เมื่อ 'ชาไข่มุก' เป็นสิ่งขับเคลื่อนในชีวิตคนไทยไปซะแล้ว 555555 เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ตอนนี้เลยนะ ที่ไม่ว่า จะไปไหนมาไหน หิวกระหาย อยากทานหรือดื่มของหวาน แน่นอนว่าชานมไข่มุกน่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ต้องผุดเข้ามาในหัวอยู่เสมอ
ตามที่พาดหัวข้อไว้เลยว่าวันนี้เราได้รวบรวม ร้านชานมไข่มุกในสยาม มาฝากทุกคนกันด้วย กระซิบบอกนิดนึงว่าอันนี้ทำสนองนี๊ดตัวเองล้วนๆ 555555 ขอเล่าความเป็นมาเป็นไปก่อนแล้วกันว่า มันเกิดจากที่เราเนี้ยมีโอกาสได้ไปแวะเวียนไปเที่ยว ไปกิน ไปช้อปหรือทำธุระแถวสยามบ่อยเหลือเกิน แต่ก็นะ อย่างที่ทุกคนคงจะทราบกันดีว่าสยามเป็นแหล่งช้อปปิ้งของวัยรุ่นชาวกรุงฯมาหลายยุคหลายสมัย ทั้งเสื้อผ้า ทั้งของกิน เพียบ!! อ่ะ แล้วเราจะรู้ได้ไงว่ามีอะไร อยู่ที่ไหนบ้าง นอกจากจะเดินสุ่มๆไปเรื่อยๆ…
สยามก็ใช่ว่าจะเล็กๆซะที่ไหนล่ะ เดินกันขาลากพอดี กว่าจะเจออะไรที่ถูกใจ เผลอๆจะหมดวันละ เราเลยปิ๊งไอเดียว่า จะดีแค่ไหน ถ้าเรารู้พิกัด Budjet หรือเมนูต่างๆของแต่ละร้านในสยาม!!
แล้วก็สืบเนื่องมาจากที่ในตอนนี้ ชาไข่มุกมันฮอทฮิตติดเทรนด์ซะเหลือเกิน เราเลยขอโอกาสยก ชาไข่มุกร้านดังในสยามกว่า 10 ร้าน มาฝากเพื่อนๆชาวคอนโดติดดอยกัน ว่าแต่จะมีร้านไหนบ้าง เลื่อนลงไปดูข้างล่างกันเล้ยยย
1. ATM TEA BAR
ประเดิมร้านแรกกันที่ร้าน ATM TEA BAR กันเลยแล้วกัน ร้านตั้งอยู่บริเวณสยามสแคว์ซอย 9 หรือจะสังเกตง่ายๆก็คืออยู่ตรงประตูคณะทันตะฯ จุฬาฯ นั่นแหละ ร้านนี้มีจุดขายที่เก๋ไก๋ไม่ซ้ำใคร เพราะเค้าหยิบยกเอารูปแบบ “ตู้ATM” มาประยุกต์ใช้ในการขายของ ซึ่งถือว่าเป็นไอเดียที่เก๋กู๊ดมากๆ ขอพูดถึงเรื่องความเป็นมาเป็นไปของเค้าก่อนเลยแล้วกัน ATM TEA BAR ย่อมาจาก A Tea Moment โดยทางร้านมีจุดประสงค์ก็คือตั้งใจอยากให้ทุกคนมีช่วงเวลาที่ดีในการดื่ม “ชา” ซึ่งก่อนหน้านี้ โดยยุคก่อนๆถ้าหากใครจำได้ ช่วงหนึ่งจะมีกระแสจากผู้เชี่ยวชาญหลายๆสำนักออกมาเปิดเผยโทษของชา หรือ กาแฟ ซึ่งจำได้ว่าช่วงนั้นกระแสแอนตี้ดังสุดๆ ตอนนั้นเรายังเด็กอยู่เลย จำได้ว่าถึงกับโดนแม่ดุซะชุดใหญ่เพราะกินชานมเย็นสีส้มๆนั่นแหละ แต่ปัจจุบันช่องทางการรับข่าวสารมากขึ้น เราเองก็ไม่ได้อยากจะคอนเฟิร์มหรอกนะว่า ชามันไม่มีโทษ แต่ก็นั่นแหละ เพราะมันอร่อยนี่นา55555 อ่ะๆนอกเรื่องไปซะไกล มาต่อกันที่แนวคิดของร้านกันดีกว่า อย่างที่บอกไว้ตอนต้นว่าจากกระแสในยุคที่ชาหรือกาแฟกลายเป็นเครื่องดื่มที่ให้โทษในช่วงหนึ่ง เค้าจึงมีแนวคิดและมุมมองเกี่ยวกับ “ชา” ใหม่ โดยที่ทางร้านเลือกสรรวัตถุดิบ จากธรรมชาติ ไร้ครีมทียมและสารเจือปน ที่สำคัญตัวชาที่ทางร้านใช้เนี้ย นำเข้ามาจากประเทศไต้หวัน และ ชาเขียวนำเข้ามาจากญี่ปุ่นเลยทีเดียว
การนำตู้ ATM มาประยุกต์ใช้กับการสั่งเมนู
เป็นครั้งแรกเลยนะ กับการสั่งเมนูและชำระเงินผ่านในรูปแบบ 'ATM Ordering Machine' ทางร้านใช้รูปแบบของตู้ ATM ตรงนี้เรามองว่ามันเป็นจุดขายที่โดดเด่นมากเลยนะ ขอพูดถึงเรื่องเมนูกันบ้างทางร้านมีเมนูเยอะมาก เยอะจนตาลาย โดยเค้ามีทั้ง ชาใส ชานม โซดาฟิส และอื่นๆอีกเพียบ รวมไปถึงท็อปปิ้งของเค้านี่ก็ไม่น้อยหน้านะ เพราะนอกจากจะมีไข่มุกบราวน์ชูการ์ที่โดดเด่นแล้ว เค้ายังมี โอริโอ้คุ๊กกี้ ไข่มุกคริสตัล ถั่วแดงอิกิกวน ให้เราได้เลือกตามใจชอบอีกด้วย
เอาล่ะมาดูเมนูที่เราเลือกกันดีกว่า เราสั่งเป็นเมนูที่เค้าแนะนำเอาไว้ นั่นก็คือ Chocolate Cookie Monster และ Hokkaido Milk Tea Latte ขอพูดถึงตัว Chocolate Cookie Monster ซึ่งขอออกตัวก่อนนะว่า นี่เป็นความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆเลยจริงๆนะ เริ่มจากรูปลักษณ์ภายนอกก่อน เป็นเมนูที่ดูดีมาก55555 เหมาะกับการอัพลงไอจีสวยๆ ซึ่งเมนูนี้เป็นเมนูช็อกโกแลต นม ที่มีคุ๊กกี้โอริโอ้เป็นท็อปปิ้งให้เคี้ยวเล่นๆกรุบๆอีก รสชาติของช็อกโกแลตเข้มข้นอยู่นะ แต่แอบขัดใจที่มีโอริโอ้เยอะมากกกก ซึ่งก็แล้วแต่คนชอบแหละ เมนูนี้ตกอยู่ที่แก้วละ 90 บาท ส่วนอีกตัวคือ Hokkaido milk tea Latte แก้วนี้เราช่วยสุมหัวกันลองชิมเพราะอิ่มจากแก้วแรก55555 