม่ชินเท่าไร 555 ห้องที่ผมชอบที่สุดวันนั้น คือ Loft 1 Bedroom ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ห้องประมาณ 20 ตร.ม. จะทำเป็นห้องสไตล์ Loft ได้ โดยพื้นที่จะเพิ่มขึ้นมา เกือบเท่าครึ่งหนึ่งของขนาดห้องเลยนะ ที่ชอบเป็นพิเศษคือ "ห้องน้ำ" ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้ห้องน้ำ มีขนาดใหญ่ได้ขนาดนี้นะ ให้อารมณ์เหมือนอยู่ที่บ้านเลย ใครต้องมาอยู่คอนโด แต่ยังชอบการอยู่บ้านอยู่ แนะนำห้องแบบนี้เลย
ห้องแบบ 1 Bedroom ก็ออกแบบได้น่าสนใจนะ มีการวาง "ห้องน้ำ" ให้อยู่ตรงกลางห้อง สามารถเข้าได้จากทั้งห้องนั่งเล่น และห้องนอน เวลาเพื่อนฝูง แขกเหรื่อ อยากเข้าห้องน้ำ ก็ไม่ต้องผ่านเข้ามาที่ห้องนอนเราก่อน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แถมยังมีการแบ่ง โซนอาบน้ำ แยกออกมาต่างหากจากห้องน้ำ จะอยู่ในห้องนอน โดยมีตู้เสื้อผ้าคั่น หมดปัญหาแม้มีคนเข้าส้วมนาน ก็ยังสามารถอาบน้ำได้ แต่แนะนำว่า ทำพื้นกระเบื้องตรงหน้าตู้เสื้อผ้าเพิ่มเติมจะดียิ่งขึ้น จะได้ไม่พลาดลื่น ในการเดินข้ามไปมาระหว่าง ห้องอาบน้ำ และห้องน้ำ
พวกรูปห้อง ดูได้ที่ช่วงท้ายบทความจ้า
6. ตัวโครงการ
"Groove Vibes Ladprao 18" วางตัวเองอยู่ใน ลาดพร้าวซ.18 ลึกจากปากซอยเข้ามาราว 500 กว่าเมตรได้ ไม่ลึกเท่าไรนะ ผมลองเดินดูแล้ว เพลินๆ ไม่นานก็ถึงตัวโครงการ เสียอย่างตรงที่ ด้วยความที่ซอยนี้สามารถลัดเลาะออกไปได้หลายถนน จึงมีรถค่อนข้างเยอะ บางช่วงของซอยจะไม่มีฟุตบาท มีแค่ไหล่ทางเท่านั้น เพราะฉะนั้น เวลาเดินให้ระวังด้วยนะ อย่ามัวดูมือถือเพลิน อิอิ
แต่... ตรงจุดนี้ก็สามารถบ่งบอกข้อดีได้เช่นกัน ก็การลัดเลาะออกไปได้หลายเส้นทางนี่แหละครับ มีประโยชน์ในการหนีรถติดมาก เช่น การลัดมาออก ซ.รัชดา 19 สามารถประหยัดเวลาตรงแยก รัชดา-ลาดพร้าวได้พอตัวเลย หรือ การลัดไปออก ซ.วิภาวดี 20 สามารถเลี่ยงเส้นถ.ลาดพร้าว ในช่วงรถติดๆได้เป็นอย่างดี และด้วยความที่สามารถแตกแขนงไปได้หลายเส้นทางนี่แหละ ทำให้เราสามารถไปหาของกินอร่อยๆมาสังเวยลิ้นได้อีกเพียบ 555
7. อย่างที่บอกในข้อที่แล้วไปว่า รถในซอยจะมีผ่านไปมาค่อนข้างเยอะ แน่นอนว่า การโบก Taxi จึงไม่ใช่เรื่องยาก ขากลับจากโครงการ ผมเดินออกมายังไม่ทัน 10 ก้าวเลย ก็มี Taxi ให้โบกแล้ว และอีกจุดที่เยี่ยมยอดก็คือการมี "พี่วิน" ราชมอเตอร์ไซค์ แทบจะเกยอยู่หน้าโครงการเลย ไม่ต้องเดินออกปากซอยให้ระทมกีบ 555
8. รถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุดคือ รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน สถานีลาดพร้าว ถ้าเดินจากสถานีมาทางปากซอย 18 ถึงโครงการจะประมาณ 900 กว่าม. แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่า ถ้าเราเดินลัดเลาะจาก ซ.ลาดพร้าว 26 ระยะทางถึงโครงการจะเหลือแค่ราว 750 ม.เอง แต่เอาเข้าจริง ผมว่าเดินเข้าทาง ซ.ลาดพร้าว 18 ดีกว่า ไกลกว่ากันไม่มาก แต่เพลินกว่าเยอะ มันมีวิวให้มอง มีของกินให้แวะซื้อระหว่างทางเพียบ
อ๋อ เกือบลืม อีกหน่อยจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง มาร่วมแจมใกล้ๆด้วยนะ ยิ่งมีทางเลือกในการเดินทางเพิ่มขึ้นอีก
