คนเราเมื่อทำงานมีเงินเก็บสักประมาณหนึ่งแล้วก็ย่อมต้องอยากจะสนองปัจจัยสี่ของตัวเองใช่มั้ยล่ะ ที่อยู่อาศัยก็ต้องเป็นหนึ่งในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย...
แหะๆ หมีมาแบบเคร่งเครียดกันเล็กน้อยอย่าแปลกใจ เพราะวันนี้หมีจะเปิดคัมภีร์เอาใจคนรุ่นใหม่ ที่ปั่นงานเก็บเงินเอาไว้ส่วนหนึ่ง หักค่าชาบู ค่าชานมไข่มุก ค่าบัตรคอนเสิร์ต และของเซลส์ไปแล้ว เงินเก็บที่เราลำบากหลังขดหลังแข็งเก็บมาหลายปีย่อมต้องอยากจะเอาไปลงทุนอะไรสักอย่างเพื่อทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น ถ้าไม่ใช่ซื้อรถ...ก็ต้องเป็นที่อยู่อาศัย และในฐานะคนรุ่นใหม่ แน่นอนว่าสิ่งที่มองหากันในด้านที่อยู่อาศัยย่อมต้องเป็นคอนโดฯ
แต่ในฐานะน้องน้อยแห่งวงการอสังหาฯ การจะเริ่มซื้ออะไรที่ดูยิ่งใหญ่มากๆ แบบนี้มันน่าวิตกกังวลเหลือเกินค่ะคุณกิตติ กระซิกๆ... หลายคนคงรู้สึกแบบนี้ แต่ไม่ต้องห่วง วันนี้หมีคัดมาให้แบบเต็มๆ เค้นแล้วเค้นอีกจนเหลือแต่เนื้อเน้นๆ เรามาดูกันดีกว่าว่าการจะตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดฯ สักที่หนึ่ง สำหรับมือใหม่หัดซื้ออย่างเราควรเริ่มต้นยังไงกันบ้าง ฮูเร่!
สำรวจเงินในกระเป๋า
สิ่งแรกเลยที่ต้องทำให้แน่ใจคือ หมูน้อยของเราอ้วนมากแค่ไหน น้องพุงใหญ่พอที่จะโดนเชือดหรือเปล่า (ฟังดูใจร้ายมากเจ้าหมี!) แต่นี่เป็นเรื่องจริง กำลังทรัพย์เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่มือใหม่ควรใส่ใจ เงินเก็บเรามีเท่าไหร่ จำเป็นต้องกู้อีกเท่าไหร่ เงินเดือนเท่านี้กู้ได้หรือไม่ จ่ายผ่อนชำระค่างวดแต่ละเดือนแล้วเราไหวจริงมั้ย และอีกสารพัดสารพันที่เราต้องศึกษาก่อนให้ดี
นั่นแหละครับท่านผู้ชม เมื่อเราประเมินราคาในแบบที่เราสู้ได้ไหวแล้ว จากนั้นเราก็ค่อยแสกนหาคอนโดฯ ที่ใช่ของเราต่อไป ซึ่งพี่หมีคิดว่าประเทศเราก็มีคอนโดฯ ที่มีความหลากหลายเยอะนะ รูปแบบที่ตอบโจทย์ ราคาที่ใช่ ทำเลต่างๆ แบบที่ต้องการ เปรียบเทียบกันเลยว่าคุ้มค่าหรือไม่ที่เราจะทุบกระปุกหมูน้อยเพื่อโครงการนั้นๆ
เลือกโครงการที่ใช้ กาทำเลที่ถูกใจคุณ
ทำอย่างกับจะมาหาเสียง 5555 สำหรับขั้นตอนต่อไปเกริ่นไว้บรรทัดบนแล้วว่าประเทศเรามีความหลากหลายของโครงการมากมาย เรามาดูกันก่อนว่าเราต้องการทำเลแบบไหน บางคนชอบแบบใกล้ที่ทำงาน บางคนชอบแบบใกล้รถไฟฟ้า บางคนชอบทำเลใกล้ความบันเทิง แต่บางคนก็ชอบแบบเงียบสงบ ซึ่งการอ่านจากคำโฆษณาของแต่ละเจ้านั้นไม่ช่วยอะไรมาก พี่หมีแนะนำว่าลงทุนไปดูเองเลยดีกว่าว่ารอบๆ โครงการเป็นยังไง อีกอย่างคือชื่อเสียงของดีเวลลอปเปอร์ก็สำคัญ ยังไงเลือกเอาดีๆ
นอกจากนั้นคือ Facilities ที่โครงการมีมาให้ มีสระว่ายน้ำแบบที่ต้องการมั้ย มีฟิตเนสให้ใช้อย่างที่อยากได้หรือเปล่า ถ้าชอบสวนหย่อมล่ะ สวนหย่อมที่โครงการมีให้กว้างพอใช่มั้ย ที่จอดรถโครงการเพียงพอต่อผู้อาศัยหรือไม่ แต่ที่สำคัญคือความปลอดภัยนี่แหละ คนสวยๆ หล่อๆ อย่างเราก็ต้องเซฟตัวเองหน่อย ยังไงก็ตามการเลือกทำเลควรทำอย่างช้าๆ ทำใจร่มๆ เลือกในแบบที่ตอบโจทย์เราที่สุด จะได้อยู่กันไปนานๆ เนอะ
Low Rise VS High Rise?
