นาทีนี้ถ้าพูดถึงซีรีส์ที่กำลังถูกพูดถึงมากที่สุด คุณคิดถึงเรื่องอะไร?
Game of Thrones? ไม่ๆ นั่นจบไปแล้วน่า Chernobyl? เรื่องนี้ก็สุดเจ๋ง แต่กระแสของเค้าก็ผ่านมาสักพักแล้วนะ เอาใหม่ๆ ให้โอกาสอีกที ใบ้ว่าเป็นแนวไซไฟ-ทริลเลอร์ และ...ใช่แล้ว! นั่นคือเรื่อง Stranger Things ซีรีส์เรื่องดังของทาง Netflix นั่นเองจ้า เย้ วู้วว (หมีคือหน้าม้า)
สำหรับเรื่อง "Stranger Things" นี้ พี่หมีเชื่อว่าหลายคนถึงไม่เคยดูแต่ก็ต้องเคยได้ยินชื่อมาบ้างแหละ เหมือนคำที่ว่าถึงไม่เคยกินหมูแต่ก็ต้องเคยเห็นหมูวิ่ง! (อยู่ๆ ทำไมมาพูดถึงหมู 555) รู้มั้ยว่าทันทีที่ซีรีส์เรื่องนี้พรีเมียร์ครั้งแรกก็ได้กลายเป็นกระแสไปทั่วโลก คนที่ดูแล้วแน่นอนว่าย่อมรู้เหตุผลที่ว่าทำไมซีรีส์มันถึงปัง แต่คนที่ไม่เคยดูก็คงจะครุ่นคิดว่า เอ๊...ซีรีส์เรื่องนี้ต่างจากเรื่องอื่นยังไงล่ะ เห็นติดโฆษณาเต็ม BTS ไปหมดเลย
งั้นวันนี้ เพื่อให้สามารถล่อลวงเพื่อนๆ หลายคนเข้าด้อม Stranger Things ได้ หมีเลยจะพาทุกคนมาดูเหตุผลกันว่า ซีรีส์ไซไฟยุค 80s เรื่องนี้มันเจ๋งแค่ไหน ทำไมใครๆ ถึงต้องดู!
ซีรีส์ไซไฟกลิ่นอายยุค 80
ถ้าจะถามว่าในวงการนี้มีหนังมีซีรีส์เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เยอะแค่ไหนก็ต้องบอกเลยว่าเยอะมาก! แต่ Stranger Things เป็นซีรีส์อเมริกันแนวไซไฟที่มีเนื้อหาไทม์ไลน์ในช่วงปี 1980 แถมยังเอาเด็กมาดำเนินเรื่องอีกต่างหาก
ให้หมีปูพล็อตสักหน่อยก็คือซีรีส์เรื่องนี้พูดถึงการหายตัวไปอย่างลึกลับของเด็กชายที่ชื่อว่า Will Byers ในเมืองสมมติอย่าง Hawkins ทำให้กลุ่มเพื่อนและครอบครัวของ Will ตามหาตัวเค้ากันจนวุ่น แต่หาไปหามาเรื่องกลับไม่ง่าย เพราะมันดันไปเกี่ยวข้องกับองค์กรลับ สัตว์ทดลอง แล็บพิศวง สิ่งเหนือธรรมชาติ มิติที่อยู่นอกเหนือออกไป รวมถึงเด็กพลังจิต
พล็อตซีรีส์ย้อนยุคที่ผสมเรื่องวิทยาศาสตร์เข้าไปนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่การทำให้ซีรีส์มีกลิ่นอายของยุค 80 ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้คนดูอินได้ง่าย เพราะ Mood & Tone ของซีรีส์มันดีมากกกก มีความอาร์ตและเก็บดีเทลได้อยู่หมัด การแต่งกายของตัวละคร พร็อพที่ใช้ประกอบฉาก เพลงประกอบ หรือเครื่องมือวิทยาศาสตร์แบบอนาล็อคก็ทำให้หลายๆ คนหวนคิดถึงเรื่องราวในวัยเด็กได้ไม่ยากเลย
นักแสดงจิ๋วแต่แจ๋ว
อย่างที่บอกไปว่าซีรีส์เรื่องนี้ใช้เด็กในการดำเนินเรื่อง มันเลยมีกลิ่นอายความเป็นแก๊งเด็กที่วันๆ นั่งเล่นบอร์ดเกม สักพักก็ออกไปขี่จักรยานเที่ยวเล่น แต่ก็มีความเนิร์ดวิทยาศาสตร์ หนำซ้ำยังได้เห็นมิตรภาพแบบเด็กๆ ที่เมื่อเพื่อนหายตัวไปสิ่งแรกที่ต้องใส่ใจทำก็คือตามหาเพื่อน