คอมเม้นหลากหลายกันเลยทีเดียว เริ่มที่หน้าตาของเค้าก่อน หน้าตาดีเช่นเคย ตรงปกตามรูปในแผ่นเมนู แอบคิดว่านี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของร้านด้วยเช่นกัน ส่วนเรื่องรสชาติไม่ได้รู้สึกว้าวกับเมนูนี้มาก ความหวานมันของนมน้อยไปนิ๊ดดด หรือ เราแอบคาดหวังสูงเพราะมันเป็นนมจาก Hokkaido เชียวนะ!!! จนเราแอบแซวกันว่า วันที่เราไปชิมน่าจะเป็นวันที่แม่วัวป่วยล่ะมั้ง นมเลยรสชาติไม่ได้ดีตามที่เราคาดหวังนัก555555 ส่วนไข่มุกเราสั่งเป็นไข่มุกแบบบราวน์ชูการ์ ซึ่งแอบเซ็งหน่อยเพราะไข่มุกค่อนข้างแข็งไปนิด อันนี้เห็นพ้องต้องกันทุกคน(ไปชิมกัน 3) ว่าไข่มุกมันแข็งจริงๆ แต่อย่างที่เราบอกแหละว่ามันเป็นความคิดเห็นแบบส่วนตัว อาจจะมีเมนูที่อร่อยกว่านี้ให้เลือกแต่เราไม่เลือกเองก็ได้ 55555555 ราคาค่าตัวแก้วนี้ตกอยู่ที่ 90 บาท แอบกระซิบหน่อยว่าถ้าเพื่อนๆมีเมนูไหนของร้าน ATM TEA BAR ที่คิดว่าเราพลาด ก็แนะนำเราได้นะจ๊ะ
เรทราคา
ทางร้านมีเมนูที่หลากหลายราคาก็หลากหลายเช่นกัน เท่าที่เราดูเมนูมา ราคาของเค้าจะเริ่มต้นอยู่ที่ 45 บาท ไปจนถึง 120 บาท เลยทีเดียว
บริการจ่ายเงิน
นอกจากที่จะจ่ายผ่าน ATM (ATM หน้าร้านนะทุกคน ไม่ใช่ ATMของธนาคาร5555555) อ่ะ แต่ถ้าไม่อยากจ่ายแบบนี้ ทางร้านยังมีบริการคิว อาร์โค้ด สำหรับจ่ายผ่านพร้อมเพย์อีกด้วย อีกหนึ่งบริการสำหรับยุคไร้เงินสด
2. Mr.Shake
2. Mr.Shake
เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นเคยกับร้านนี้พอสมควร เพราะเค้าเปิดมานานม้ากกกก แถมยังมีหลายสาขาอีกด้วย ส่วนสาขาที่เรายกมาวันนี้คือ สาขาสยามสแคว์ซอย 2 ทางเชื่อม Bay pass ด้วยความที่เป็นร้านที่เปิดให้บริการมานาน กับรสชาติที่คุ้นชิน เราเชื่อว่า Mr.Shake คงเป็นอีกหนึ่งร้านในดวงใจของใครหลายๆคน สารภาพตามตรงว่าเราพยายามหาข้อมูลความเป็นมาของเค้าอยู่นาน แต่ไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด เลยขอข้ามตรงส่วนนี้ไปเพราะไม่ค่อยมั่นใจในข้อมูลที่มีอยู่มากนัก กลัวจะไม่ถูกต้อง5555555
จากอดีตสู่ปัจจุบัน กับการรสชาติที่ทำให้กลายเป็นตำนาน "Mr.Shake สู่ Mr.Shake Beyond"
จะเรียกว่าตำนานก็คงไม่ได้ดูเว่อร์เกินไป เพราะเค้าเปิดบริการมากว่า 20 ปีแล้วนะ เรียกได้ว่าตั้งแต่ยุค 90 มาจนถึงปัจจุบันเลยทีเดียว เราแอบเอาความรู้สึกส่วนตัวมาเขียน(อีกแล้ว) ‘ถ้าไม่ดีจริง คงไม่อยู่มาถึงทุกวันนี้’ แม้ว่าในปัจจุบันจะมีชาไข่มุกหลายเจ้า ตบเท้าเข้ามายั่วยวนให้นักชิมได้ลิ้มลอง แต่ Mr.Shack ก็ยังคงเป็นอีกหนึ่งร้านที่เป็นที่นิยมอยู่เสมอ และยืนยงคงกระพันมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้เค้าได้มีการเปิดตัว Mr.Shake Beyond เป็นอีกก้าวของ ชาไข่มุก สู่ ‘ชาไข่มุก พรีเมี่ยม’ โดดเด่นด้วยเมนูที่มีความพรีเมี่ยมและเข้มข้นมากขึ้น รวมไปถึงแพ็คเกจด้วย โดย Mr.Shake Beyond ตั้งอยู่บริเวณชั้น 3 สยามพารากอน นั่นเอง เอาล่ะ ขอวกกลับไปที่สาขา Bay pass ที่เราไปลองกันดีกว่า ร้านค่อนข้างเล็กนะ ไม่มีที่นั่ง บริการซื้อกลับบ้านอย่างเดียว ทางด้านของเมนู Mr.Shack ไม่ทำให้ผิดหวัง มีเมนูให้เลือกเยอะไม่แพ้เจ้าอื่น ทั้งชานม ชาเผือก ชาน้ำผึ้ง ชาแคนตาลูป ชากล้วยหอม บวกกับท็อปปิ้งให้เราเลือกทั้งไข่มุก พุดดิ้ง เฉาก๊วย วุ้นลูกตาล วุ้นลิ้นจี่ วุ้นสตรอเบอรี่ ซึ่งแน่นอนว่าเราก็ต้องลองเมนูต้นตำรับดั้งเดิมของเค้าอยู่แล้ว นั่นก็คือ ชานม+ไข่มุก ขอพูดเรื่องหน้าตาก่อน หน้าตา และทรงแก้ว อาจจะดูดั้งเดิมไปนิด(เรียกว่าคลาสสิคดีกว่า55555) แต่ก็ไม่ได้ทำให้เค้าดูขี้เหร่แต่อย่างใด มาถึงเรื่องของรสชาติกันต่อ ดูดปื๊ดแรก ประทับใจมาก อธิบายไม่ถูก ให้อารมณ์เหมือนได้ย้อนกลับไปวัยขาสั้นกระโปรงบานอีกครั้ง เรายังรู้สึกว่ามันอร่อยเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เป็นรสชาติที่คุ้นเคย ชวนให้คิดถึงเหมือนเดิม ไข่มุกหนึบหนับ แต่แอบเคืองเพราะมีน้อยไปนิด หรือเรากินเพลินหว่า โดยส่วนตัวเราค่อนข้างประทับใจชานมของ Mr.Shake มากกก (ปล.ไม่ใช่หน้าม้านะ เราจ่ายเงินเองล้วนๆ55555) ที่สำคัญ ราคาแค่ 45 บาทเท่านั้นเอง!!!