9. ว่าด้วยเรื่องของวิว ด้วยความที่โครงการ เข้ามาจากปากซอยราว 500 กว่าม. จึงไม่ค่อยมีตึกสูงๆเท่าไร
- ทิศตะวันออก มีอพาร์ทเมนท์ หรือหอพัก สูง 7-8 ชั้น บังวิวอยู่ ไม่ถึงกับประชิด มีถนนคั่นกลางอยู่ ห้องทิศนี้มีน้อย จึงไม่ค่อยมีผลเท่าไร
- ทิศตะวันตก มีตึกออฟฟิศบังอยู่บ้าง ทิศนี้ก็ห้องน้อย ไม่ค่อยมีผลเท่าไรเช่นกัน
- ทิศเหนือ วิวเคลียร์ที่สุดแล้ว และน่าจะเป็นทิศที่มีห้องมากที่สุด
- ทิศใต้ อันนี้ก็เคลียร์ มีคล้ายๆตึกออฟฟิศผอมๆเยื้องเล็กน้อย ทิศนี้ก็มีห้องเยอะ แต่ไม่เท่าทิศเหนือ
10. เรื่องของปากท้อง ที่นับได้ว่า สำคัญที่สุดแล้ว 555 ผมบอกได้เลยว่า ผ่านสบายๆ ตั้งแต่เดินจาก MRT มาถึงโครงการ ถ้าจำไม่ผิด เจอ 7-Eleven ไป 3 หน่อแล้ว แถมยังมี CP Freshmart และ Familymart ยืนแสยะยิ้มระหว่างทางอีก ร้านอาหารท้องถิ่นก็เพียบ ราคาไม่แพง ไปลองโจ๊กมาให้แล้ว รสดีใช้ได้เลย อิอิ ไม่อดตายแน่นอน
ห้างใกล้ๆก็มี Big C Extra อยู่เยื้องๆปากซ.ลาดพร้าว 18 ไม่ไกล หรือจะนั่ง MRT ไป Central ลาดพร้าว หรือ Union Mall ก็แค่ 1 สถานีเอง ยังไม่ทันได้นั่ง ก็อาจต้องลงละ 555 และแม้กระทั่งในสถานีลาดพร้าวเอง ก็ยังมี Gourmet Market ที่มีของอร่อยๆ ของกินของใช้ ให้ได้จับจ่ายกันอย่างสะดวกอีกด้วย
11. ราคาค่าเสียหายโครงการ เริ่มต้นที่ 1.99 ล้านบ. แต่งให้ครบ หารแล้วตกประมาณ 1 แสนบ./ตร.ม. ในแง่การอยู่อาศัยเอง ผมว่าโอเคนะ เป็น 1 ในตัวเลือกที่ดีเลยล่ะ พร้อมทั้งความอุดมสมบูรณ์ อาการการกิน การเดินทางที่หลากหลาย ไม่ห่างรถไฟฟ้าจนเกินไป พวกคอนโดใหม่ๆที่ติดถนนใหญ่ ราคาไปหลักเฉลี่ย 140,000-150,000 บ./ตร.ม. เข้าไปแล้ว เพราะฉะนั้น ราคานี้จึงดูสมเหตุสมผลอยู่ เหมาะกับคนที่ยังมีงบไม่เยอะมาก และต้องการฝังรากแถวลาดพร้าว
12. การลงทุน มีพวกยูนิต Loft ที่พอเล่นสั้นได้บ้าง แต่ด้วยแบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จักมาก ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจฝืด ถ้าไม่เก๋าจริง ก็ไม่แนะนำครับ ส่วนระยะยาว ด้วยวิสัยของคอนโดเส้นรัชดา ลาดพร้าว ราคาจะขึ้นช้ากว่าพวกเส้นสุขุมวิท ราคาขึ้นน่ะขึ้นแน่ แต่คงไม่ใช่เป้าหมายหลักเท่าไร ไปลงพวกเส้นสุขุมวิท จะมีโอกาสที่ดีกว่า ส่วนการปล่อยเช่า ผมคาดว่าผลตอบแทน อยู่ที่ประมาณ 400 บ./ตร.ม. ห้องเล็กสุด น่าจะได้ค่าเช่าที่ 8,000-9,000 บ./เดือน ผลตอบแทนอย่างหยาบก่อนหักค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 5%/ปี ถือว่าพอใช้ได้ สำหรับคอนโดยุคนี้นะ เหมาะกับคนท้องถิ่นซื้อไว้ปล่อยเช่า จะได้ดูแลง่าย จากรูปลักษณ์คอนโด ส่วนกลาง และราคา เชื่อว่า หาคนเช่าได้ไม่ยากครับ
13. เออ ไว้ไปหาอะไรอร่อยๆแถวนั้นกินอีกดีกว่า
14. เอาล่ะ สำหรับคนที่สนใจ ก็อย่ารอช้า รีบชวนขาตัวเองไปที่ Sales Gallery ด่วน ไปดูกันให้เห็นจะๆด้วยตาตัวเอง อย่าเพิ่งเชื่อผมไปซะหมด 555 ก่อนไป
คลิกที่นี่ เพื่อลงทะเบียนด้วยนะ
ย้ำเรื่องราคาอีกทีก่อนจาก เริ่มต้นที่ 1.99 ล้านบ. แต่งเฟอร์ให้แล้วด้วย มีระบบ Digital Door Lock ที่สามารถตั้งค่าผ่าน App บน มือถือของเรา ตัว App ยังมีระบบ Home Automation ด้วยนะ อีก 2 ปีก็พร้อมเข้าอยู่ได้เลย..!!