นักลงทุนทั้งหลายเร่เข้ามา เพราะแผนกวิจัย ซีบีอาร์อี ออกมาเปิดเผยว่า ปริมาณพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2562 อยู่ที่ 8.95 ล้านตารางเมตร โดยเพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจ้า

 

        ซึ่งอัตราพื้นที่ว่างโดยรวมเพิ่มขึ้นจาก 6.6% ในไตรมาสก่อนหน้า เป็น 7.5% ในไตรมาส 1 ปี 2562 ส่วนปริมาณการใช้พื้นที่สุทธิโดยรวม อยู่ที่ 41,000 ตารางเมตร ลดลง 36.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว

 

        ปริมาณพื้นที่สำนักงานในอนาคตเค้าเก็งกันว่าจะมีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 1 ปี 2562 โดยมีกว่า 6 โครงการที่การก่อสร้างเริ่มขึ้น ทำให้พื้นที่สำนักงานใหม่ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างมีทั้งสิ้นประมาณ 1 ล้านตารางเมตร เพิ่มขึ้นจาก 8.7 แสนตารางเมตรในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งพื้นที่ใหม่เหล่านี้คาดว่าจะแล้วเสร็จระหว่างไตรมาส 2 ปี 2562 ถึงสิ้นปี 2565 โน่นแน่ะ

 

        โดยประมาณ 60% ของพื้นที่สำนักงานทั้งหมดที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในกรุงเทพฯ จะเป็นพื้นที่สำนักงานให้เช่าระดับเกรดเอ ในย่านใจกลางธุรกิจ ในขณะเดียวกันก็มีพื้นที่สำนักงานราว 1.2 ล้านตารางเมตรยังอยู่ในขั้นตอนการวางแผน แต่ผู้พัฒนาได้ครอบครองที่ดินเไว้สำหรับการพัฒนาเรียบร้อยแล้ว

 

        และภายในปี 2565 ยังคาดกันว่าปริมาณพื้นที่สำนักงานทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านตารางเมตร ซึ่งตลาดสำนักงานโดยรวมมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลง และแน่นอนเนอะว่าอัตราพื้นที่ว่างในอาคารเก่าจะต้องเพิ่มมากขึ้นแน่นอน

 

        ในอนาคต ซีบีอาร์อีเค้าเชื่อว่าผู้เช่าจำนวนมากจะเปลี่ยนรูปแบบพื้นที่ทำงานเป็นพื้นที่ทำงานที่มีความคล่องตัว แปลง่ายๆ คือผู้เช่าจะใช้พื้นที่ที่น้อยลงแต่จ่ายค่าเช่าต่อตารางเมตรมากขึ้น เนื่องจากต้องการอาคารสำนักงานที่มีคุณภาพดีนั่นเอง

 

        คำถามสำคัญคือ...จะมีบริษัทกี่แห่งที่ยินดีจ่ายค่าเช่าที่สูงขึ้นมาก เพื่อให้ได้สถานที่ทำงานที่มีคุณภาพดีที่สุด ตรงนี้คงขึ้นอยู่กับความแตกต่างระหว่างค่าเช่าอาคารสำนักงานใหม่ระดับเกรดเอกับอาคารที่มีสภาพเก่ากว่าไม่ว่าจะเป็นระดับเกรดเอและบี หากจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นสำหรับอาคารที่มีคุณภาพดีที่สุดนั้นสูงกว่าอาคารเก่าอย่างชัดเจน การได้รับการอนุมัติงบประมาณสำหรับค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นอาจจะเป็นเรื่องยากล่ะครับผม