เรทราคา
ราคาเมนูของ Mr.Shake เริ่มต้นที่ 35 ไปจนถึง 50 บาท เท่านั้นเอง ถูกมากเลย!!
แล้วเพื่อนๆชาวคอนโดติดดอยล่ะมีเมนูไหนของ Mr.Shake ที่อยู่ในดวงใจกันบ้าง?
3. KAMU TEA
โดยสาขาที่เราไปลองนั่นก็คือ สาขาสยามสแคว์วัน ซอย 1 (ใกล้กับร้านคิตตี้) ถือว่าเป็นอีกร้านที่มาแรงแซงทางโค้งสุดๆ โดย KAMU หรือ คามุ มาจากภาษาญี่ปุ่นซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า “เคี้ยวหรือกัด” เป็นคำที่แทนท้อปปิ้งในชาของคามุได้ดีทีเดียว โดยที่ คามุ ตั้งคอนเซปเมนูของเค้าไว้ว่า “ชาที่สามารถเคี้ยวได้” อีกทั้งเมนูของคามุ เน้นความเป็นธรรมชาติ ซึ่งวัตถุดิบบางอย่างต้องนำเข้าจากต่างประเทศกันเลยนะ ยกตัวอย่างเช่น มัทชะ ที่นำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้ผู้บริโภคติดใจจนกลายเป็นกระแสปากต่อปากกันเลยทีเดียว อีกอย่างที่โดดเด่นคือคามุมีโลโก้ เป็นเจ้าตุ๊กตาหัวกลมลายเส้นขยุกขยิก ที่หลายคนคงคุ้นเคยกันดี จริงๆเจ้าโลโกตัวนี้มีชื่อด้วยนะ น้องเค้าชื่อว่า KAMU BOY นั่นเองจ้า
เมนูโดดเด่น แปลกใหม่ ชวนให้น่าลอง
เรากลับมองว่าสิ่งนี้ทำให้คามุโดดเด่นมาก เพราะเมนูของเค้ามีเยอะ ไม่เพียงแค่ชานมไข่มุก อย่างที่บอกไว้ตอนต้นว่า คามุ แปลว่า เคี้ยวหรือกัด ในภาษาญี่ปุ่น นั่นทำให้คามุมีเมนูและท็อปปิ้งให้เราได้เลือกเพียบเลยล่ะ ที่สำคัญเลยคือ เรารู้สึกว่าเมนูของเค้ามีความแปลกใหม่ เช่นชาชีสที่พ่นไฟ(เรียกถูกหรือเปล่า55555) หรือแม้แต่การเลือกระดับความหวานหรือความเข้มข้นของเครื่องดื่มได้ นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้เค้าขายดิบขายดีจนขยายสาขาไปทั่วเลย เรามาดูเมนูที่เราได้ลองกันดีกว่า เมนูที่เราไปลองก็คือ Milo Magma Lava โดยส่วนตัวเรารู้สึกว่ารสชาติไมโลนี่แหละ 55555 แต่เป็นไมโลที่มีความพิเศษที่มีความหนืดของช็อกโกแลตและคุ๊กกี้ รู้สึกแปลกๆแฮะ แต่แปลกที่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ดีนะ โดยส่วนตัวเราว่ารสชาติของเค้าค่อนข้างโอเคเลยแหละ ราคาค่าตัวแก้วนี้อยู่ที่ 100 บาท อ้ออเราขอแถมอีกนิด ด้วยความที่ไม่สามารถลองทานเองได้หมดทุกเมนู เลยแอบถามรุ่นพี่ที่รู้จักและไปด้วยกันว่า เคยกินเมนูอื่นของคามุหรือเปล่า? แน่นอนว่าเคย55555 โดยเค้าแนะนำเราว่าคราวหน้าให้ลองทานเป็นเมนูที่มีชีสพ่นไฟแบบที่เราบอกข้างบนน่ะแหละ ซึ่งเค้าบอกเราว่า “มันเวรี่กู๊ดมาก” หรือถ้าเพื่อนๆชาวคอนโดติดดอยคนไหนที่เคยลองเมนูไหนที่เวรี่กู๊ดกว่านี้ อย่าลืมแนะนำกันด้วยล่ะ
เรทราคา
คามุ มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนมาก โดยแต่ละเมนูเค้าบอกมาเลยนะว่า เครื่องกื่มของเค้าเนี้ยไม่ใช่ Low cost นะจ๊ะ เพราะชาของเค้าเป็นชาระดับพรีเมี่ยม ที่คนมีเงินจะทานก็ทานได้ หรือใครอยากจะทานก็มาดิคร้าบบบ เพราะเค้ามีโปรโมชั่นชวนให้ควักเงินไปจ่ายอยู่ตลอดเลยนะ โดยราคาของเค้ามีตั้งแต่ 35 บาทไปจนถึง100+ เลยทีเดียว
4. DASIKI TEA
Dakasi หรือ ดาคาซี่ สาขานี้ตั้งอยู่ตรงข้าม ATM Bar สังเกตุง่ายๆร้านที่ป้ายมีดาว เราเรียกเค้าว่า "ชาดาว" แหละ555555 ต้องบอกก่อนว่าร้านนี้เค้าไม่ธรรมดาเลยนะ เพราะน้องดาวเค้าอิมพอร์ตมาจากไต้หวันเลยทีเดียว!! ถ้าพูดถึงไต้หวันเราจะนึกถึงอะไรเอ่ย? ติ๊กต่อกๆๆ เฉลย ชานมไข่มุก นั่นเอง เรียกได้ว่าประเทศไต้หวันนี่แหละ เป็นต้นตำหรับชานมไข่มุกที่มีชื่อเสียงเป็นวงกว้าง เป็นที่รู้จักและขึ้นชื่อเรื่องชานมไข่มุกไปยังประเทศอื่นอีกด้วย เทียบง่ายๆก็คงจะเหมือนต้มยำกุ้งของไทยนั่นแหละ
เพราะมาจากไต้หวัน ฉันจึงโดดเด่น
อย่างที่บอกว่าน้องดาวเค้าเป็นสาวไต้หวัน ดังนั้นความเป็นต้นตำหรับของแท้จึงเป็นจุดขายที่ทำให้ใครๆก็อยากมาลองชิมสักครั้ง แต่น้องดาวบอกว่า พี่คะ หนูไม่ได้มีดีแค่นั้น!! เพราะวัตถุดิบของเค้าล้วนเป็นวัตถุดิบที่สดใหม่ ที่เค้าเคลมเลยว่าไข่มุกของเค้าไม่ติดกัน เพราะไม่ใช่ไข่มุกค้างคืน ทำใหม่ทุกวัน วันละหลายๆรอบ ทำไม่เยอะ ทำเพื่อเตรียมขายทุกๆ 2-3 ชั่วโมง ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าเราจะได้ลิ้มรสชาติที่สดใหม่อยู่เสมอ อีกทั้งชาของเค้ายังเป็นชาต้นตำหรับ ไม่หวานมาก สามารถบอกระดับความหวานแก่พนักงานได้ ไม่ว่าคุณจะทานหวานมาก หรือ หวานน้อย ระดับความเข้มของชา หรือระดับน้ำแข็งในแก้ว ก็รีเควสต์ได้เลยจ้า
เยอะนะจ๊ะดาว...