อีกเรื่องที่มือใหม่ควรรู้คือคอนโดฯ จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ Low Rise กับ High Rise ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีข้อเสียที่ต่างกัน พี่หมีสรุปเลยแล้วกันว่า...
Low Rise จะเป็นคอนโดฯ สูงไม่เกิน 7-8 ชั้น มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าเพราะยูนิตน้อย จำนวนผู้อยู่อาศัยก็น้อยไปด้วย ไม่ต้องรำคาญเรื่องคน เหมาะกับพวกชอบความเงียบสงบ ความปลอดภัยก็ควบคุมได้ง่าย แต่ส่วนกลางอาจน้อยไปนิด (ไงก็ตามพี่หมีเห็นว่าเดี๋ยวนี้คอนโด Low Rise เริ่มหันมาใส่ส่วนกลางแบบจัดเต็มแล้วล่ะ) ค่าส่วนกลาง แน่นอนว่าจะสูงหน่อยเพราะคนหารน้อย ส่วนคนชอบวิวดีๆ อาจจะถอนหายใจ เพราะทำใจได้เลยว่าคอนโดเตี้ยแบบนี้แทนที่จะได้เห็นวิวคงจะเห็นแต่ตึกข้างเคียงเอา แต่ก็นะ...เวลาเกิดเหตุไม่คาดฝันอย่างน้อยก็ยังวิ่งออกจากตึกได้เร็วกว่าอยู่ดี อิอิ
High Rise คือคอนโดฯ ที่สูงมากกว่า 8 ชั้นขึ้นไป คนชอบวิวน่าจะเลิฟๆ เพราะเลือกได้ว่าอยากเห็นวิวจากทิศไหน ส่วนกลางจัดเต็มอลังการแบบแข่งกันเลยแหละ แต่ก็ต้องทำใจนะว่าบางทีอาจจะไม่ได้ใช้เพราะคนใช้เยอะไปหน่อย ต้องหาเวลาไปใช้ในช่วงที่คนไม่ค่อยมีแทน เรื่องความเป็นส่วนตัวก็จะน้อยลงนิดอย่างที่น่าจะคาดกันได้ และในเรื่องของความปลอดภัยก็จะน้อยกว่าแบบ Low Rise อยู่บ้าง แต่เชื่อเถอะว่าสิ่งอำนวยความสะดวกจะดีกว่า เพราะหลายๆ โครงการมักจะสร้างคอมมูนิตี้มอลล์ไว้ในโครงการหรือตรงข้ามโครงการ ยกเอาร้านกาแฟร้านอาหารมาไว้ หิวๆ ก็ไม่ต้องไปไหนไกล เรียกว่าสะดวกไปเลยจ้า
ขนาด-ทิศ-ที่ตั้ง ส่วนประกอบสำคัญในการเลือกห้อง
คนที่แพลนไว้แล้วว่าไม่ได้อยู่คนเดียว อาจจะมีพ่อแม่ แฟน หรือเพื่อนอยู่ด้วยหรือแวะมาหาบ่อยๆ อาจจะเลือกห้องที่ขนาดใหญ่หน่อยเพื่อไม่ให้อึดอัด แต่ถ้าอยู่คนเดียวก็คงไม่มีปัญหากับเรื่องขนาดห้องนั่นแหละ
นอกจากนั้นทิศของห้องก็เป็นสิ่งสำคัญ ยกตัวอย่าง ถ้าเราตื่นสายก็คงไม่อยากให้มีแสงแดดมารบกวนช่วงเวลาแห่งความสุขของเรา ดังนั้นถ้าการจะเลือกห้องทิศตะวันออกคงไม่เหมาะเท่าไรนักเพราะแสงแดดจะส่องในช่วงเช้า แต่ถามว่าทิศไหนร้อนที่สุดคงเป็นทิศตะวันตกที่พระอาทิตย์จะเร่งความร้อนอบเราในช่วงเที่ยงช่วงบ่ายจนสุกแหง่ก