พี่หมีจะบอกให้ว่าซีรีส์เรื่องนี้ใช้นักแสดงนำเป็นเด็กหน้าใหม่ทั้งหมด แต่เล็กพริกขี้หนูมากๆ แถมยังเผ็ดซี๊ดจี๊ดจ๊าดอีกด้วย ต่อให้เราเป็นผู้ใหญ่แต่พี่หมีเชื่อว่าถ้าใครได้ดูจะต้องรักในความแสบสันของแก๊งตัวละครเด็กกลุ่มนี้ที่ประกอบไปด้วย Mike, Will, Dustin และ Lucus และแน่นอนอีกคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือน้อง Eleven ขวัญใจของพี่หมี คนดีศรีสเตรนเจอร์ธิงส์ 5555
แต่ก็ไม่ได้อยากจะอวยแค่นักแสดงเด็กกลุ่มนี้นะ เพราะนักแสดงหน้าเก่าเก๋าฝีมือก็มีเหมือนกัน ทั้ง Winona Ryder, David Harbour และ Matthew Modine รวมถึงตัวละครอื่นๆ ที่ชวนให้ตกหลุมรัก ขึ้นไม่ไหว เธอใช่ไหมเป็นคนผลักฉัน~ แถมในแต่ละซีซั่นเรายังจะได้เห็นพัฒนาการของตัวละครต่างๆ ที่ต่างก็ "โตขึ้น" หลายๆ การกระทำหรือการตัดสินใจของตัวละครจึงสมเหตุสมผลมากกว่าเดิม ยังไงต้องดูเองถึงจะรู้ว่าหมีกำลังพูดถึงอะไร!
แรงบันดาลใจจากหนังดังในอดีต
ถ้าสังเกตดีๆ แล้วซีรีส์เรื่องนี้มีซีนที่คล้ายกับหนังดังหลายเรื่องในอดีต แถมไทม์ไลน์ของตัวหนังเรื่องต่างๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ซีรีส์เรื่องนี้ยังวนเวียนอยู่ในยุค 80 เหมือนกันอีกต่างหาก อย่างเรื่องที่ค่อนข้างชัดเลยก็คือเรื่อง Carrie (1976) ที่สร้างจากนิยายของนักเขียนชื่อดัง Stephen King ถ้าใครเคยดูจะรู้ว่าตัวเอกเป็นเด็กสาวที่มีพลังจิต เหมือนกันกับตัวเอกของซีรีส์เรื่องนี้ที่มีปมสาวพลังจิตคล้ายกัน
มิตรภาพของเด็กๆ ในเรื่องก็ถูกเทียบกันกับเรื่อง E.T. (1982) และ Stand By Me (1986) โดยเฉพาะเรื่องหลังที่มีฉากเดินตามรางรถไฟที่พี่หมีเห็นปุ๊บก็นึกถึงซีนนี้ใน Stand By Me ทันที
นอกจากนั้นที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้คือเรื่อง Ghost Busters (1984) ที่ในซีซั่นสองของซีรีส์เรื่อง Stranger Things นั้นก็มีซีนที่เด็กๆ แต่งชุดบริษัทกำจัดผีในช่วงเทศกาลฮาโลวีน ให้ความรู้สึกเหมือนกับเรื่อง Ghost Busters ในแง่เด็กเนิร์ดกอบกู้โลกเหมือนกัน
มาพูดถึงเรื่องแหวะๆ แหยะๆ อย่างบรรดาสัตว์ประหลาดในซีรีส์บ้างดีกว่า เมคอัพน่ากลัวๆ ของ Will ก็ได้รับอิทธิพลจากหนังผีในตำนานอย่าง The Exorcist (1973) หนังผีที่พี่หมีดูทีไรก็อดกลัวเมคอัพในฉากไล่ผีของเรื่องนี้ไม่ได้ และอีกเรื่องที่ต้องพูดถึงคือสัตว์ประหลาดใน Stranger Things ที่มีหลายขายุบยับๆ ไม่ต่างจากแมงมุมนั้นก็เหมือนกับสัตว์ประหลาดในเรื่อง The Thing (1982) จริงๆ ถึงได้บอกไงว่าตัวซีรีส์เก็บดีเทลได้เนี้ยบมาก หมีขอคารวะด้วยเชอร์รี่สเลอปี้หนึ่งแก้ว
ความดัง ความปัง ต้องมา!