ใช่แล้วจ้า น้องดาวเค้าเยอะ เยอะที่ว่าก็คือเมนูนั่นเอง เราชั่งใจนานอยู่เหมือนกันว่าจะสั่งอะไรดี เพราะเค้ามีแยก แตกแขนงเพียบ ทั้งชานม ชาใส มัทชะ เฟรชมิลค์ ชาเลม่อน ชาผลไม้ เห็นมั้ยว่าน้องเค้าเยอะมากกก อ้อออ ลืมพูดถึงท็อปปิ้งเลย อันนี้ก็มีให้เลือกเยอะเหมือนกันทั้งไข่มุกขาว ว่านหางจระเข้ พุดดิ้งนม(เราชอบมากกก) เฉาก๊วย ไข่มุกลาวา ถั่วแดง วิปชีส ถั่วแดง มาดูเมนูที่เราสั่งกันบ้างดีกว่า เมนูที่เราสั่งก็คือ เฮยถังชานม ดาคาซี่ นั่นเอง เราสั่งแบบลดน้ำแข็ง พูดถึงเรื่องของหน้าตา หน้าตาดี แก้วยาว ปลอกแก้วเป็นเอกลักษณ์ด้วยโลโก้ร้าน ถ่ายลงไอจีแบบที่คนสายตาสั้นลบหนึ่งพันยังเห็นว่าเรากินชาดาว อิอิ เอาล่ะมาต่อกันที่รสชาติ แหมม น้องเค้าเคลมว่าอิมพอร์ตจากไต้หวัน ดังนั้น ขอชิมหน่อยซิ ว่าจะแน่ซักแค่ไหน ดูดปื๊ดแรก ยังเฉย ดูดปื๊ดสอง หืม ดูดปื๊ดสาม เอาล่ะ พอจะสรุปได้ว่า ไม่ได้ว้าวมาก รสชาติไม่ค่อยต่างจากชานมทั่วไป(เป็นความรู้สึกส่วนตัวนะจ๊ะ) แต่ก็ไม่ได้แย่นะ อาจจะเป็นเพราะเราคาดหวังว่าเค้าเป็นต้นตำหรับชานม เลยค่อนข้างจะเฉยๆ แต่สิ่งที่ทำให้เราประทับใจในตัว ดาคาซี่ เรื่องของเมนูนั่งแหละมีให้เลือกเยอะ วัตถุดิบเค้าทำใหม่อยู่เสมอ แถมพวกความเข้ม ระดับน้ำแข็ง และความหวานก็สามารถรีเควสต์ได้ ซึ่งมันเป็นความคิดที่ดีนะ อยากให้ทุกร้านทำแบบนี้บ้างจัง
เรทราคา
มีแบงค์ 50 ใบเดียวก็กินได้แล้ว ถึงแม้ว่าน้องเค้าจะเป็นเด็กนอก แต่ราคาก็ยังพอเอื้อมถึงได้ซึ่งเริ่มต้นที่ 45 บาทไปจนถึง 100+ (แอบบอกว่าถูกๆหน่อยจะเป็นพวกชาใสนะ)
5. fire tiger by seoulcial club
นาทีนี้คงไม่มีเจ้าไหนร้อนแรงเท่า fire tiger by seoulcial club หรือเรียกกันสั้นๆเป็นภาษาบ้านเราว่า ชาเสือพ่นไฟนั่นแหละจ้า อันนี้ออกตัวก่อนว่าไม่ได้ Bias เค้า555555 คือที่บอกว่าร้อนแรงก็คือเรื่องจริงนะ หลักฐานก็ดูได้จากจำนวนลูกค้าที่ต่อคิวย๊าวววยาวกันซะ แต่ก่อนเค้าจะมาเป็นชาเสือพ่นไฟอย่างนี้ เค้ามีที่มาที่ไปนะ โดยชาเสือพ่นไฟ เป็นร้านเฟรนไชส์ แตกสาขามาจากร้าน Seoulcial club ที่เปิดอยู่บริเวณสยามสแควร์ซอย 3 ซึ่งเป็นร้านที่ให้อารมณ์คาเฟ่ที่ตกแต่งอย่างสวยงามเลยทีเดียว โดยทางร้าน Seoulcial club ไม่ได้มีดีแค่การตกแต่งที่น่ารักสวยงาม เก๋ไก๋สไตล์เกาหลีเท่านั้น ทางร้านยังมีเมนูต่างๆที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เช่นกาแฟ ขนมนมเนย เบเกอรี่ ซึ่งทางร้านคัดสรรวัตถุดิบต่างๆมาอย่างดีเยี่ยม แต่ Seoulcial Club ก็เป็นเหมือนร้านอาหารทุกๆร้านนั่นแหละที่จะมีเมนูที่เป็น Signature ของเค้า ซึ่งเจ้าตัวเมนูนั้นก็คือเจ้าชาไข่มุกเสือพ้นไฟนี่แหละ ที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จน Seoulcial Club ถึงขั้นต้องเปิดร้านย่อยออกมาเลยทีเดียว นั่นจึงกลายเป็นต้นตำหรับชาเสือพ้นไฟนั่นเอง
อร่อยจริง หรือ อิงกระแส?