ในส่วนของที่ตั้งห้อง จำง่ายๆ คืออย่าเลือกห้องที่ใกล้จุดทิ้งขยะหรือตรงกับลิฟต์! เพราะกลิ่นไม่พึงประสงค์จะทำร้ายเรา พอๆ กับความวุ่นวายและเสียงการทำงานของลิฟต์เลย ส่วนเรื่องการเลือกชั้น ถ้าจะซื้อคอนโดแบบ Low Rise เลือกอยู่ชั้น 4 ขึ้นไปดีกว่าเพราะไม่วุ่นวายกับคนมากนัก ส่วนคอนโดฯ แบบ High Rise นั้นก็เลือกชั้น 8-10 กำลังสวย รอลิฟต์ไม่นาน ไฟไหม้ขึ้นมาหนีได้ทันอีกต่างหาก (เรื่องกลัวตายขอให้บอก แหะๆ) แต่ถ้าจะซื้อไว้ปล่อยเช่าหรือขายเก็งกำไรไม่ได้เอาไว้อยู่เองก็ซื้อสูงๆ ไปเลยจ้า
ว่าด้วยเรื่องของ EIA วันตรวจรับ และวันโอนกรรมสิทธิ์
สำคัญอย่างยิ่ง สำคัญมากๆ ขีดเส้นใต้เอาไว้เลยว่า เราต้องเช็คให้ดีว่าโครงการที่เราเล็งไว้นั้นผ่าน EIA หรือไม่ ว่าแต่ EIA คืออะไร? EIA (Environmental Impact Assessment Report) คือการทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมทั้งในทางบวกและทางลบจากการพัฒนาโครงการ และถ้าไม่เลือกโครงการที่ผ่าน EIA ก็ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดปัญหาให้ปวดหัวได้ เพราะถ้าโครงการนั้นไม่ผ่าน EIA การก่อสร้างก็จะช้าลง หรืออย่างร้ายที่สุดคือยกเลิกโครงการไปเลยเหมือนกัน ไม่ใช่เล่นๆ นะจ๊ะ เตือนแล้ววว
ส่วนวันที่ไปตรวจรับคอนโดฯ นี่ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะใช่ว่าเราทุกคนจะรู้เรื่องงานก่อสร้างนี่เนอะ ดังนั้นเพื่อเซฟตัวเองควรอัญเชิญปรมาจารย์ด้านนี้ไปด้วย ถ้าไม่มี...จ้างครับผม ประมาณ 3,000 - 8,000 แล้วแต่กรณี แต่ถ้าห้องยังไม่เรียบร้อย อย่า! เซ็น! รับ! บ้าน! ไม่ว่าใครจะอ้อนวอนตาปริบๆ ก็อย่าใจอ่อน! ต่อให้เอาโปรโมชั่นอะไรมาหย่อนเบ็ดให้ก็ต้องใจแข็งไว้! เพราะถ้าห้องเราไม่เรียบร้อยแต่เซ็นไปแล้วเรามักจะไม่ได้รับการดูแลที่ดีเมื่อเทียบกับก่อนเซ็นแน่นอน
ส่วนสุดท้าย วันโอนกรรมสิทธิ์ วันที่เราจะได้คอนโดฯ เป็นของตัวเอง แต่ก็อย่าชะล่าใจเหมือนกัน เพราะในวันนี้ก็ยุ่งยากไม่แพ้กัน เราต้องเตรียมหลายอย่าง ทั้งการยื่นกู้ธนาคาร การโอนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง ค่าเงินกองทุนส่วนกลาง ค่าเงินประกันมิเตอร์น้ำและไฟ ฯลฯ สารพัดสารพัน แต่ถ้าเรียบร้อยแล้วก็คือหายใจคล่องกันล่ะคร้าบบบ
หลังจากเสร็จสิ้นทุกพิธีกรรม เอ๊ย! ทุกขั้นตอนแล้ว ทีนี้เราก็จะเข้าสู่ช่วงการซื้อของแต่งห้อง พร้อมวางแผนการใช้หนี้ในอีกหลายปีข้างหน้า (แค่กๆ) แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตเนอะ ยังไงก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดของการเลือกซื้อคอนโดแบบมือใหม่คือ วงเงินที่เราสามารถรับไหว ทำเลแบบที่เราต้องการ และความถูกใจในแบบของเรา สามสิ่งนี้แหละสำคัญที่สุด!