ตอนนี้ใครๆ ก็ต้องรู้จัก Netflix ระบบบริการสตรีมมิ่งบนอินเทอร์เน็ตที่เราเสียเงินจ่ายกันทุกเดือนอย่างเต็มใจ๊เต็มใจเพื่อให้ได้ดูภาพยนตร์ ซีรีส์ รายการ หรือสารคดีมากมายอย่างจุใจแถมถูกลิขสิทธิ์ (รู้สึกเป็นคนดี 555)
โดยซีรีส์เรื่องแรกที่ Netflix ทำออกมาคือเรื่อง House of Cards ที่ดังเปรี้ยงปร้าง แต่เอาเข้าจริงคนก็ยังไม่รู้จัก Netflix ดีพออยู่ดี แต่พอซีรีส์ Stranger Things เปิดตัวนี่แหละถึงเป็นกระแสให้คนรู้จัก Netflix มากขึ้น แถมผลการค้นหาจากเว็บอากู๋กูเกิลในหัวข้อ TV Show นั้น Stranger Things ยังครองอันดับหนึ่งอีกต่างหาก
ไม่ต้องพูดถึงหลังจากที่ซีรีส์ถูกฉาย ด้วยกลิ่นอายชวนคิดถึงอย่างยุค 80 มันเลยทำให้กลายเป็นไวรัลได้ง่ายๆ พร็อพต่างๆ ในซีรีส์กลายเป็นไอเท็มที่ทุกคนอยากมีตาม ซึ่งตอนนั้นสิ่งที่ดังมากๆ คงหนีไม่พ้น Eggo waffle ที่น้องแอลของพี่หมีชอบหม่ำนี่แหละ
และล่าสุดพี่หมีเพิ่งเห็นรีพอร์ตจาก Netflix ว่า Stranger Things ซีซั่น 3 ซึ่งเป็นซีซั่นล่าสุดนี้ทำยอดคนดูทุบสถิติใหม่ของ Netflix ไปแล้วยั่วๆ โดยตัวเลขทะลุ 40.7 ล้านแอคเคาท์ภายในเวลา 4 วัน แถมยังดูจบทั้งซีซั่นไปอีก 18.2 ล้านแอคเคาท์อีกต่างหาก เจ๋งขนาดนี้คราวนี้จะคารวะด้วยอะไรดีล่ะเนี่ย
หมีร่ายมายาวเยอะแยะแบบนี้แต่เชื่อเถอะว่าอ่านแบบนี้ไม่สู้ไปสัมผัสด้วยตัวเองสักรอบ ไม่ต้องคิดว่าจะน่าเบื่อด้วยเพราะซีซั่นนึงมีแค่ 8 ตอน ไม่สั้นไม่ยาวเกินไป แถมเป็นเรื่องที่มีเสน่ห์มากๆ ยังไงช่วงนี้ใครที่ยังลังเลหรือว่างๆ ไม่รู้จะดูอะไร พี่หมีแนะนำให้เอนหลังดู Stranger Things ในห้องตัวเองเลยครับ เห็นหมูวิ่งแล้วก็ต้องลองกินหมูดูสักหน! ยังไงวันนี้ลาไปก่อน เจอกันครั้งหน้า สวัสดีคร้าบบบ