คำถามต่อมาคือ มาจาก Seoulcial club แล้วไงต่อ? เหตุใดจึงทำให้ชาเสือพ้นไฟ ขายดีจนต่อคิวรอยาวขนาดนี้? เอาจริงๆ คำตอบที่แน่นอนเราไม่สามารถรู้ได้จริงๆว่าเพราะอะไร แต่อันนี้เป็นการวิเคราะห์รวมๆของเราเลยนะ อาจจะไม่ถูกต้องก็ได้ เราว่าคงเพราะเจ้าชาเสือพ้นไฟของเค้าเนี้ยเป็นเมนูที่ส่งตรงมาจากไต้หวัน อย่างที่เรารู้ๆกันแหละว่าประเทศนี้เค้ามีชาไข่มุขเป็นเหมือน o-top เลยทีเดียว นอกนั้นอาวุธพิเศษของเค้ายังอยู่ที่ ไม่ได้เอามาแล้วขายแบบทื่อๆ ทางร้านยังเอามาพัฒนาสูตรเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ชานมรสชาติดี กลายเป็นกระแสที่ทำให้ลูกค้าหลายคนถูกอกถูกใจจนนำไปบอกปากต่อปาก ทั้งความหอมหวานของ Brown Sugar Sauce โดยเค้าจะบีบวนไปรอบๆแก้วก่อน บวกกับไข่มุก บราวน์ชูการ์ สูตรเด็ดเจ้าดังที่ส่งต่อมาจากประเทศจีน ไต้หวัน และฮ่องกง ไม่ต้องกลัวเรื่องวัตถุกันเสียเลยนะ เพราะทางร้านจะกวนไข่มุกในกระทะตลอดเวลา เพื่อให้ไข่มุกมีความหนึบหนับ และอุ่นตลอดเวลา พร้อมด้วย Bubble Jelly แอบทราบมาว่าน้องคนนี้เค้ามาจากไต้หวันด้วยนะ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ชาเสือ กลายเป็นชารสชาติดีที่หลายคนติดใจส่งผลให้เฟรนไชส์ประสบความสำเร็จในเวลาไม่นาน ล่าสุดเค้าเปิดให้บริการถึง 5 สาขาทั่วกรุงเทพแล้วนะ ส่วนสาขาที่เราแวะไปชิมมานั่นก็คือสาขาสยามสแควร์ซอย 7 นั่นเอง
กระแสแรง ราคาก็(แอบ)แรงไม่แพ้กัน
ลำพังพนักงานเงินเดือนหรือน้องๆนักศึกษาอาจจะกินเจ้าเสือพ้นไฟตัวนี้ไม่ได้บ่อยๆแน่ๆ เพราะราคาแอบแรงใช้ได้เลยแฮะ แบงค์ร้อยใบเดียวไม่พอนะบอกก่อน555555 อ่ะๆ มาดูกันดีกว่าว่าเราเลือกทานเมนูอะไร เมนูที่เราเลือกทานนั่นก็คือเมนูออกใหม่อย่าง The Crown หรือเจ้า “ราชาเสือ!!!” นั่นเอง หึหึ เป็นไง แค่ชื่อก็น่าเกรงขามแล้วใช่มั้ย เอาล่ะ เรามาดูกันว่าไอเจ้าราชาเสือแก้วนี้มีอะไรพิเศษบ้างง หน้าตาก่อน หน้าตาของเจ้าราชาเสือเนี้ย เค้าจะมีน้ำตาลทรายแดงพ่นไฟเป็นแผ่นหนาๆโรยอยู่บนหน้าเป็นเท็กเจอร์ของเค้าซึ่ง พูดถึงตัวชากันบ้าง บอกก่อนว่าใครไม่ชอบกลิ่นชาแรงๆ ข้ามตัวนี้ไปทานเมนูอื่นได้เลย เพราะกลิ่นชาแรงมากกกกกกกกกกกก ใครชอบก็คงจะเลิฟแน่ๆ โดยรวมถือว่าโอเค ชาเข้มข้น ถึงเครื่องมากๆเลย เอาล่ะ ขอพูดถึงเรื่องของราคา… ทุกคน เสือธรรมดาก็ราคาแพงแล้วนะ ราชาเสือ แพงมากกกกก แก้วนี้เราโดนไป220 บาท!!!!! ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า เอาน่า นานๆที (ควักเหรียญจ่าย)
เรทราคา
เดี๋ยวอ่านกันแล้วจะไม่กล้าไปซื้อกันเพราะคิดว่าจะราคานี้ไปซะหมด แอบแซวว่าแพงแต่จริงๆ ราคาเมนูของเค้าจะตกอยู่ที่ประมาณ 150 บาท เมนูมีให้เลือกเยอะนะ นอกจากราชาเสือแล้วเมนูขึ้นชื่ออย่าง Fire Tiger Milk Tea ก็น่าลองเหมือนกัน ราคาไม่แรงเท่าราชาเสือด้วย ใครได้ไปลองแล้วอย่าลืมแวะมารีวิวกับเราด้วยนะ
6. The Alley
มีเสือแล้วก็มีกวางตามมาติดๆ 5555555 สำหรับ The Alley ที่มีโลโกมาสคอสเป็นกวางน้อย เขาอลังการ เจ้านี้กระแสเค้าแอบแรงพอตัวนะ ไม่ได้แพ้เจ้าอื่นๆที่กล่าวมาข้างต้นเลย ส่วนตัวนี่เคยไปลองน้องกวางที่สาขาสยามสแควร์วันชั้น 4 อยู่ 2 ครั้ง ที่ไปกี่ครั้ง แถวน้องเค้ายาวทุกครั้งไป ซึ่งเราแอบสังเกตว่ากระแสน้องกวางน่าจะดังในโซเชี่ยลพอตัวเลยแฮะ หรือไม่ก็มั่วไปเอง เมสเสนเจอร์ พวก line man เอย lalamove เอย grab food หรือแม้แต่ now เองต่อคิวกันเพียบ เอาความจริง เราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าช่วงที่เราไปกินทางร้านเค้ามีโปรโมชั่นกับแอพด้วยหรือเปล่า แต่เอาเป็นว่า ไปสองครั้ง เมสเสนเจอร์ต่อคิวเยอะทั้งสองครั้งเลยน่ะสิ เราขอพูดเรื่องที่มาที่ไปของ ชาน้องกวางบ้าง The Alley เป็นชานมสัญชาติไต้หวัน ซึ่งขออนุญาตไม่พูดถึงประเทศมหาอำนาจแห่งชานมไข่มุกนี้แล้ว บอกก่อนว่า The Alley ไม่เพียงแต่เป็นที่นิยมแค่ในไต้หวันและไทยเท่านั้นนะ เท่าที่ทราบมาเนี้ย ชื่อเสียงของน้องเค้ายังดังไกลไปถึงประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น แคนาดา เวียดนาม และประเทศฝรั่งเศส อีกด้วย
ทำไมต้องเป็นกวาง?
The Alley ใช้กวางเป็นโลโกของร้าน จนกลายเป็นความโดดเด่นอย่างที่เราพอจะทราบๆกัน แต่รู้ไหมว่า เค้าไม่ได้สุ่มๆเลือกมาเพราะแค่ความสวยงามเท่านั้นนะ The Alley ใช้กวางเป็นโลโก้ โดยให้เหตุผลว่า กวางเป็นสัตว์ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา(น่าจะดูจากเขา) เป็นสัตว์ที่ดูมีเสน่ห์อย่างน่ามหัศจรรย์อีกทั้ง คำว่า Deer ที่แปลว่ากวางในภาษาอังกฤษยังไปพ้องเสียงกับคำว่า Dear ที่แปลว่าที่รักอีกด้วย ดูเป็นกิมมิคเล็กน้อยที่น่ารักมากๆ เอาล่ะเรารู้ที่มาที่ไปพอสมควรแล้ว ขออนุญาตพูดถึงเมนูกันบ้างนะ เมนูของทางร้านมีให้เลือกเยอะพอสมควร วามารถเลือกดื่มได้ตามใจชอบ ทั้งชานม เฟรชที ชาใส (อันนี้แปลเป็นไทยแบบบ้านๆเลยนะ) ซึ่งนอกจากเครื่องดืมแล้วอีกสิ่งหนึ่งของ The Alley ที่ขาดไม่ได้ก็คือท้อปปิ้งของเค้าอย่างเดียร์ริโอก้า เยลลี่มะพร้าว เรนโบว์เยลลี่ และอโลเวล่า ซึ่งการสั่งเมนูจากทางร้านสามารถเลือกระดับความเข้มข้น ความหวาน และระดับน้ำแข็งได้อีกด้วย ถือเป็นอีกร้านที่ต้องลิสท์ไว้เลยว่า ตามใจลูกค้าสุดๆ ส่วนเมนูที่เราได้ไปลิ้มลอง(สารภาพว่าครั้งแรกสุดจำไม่ได้5555555 เลยขอพูดถึงเมนูที่สองกันเลยแล้วกันนะ) เราเลือกเมนูที่ชื่อว่า Brown sugar deerioca puff & fresh milk โดยเมนูนี้เป็นหนึ่งในจตุเทพของเค้าเลยนะ เจ้า 4 จตุรเทพของ The Alley หรือ Signature Brown sugar deerioca series ที่จะมีอีก 3 ตัวอย่าง Fresh milk , Cocoa Fresh milk และ Matcha Latte นั่นเอง ขอกลับมาโฟกัสที่ตัวเมนูที่เรากันต่อดีกว่า เริ่มจากหน้าตาของเค้ากัน เจ้า puff & fresh milk สำหรับเราถือว่าหน้าตาดี ถ่ายลงไอจีสตอรี่สวยๆ ทรงแก้วจะเป็นทรงกลมๆ(อธิบายไม่ถูก เอาเป็นว่าเด่ยวแนบรูป) ซึ่งเราคิดไปเองว่า เหมือนจะได้น้อย ไปนิด ส่วนเรื่องของรสชาติไม่แน่ใจว่าเพราะสั่งเมนูที่เป็น Signature ด้วยหรือเปล่า เพราะอร่อย5555555 ไม่ได้จะบอกว่าเมนูอื่นของเค้าไม่อร่อยนะ แต่เพราะเมนูที่สั่งมาอร่อยมาก เราสั่งแบบหวานปกติรสชาติดีเลยล่ะ ถึงนม ถึงน้ำตาล ไข่มุกไม่แข็ง ส่วนตัวเราให้ผ่านนะสำหรับเมนูนี้ แต่ถ้าเงินเดือนออกก็คิดเหมือนกันว่า อยากจะไปลองเมนูอื่นๆของเค้าดูเหมือนกัน
เรทราคา
เราว่าน้องกวางจัดอยู่ในโหมดชานมราคาสูงอยู่นะ เพราะราคาจะตกอยู่ที่แก้วละ 80-130 บาทเลยทีเดียว อย่าง puff & fresh milk ที่เราสั่งนี่ปาไปแก้วละ 120 บาทแล้วนะ แต่ถือว่าคุ้มเพราะอร่อย5555555
7. Coco Fresh tea & Juice
มาถึงฝั่ง Coco Fresh tea & Juice หรือเรียกสั้นๆว่า โคโค่ กันบ้าง อันนี้ขอบอกเลยว่าหลายๆคนคงคุ้นหน้าคร่าตากันดีใช่ไหมล่ะ เพราะ โคโค่ เป็นอีกหนึ่งเฟรนไชส์ที่ถือว่ามีเยอะมากกกก เราเชื่อว่าเกือบทุกคนที่ชื่นชอบชาไข่มุกล้วนแล้วแต่เคยผ่านการชิมร้านนี้กันเกือบทุกคนแน่ๆ Coco Fresh tea & Juice เป็นร้านเฟรนไชส์ตัวจริงของแท้จากประเทศไต้หวันเช่นเดียวกับหลายๆร้านด้านบนเลยนะ เผื่อไม่รู้ ด้วยความหลากหลายสาขาของโคโค่นี่แหละ สามารถเป็นตัวการันตีและเป็นเครื่องพิสูจน์ความนิยมของเค้าได้เช่นกัน ที่มาของโคโค่เกิดจากการที่ผู้นำเข้าชาวไทยอย่างคุณโก้ เป็นคนที่ชื่นชอบชานมอยู่แล้ว โดยเค้าได้ชิมชานมมากกว่า 10 แบรนด์ในไต้หวัน แล้วติดใจในเจ้าตัวโคโค่มากที่สุด นั่นจึงทำให้เจ้าตัวโคโค่ได้มาจับมือทำความรู้จักคนไทยจนถึงปัจจุบันนี้เลยล่ะ
เมนูของร้านไม่ได้มีแค่ชา
Coco Fresh tea & Juice ตามชื่อของเค้าทำให้เรารับรู้ได้ทันทีว่า โคโค่ไม่ได้มีแค่ชาแน่นอนเพราะ Juice ที่แปลว่าน้ำผลไม้นั่นเอง อีกทั้งทางร้านโคโค่ทุกสาขา ใส่ใจในเรื่องของวัตถุดิบมากๆ ทุกๆอย่างนำเข้าจากไต้หวันหมดเลยนะ บวกกับความสดใหม่อีกด้วย โคโค่จะต้มชาสดในร้านกันเลยทีเดียว อีกทั้งเค้ายังมีวิธีการที่ไม่ทำให้ไข่มถกแข็งเกินไปอีกด้วย ในด้านของเมนูมีให้เลือกเยอะ ทั้งชานม ชาสด เมนูแบบสเปเชี่ยล และเครื่องดื่มเกล็ดหิมะ อีกอย่างที่บอกไว้เมื่อซักครู่ก็คือน้ำผลไม้นั่นเอง ท้งเสาวรส มะม่วง บลูเบอร์รี่ เลม่อน (จำพวกผลไม้จะอยู่ในโหมดของเครื่องดื่มเกล็ดหิมะ) ส่วนเมนูที่เราสั่งก็คือเมนูชานมโคโค่เลย ซึ่งอันนี้เป็นต้นตำรับเค้าเลยนะ เลือกสั่งแก้วใหญ่ ดื่มกันจุกๆไปเล้ยย พูดถึงหน้าตาก่อนเช่นเคย หน้าตาน้องเค้าธรรมดาๆ ไม่มีลูกเล่นอะไรเท่าไหร่ แต่พ่อแม่เคยสอนเราไว้ว่า "มองคนอย่ามองแต่ภายนอก มองชาไข่มุกอย่ามองแต่สีชา" (อันหลังเราเติมเอง555555555) เจาะหลอดดูดน้องเค้าโลดด หลังจากดื่มไปแล้วรู้สึกได้เลยว่ารสชาติดี อร่อย5555555 สำหรับเรานะ เราว่าอร่อยเลยแหละ หวาน นุ่ม ดูดเพลิน หมดแก้ว ใครที่ชอบชาไข่มุกรสชาติหวานๆนุ่มๆละมุนๆน่าจะชอบเหมือนเรา อ้อ แอบติงนิดหนึ่ง ข้อเสียของเค้าคือสั่งลดหรือเพิ่มระดับความหวานไม่ได้นะ อันนี้คนไม่ชอบหวานอาจจะไม่ปลื้มเท่าไหร่
เรทราคา
ถูกมากกกก เมื่อเทียบกับเจ้าอื่น ปริมาณก็เยอะ อย่างชาที่เราสั่งไซส์ใหญ่นี่แก้วละ 75 บาทเองนะ โดยรวมราคาทั่วๆไปของเค้าจะอยู่ที่ 40-80 บาทประมาณนี้แหละ กินบ่อยๆได้ ไม่ขัดสนเท่าไหร่
8. Brown Café
อยู่กันที่ร้านที่ 8 แล้ว สำหรับร้าน Brown Café ร้านชานมไข่มุกแสนน่ารัก ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 สยามสแควร์วันซึ่งเป็นสาขาที่เราแวะไปชิมมานั่นเอง เราขอพูดถึงที่มาที่ไปของเค้าก่อนแล้วกันนะ Brown Café ร้านชานมไข่มุกสุด Cute ส่งตรงมาจาก “เชียงใหม่” ใช่แล้ว น้องเค้าเป็นสาวเหนือจ้าทุกคน แล้วด้วยความที่น้องเค้ามีชื่อเสียงค่อนข้างมากเลยทีเดียว สาวเชียงใหม่ก็เลยส่งตัวแทนมายังกรุงเทพ กลายเป็นร้านชาไข่มุก Brown Café ให้เราได้ไปลองนั่นเอง
ชาไข่มุกที่ใส่ใจทุกรายละเอียด มีกลิ่นอายของคาเฟ่ในทุกแก้ว
ด้วยความที่เป็นคาเฟ่น่ารักๆ แถวนิมมานต์ จังหวัดเชียงใหม่มาก่อน ซึ่งถ้าใครเคยไปเที่ยวบริเวณถนนนิมมานต์ เชียงใหม่ ต้องรู้ๆกันอยู่แล้วล่ะว่า คาเฟ่แต่ละร้านที่นี่เค้ามีความเก๋ ความน่ารัก หรือความชิคที่แตกต่างกันไป เช่นเดียวกันกับ Brown Café ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครเช่นเดียวกัน ทุกเมนูของเค้าทำให้เรายังรับรู้ได้ถึงความเป็นคาเฟ่อยู่เบาๆ หรือแม้แต่การตกแต่งร้านที่สาขาสยามสแควร์วันแห่งนี้ก็ยังดูน่ารักให้เราได้สัมผัสความเป็นคาเฟ่อีกด้วย ทางด้านเมนูของ Brown Café ทางร้านมีเมนูให้เราเลือกชิมพอสมควรนะ แยกเป็นหมวดๆจำพวก Fresh Milk , Original , Flavored Tea Milk Tea , Latte Series , Refreshing me , Cheese Macchiato ซึ่งในแต่ละหมวดก็จะมีเมนูย่อยๆไปอีก อย่างเมนูที่เราไปลองชิมมา Matcha Latte ที่อยู่ในหมวด Latte Series นั่นเอง เอาล่ะเราขอพูดถึงเมนูที่เราสั่งเลยนะ เมนูมัทชะ ลาเต้ หน้าตาดูธรรมดาสำหรับเรา55555555 แต่แก้วน่ารักนะ มีสัญลักษณ์ร้าน ไม่ได้มีการตกแต่งบีบนมหรือใส่เป็นพิเศษอะไร มีชามีไข่มุก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับขี้เหร่อะไรขนาดนั้น แค่เราไม่ค่อยว้าวนั่นแหละ หน้าตาผ่านไป เรามาดูรสชาติกันดีกว่า ส่วนตัวเราว่ารสชาติค่อนข้างเฉยๆ แต่กลิ่นชาเขียวแรงดีนะ มั่นใจได้ว่าเค้าใช้ชาของแท้ชง5555555 การบ้านในส่วนมัทชะทำดีมาก แต่ในส่วนของลาเต้ยังได้คะแนนน้อยอยู่ เรารู้สึกว่าไม่ค่อยถึงนม ไม่ค่อยได้รับความรู้สึกหวานมันสักเท่าไหร่ แต่อาจจะมีเมนูอีนๆที่อร่อยกว่านี้ก็ได้ เพื่อนๆคนไหนเคยทานก็อย่าลืมแนะนำเราให้ไปแก้ตัวด้วยล่ะ ส่วนราคาเทนูที่เราชิม ตกอยู่ที่แก้วละ 75 บาท เสริมอีกนิด ทางร้านมีทั้งแบบแก้ว และแบบกระบอกน้ำด้วยนะ ซึ่งสามารถเอามาใช้ใหม่ได้อีกด้วย ช่วยลดโลกร้อน แต่ราคาจะแพงกว่าแบบแก้วนะ
เรทราคา
เราว่าราคายังอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางสูง แต่ก็ไม่ได้สูงมากจนอึ้งตอนจ่ายเงิน5555555 ราคาในแต่ละเมนูของเค้าจะตกอยู่ที่ 60-90 บาทนั่นเอง
9. Nomi Mono
ใกล้ถึงเส้นชัยกัน เพราะตอนนี้เราพาทุกคนอยู่กันในร้านลำดับที่ 9 อย่าง Nomi Mono ร้านนี้ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ใกล้บันไดเลื่อน สยามสแควร์วัน อันดับแรกขอพูดถึงร้านก่อนเลย สว่างสไวเตะตามากๆ สังเกตง่ายๆคือร้านที่ที่มีโลโก้ภาษาญี่ปุ่นเรืองแสงสีเขียวๆนั่นเอง เอาล่ะ เหมือนอย่างเช่นเคยเราขอเริ่มที่ความเป็นมาเป็นไปของร้านเค้าก่อน Nomi Mono เป็นร้านที่ส่งตรงมาจากประเทศญี่ปุ่น เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลเลยทีเดียว โดย Nomi Mono เป็นร้านชานมที่เสิร์ฟชาพรีเมี่ยม ที่วัตถุดิบของเค้านำเข้ามาจากญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน
กว่าจะมาเป็นชานมในแต่ละแก้ว ส่วนผสนมทุกอย่างล้วนพรีเมี่ยม
อย่างที่เราบอกไว้ตอนต้นว่าเจ้านี้เค้าส่งตรงมาจากญี่ปุ่น ที่ไม่ใช่แค่ชื่อร้านเท่านั้นนะ เพราะทางร้านเลือกใช่วัตถุดิบที่มาจากญ่ปุ่นเกือบหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นมัทชะเกียวโต มันม่วงโอกินาว่า นมสดแท้100% ท็อปปิ้งของเค้า 0 แคลอรี่นะจ๊ะ ซึ่งนี่ก็ทำให้เรามั่นใจได้ว่า ในแต่ละเมนูที่บรรจุอยู่ในแก้วชานมของเรานั้นล้วนเป็นวัตถุดิบพรีเมี่ยมของแท้ เรียกได้ว่าหลังจากดื่มแล้วอาจจะคุยกับเพื่อนไม่รู้เรื่องนะ เพราะน่าจะพ่นภาษาญี่ปุ่นมาเลย “สุโค่ยยย” 555555 ขอพักความเพ้อเจ้อไว้ก่อน เราขอพูดถึงเมนูต่อเลย Nomi Mono มีเมนูไม่ค่อยเยอะมากนัก แต่ต้องบอกก่อนว่าแต่ละเมนูก็ล้วนแล้วแต่เป็นเมนูยอดนิยมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อย่างเมนูที่เราไปชิมมาชื่อว่าเมนู Twinkle Twining ชานมรสชาติเข้มข้น หวานมัน เราให้ผ่านนะ5555555 โดยเฉพาะไข่มุกเราชอบมาก หนึบแต่ไม่แข็งอร่อย สารภาพเลยว่ากินเพลินมาก ซึ่งเอาจริงๆมันก็มีเมนูอื่นๆอย่างพวก Uji Frist snow ,1706 Twining ,Unicorn Rainbow ซึ่งถ้าเพื่อนๆคนไหนไปลองแล้วอย่าลืมแวะมาบอกกันด้วยล่ะ
เรทราคา
คงเพราะเดินทางมาไกลจากญี่ปุ่น ราคาแอบแรงอยู่ไม่น้อยเพราะเพราะราคาแต่ละแก้วจะตกอยู่ที่ 90-120+ (นานกินทีก็พอเนอะ555555)
10. KOI The
เวียนมาจนถึงร้านสุดท้ายแล้ง ร้านนี้เราแนะนำเป็น KOI หรือโคอิเตะ หรือก้อย นั่นเอง5555555 สารภาพว่าตอนแรกๆ ปล่อยไก่เรียกก้อยๆ อยู่ตั้งนาน จนเพื่อนบอกว่า เอ็งจะไปกินลาบหรือชาไข่มุก สุดท้ายก็มารู้ว่า น้องเค้าชื่อว่าโคอิเตะ ไม่ใช่แฟนพี่ตูนแต่อย่างใด สำหรับร้านนี้เราเชื่อว่าทุกคนคุ้นเคย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เปิดมานานอะไรขนาดนั้นแต่ร้านนี้ มีชื่อเสียงค่อนข้างเลยล่ะ แถมยังมีหลายสาขาอีกด้วย หาทานง่าย ส่วนร้านที่เราไปชิมนั้นคือสาขาสยามสแควร์วัน ชั้น 3 นั่นเอง บอกก่อนว่าถึงแม้ร้านก้อย หรือโคอิเตะ จะเป็นที่คุ้นเคยและหาทานง่าย แต่เราเองกลับเคยทานแค่ครั้งสองครั้งเอง5555555 เรามาดูที่มากันดีกว่า โคอิเตะ เป็นแบรนด์ที่มีจากไต้หวันแท้ๆ ต้องบอกก่อนว่า แบรนด์นี้เค้าเป็นที่นิยมไม่ใช่แค่ที่บ้านเรานะ คือเค้าฮิตไปทั่วเอเชียเลยนะเพราะมีสาขาอยู่ใน 12 ประเทศ แต่ไต้หวันซึ่งเป็นประเทศต้นตำหรับกลับมีอยู่เพียง 2 แห่งเพื่อเป็นสาขาต้นแบบเท่านั้น ก่อนจะขยายมาที่สิงคโปร์ จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม กัมพูชา ไทย มาเลเซีย และ พม่า หืมมมม อย่างกับซุปเปอร์สตาร์เลยนะ ซึ่งประเทศไทยของเราได้นำเข้า โคอิเตะมาครั้งแรกในปี 2016 กับสาขาแรกที่เซ็นทรัลบางนานั่นเอง
ดิสเพลย์ที่เป็นเอกลักษณ์ของร้าน
ไม่ว่าจะผ่านไปร้านโคอิเตะสาขาไหน สิ่งที่เราจะเห็นกันอยู่เสมอก็คงจะหนีไม่พ้นดิสเพลย์แก้วชานมไข่มุก ที่มีไข่มุกสีทองล้นออกมาจากแก้ว กลายเป็นภาพที่คุ้นตาและเป็นเอกลักษณ์ของร้านไปซะแล้ว ครั้งแรกที่เห็นเราทึ่งมากเลยนะ จริงจังเลยถามก่อนว่าใครเห็นแล้วไม่เอามือไปจับบ้าง? อ่ะ อย่างน้อยๆแค่แตะก็ยังดี55555555 เรามองนี่แหละ จุดเด่น มันทำให้เรารู้สึกว่า เอ้ยย น่าลองนะ ไข่มุกมันจะเป็นอย่างนี้จริงหรือเปล่า หรือถ้าคิดอะไรไม่ออกเห็นอะไรเตะตา โอเคฉันเลือกร้านนี้ (อันนี้ความเห็นส่วนตัวของเราล้วนๆ) มาในส่วนของเมนูของโคอิเตะ เราว่าเมนูเค้าเยอะพอสมควรเลยนะ คือแบ่งเป็นหวมดเลยแหละ Flavored Tea , Milk Tea , Chewy Tea , Signature Macchiato ที่สำคัญเลือกระดับความหวานได้ตั้งแต่ หวานมากจนต้องตัดขาทิ้ง ไปจนทิ้ง ไม่ใส่น้ำตาลเลยก็ได้ สำหรับเมนูที่เราเลือกทานในวันนี้ก็คือ Milk Tea หรือชานมธรรมดาๆ นี่แหละ ออกตัวก่อนอีกครั้งว่าเป็นความรู้สึกส่วนตัวของเรานะ สำหรับเราชานมแก้วนี้ธรรมดาไปนิด แต่ก็ไม่ได้ถึงกับแย่หรอก อ้ออ ลืมบอกว่าเราสั่งหวานธรรมดาไป สำหรับไข่มุก เราไม่ค่อยปลื้ม เราว่าไข่มุกแข็ง เคี้ยวๆแล้วแอบปวดกรามนิดหน่อย แต่อาจจะเพราะว่าเราไม่ได้สั่งเมนูเด็ดของเค้าหรือเปล่า
เรทราคา
ราคาอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้สูงมาก เริ่มแก้วละ 45บาท ซึ่งรวมๆก็อยู่ที่ 45-100 บาท เพราะราคาที่ไม่สูงมาก บวกกับสาขาที่ค่อนข้างเยอะ เราว่าสิ่งนี้อาจจะทำให้น้องก้อยของเรา ประสบความสำเร็จมากๆก็เป็นได้นะ
เป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับร้านชานมไข่มุกทั้ง 10 ร้านที่เราเอามาฝาก ต้องบอกก่อนว่าที่สยามยังมีอีกหลายร้านที่รอให้เราได้ไปลิ้มลองอีกเพียบ แต่วันนี้ต้องขอพักไว้แค่ 10 ร้านก่อน ถ้าทานหมดภายในครั้งเดียว มีหวังได้เบาหวานขึ้นกันแน่ๆ5555555 อ้ออ แล้วก็ขอย้ำอีกทีว่า เราทานเอง ไม่ได้สปอนเซอร์ ทุกแก้วที่ทาน เป็นความรู้สึกส่วนตัวเราล้วนๆนะจ๊ะ ถ้าเพื่อนๆชาวคอนโดติดดอยมีร้านไหนที่อยากแนะนำเรา ก็สามารถเอาบอกเล่ากันได้ อาจจะมีชานมไข่มุกภาค 2 ก็เป็นได้5555555 แต่ตอนนี้ขอตัวไปเจาะน้ำตาลที่ปลายนิ้วก่อนล่ะแล้วครั้งหน้า เราจะพาทุกคนไปไหนอีกอย่าลืมติดตามกันด้วยนะจ๊ะ