วันนี้มีเรื่องของ "เสือ" และ "ว่องไว" มาเล่าสู่กัน
เรื่องทั้งหมดที่ผมเขียนให้อ่าน เป็นแค่เรื่องสมมติ เรื่องแต่ง เรื่องเพ้อเจ้อ เท่านั้นนะครับ
อย่าไป "จริงจัง" อะไรกับมันมากนะ 555
เรื่องเล่ามีอยู่ว่า
"เสือ" เป็นคนที่มีอาชีพขาย "ของ" อย่างหนึ่ง
ซึ่ง "ของ" นั้นมีความเชื่อกันว่า เป็นสิ่งที่ "มูลค่า" มีแต่เพิ่มขึ้นทุกวัน เพราะเป็นของที่นับวัน "วัตถุดิบ" ดีๆจะยิ่งหมดไป
"ว่องไว" เป็นคนที่มีอาชีพ "บริการ"
ซึ่งการ "บริการ" นี้ คนส่วนใหญ่ มักจะมาใช้บริการอยู่เป็นประจำแทบทุกวัน และมีผลต่อมูลค่า "วัตถุดิบ" ของ "เสือ"
ทั้ง 2 คนนี้ ต่างก็ไปได้ดี ในหน้าที่การงานของตนเอง
จนวันหนึ่ง ที่ทั้ง 2 โคจรมาเจอะกัน
ก็ได้เกิดความคิดสร้างสรรค์ ไอเดียบรรเจิด
เนื่องด้วยว่า "ว่องไว" ก็อยากทำ "ของ" ขายแบบ "เสือ" ซึ่งได้ลองทำเองแล้ว แต่ผลตอบรับก็ไม่ค่อยดีดั่งใจเท่าไร
ส่วน "เสือ" ก็อยากได้ "วัตถุดิบ" ชั้นดี จาก "ว่องไว" ที่มีเก็บไว้เยอะ มาทำของขาย เช่นกัน
การจับมือกันของคนทั้ง 2 จึงเกิดขึ้น ร่วมก่อร่างสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ขึ้นมาซะเลย
งั้นผมก็ขอเรียกเป็น "เสือว่องไว" เลยแล้วกัน
ผมอยากถามอะไรคุณหน่อยนะครับ
คุณเคยร่วมลงทุนอะไรกับเพื่อนไหมครับ? เช่นปกติ คุณเคยขายของได้กำไร 100 บาท แต่พอมีเพื่อนมาร่วมลงทุน
คุณจะเอากำไรแค่ 50 บาทไหมครับ? ถ้าใช่ ก็แสดงว่าคุณเป็นคนที่เจ๋งมากๆเลยละ
เพราะส่วนใหญ่ ผมมักจะเจอคนที่ต้องการ กำไรเท่าเดิม หรือเกือบเท่าเดิม หลังหารสองแล้ว
แน่นอน "เสือว่องไว" ก็เช่นกันครับ ถ้าร่วมมือกัน แล้วได้ประโยชน์น้อยลง จะร่วมทำไมละ
เมื่อต้องการ "กำไร" จากการขายของที่เพิ่มขึ้น การเพิ่มราคาก็ต้องเกิดขึ้น
ถ้าแพงขึ้น แล้วเหมือนเดิม ใครมันจะซื้อละ? อย่างนี้เอาไงดีๆ
หนึ่งในนั้น นึกไปมา ก็ไปนึกถึงสินค้าชนิดหนึ่ง จำได้ว่า เคยเจอสินค้าแบบนี้ วางขายอยู่ทั่วไปในราคาถูก
แต่มาวันหนึ่งมีคนเอามาแยกขาย ออกแบบห่อของสินค้า ให้ดูดีไฮโซ ผลปรากฎว่า "ขายดี" อย่างไม่น่าเชื่อ
เออ เอามาปรับใช้กับของเราได้นี่หว่า (เคยเจอกันบ้างไหมครับ สินค้าแบบนี้ 555)
การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ และคุณภาพให้ดู "แพง" สมราคา จึงตามมา
แต่ราคามันก็ยังแพงอยู่ดีนะ จะขายได้เรอะ?
ไม่ต้องห่วงหรอก "ของ" เราเป็นสินค้า ที่คนมีความเชื่อว่า มูลค่ามีแต่เพิ่มนะ
ชื่อเสียงแต่เก่าก่อนของเราก็มี คนเชื่อถือก็เยอะแยะ
คนที่ซื้อ "ของ" เรา เคยทำกำไรจากการ "ขายต่อ" มานักต่อนัก
แล้วถ้าเราจะตั้งราคาเผื่อไว้อีก 2-3 ปีข่างหน้าเลย จะเป็นไรละ
ยังไงราคามันก็ขึ้น แล้วเราต้องไปเผื่อให้คนอื่นกำไรก่อนทำไม
เดี่ยวถึงวันหนึ่ง เขาก็ได้กำไรเองแหละ
อืม... แล้วถ้าถึงวันที่สินค้าเราผลิตเสร็จแล้ว คนซื้อไม่หมดละ?
เอ้า ก็ง่ายๆ เราก็กลับมาขายในราคา "วันนี้" ซะสิ แค่นี้คนก็คิดว่าเราลดราคา ขายถูก ได้ใจลูกค้าอีกต่างหาก
เช่น ถ้าปกติต้องขาย 100 บาท เราก็ขายไปเลย 120 บาท ถ้าผลิตออกมาแล้วขายไม่ได้ ค่อยลดเหลือ 100 บาท
เป็นไง รู้สึกดีกว่าไหม
แถมตอนนี้ เราจะเอาไปขาย "คนต่างถิ่น" แล้วด้วยนะ สำหรับเขาแล้ว "ของ" เราราคาถูกจะตาย
แล้วถ้ายังขายไม่ดีอีกละ...
อืม... นั่นสิ ก็ถ้าขายไม่ดีขนาดนั้น ก็เลิกผลิตละกัน ง่ายดี
เออ!!! จริงด้วยแหะ งั้นเราจะช่วยด้วย เราจะไปแปะโฆษณาตามสถานบริการของเราเอง
คนเห็นเยอะแยะ แล้วคนเหล่านี้ก็เป็นกลุ่มเป้าหมายลูกค้าของเราอยู่แล้ว
มันต้องมีเข้าไปในจิตใต้สำนึกบ้างแหละ ว่า "ของ" เราดี ควรซื้อ
ดีมาก ช่วยกันบิวท์ พยายามสร้าง "อารมณ์ร่วม" เยอะๆ คนเรามักซื้อของโดยใช้ "อารมณ์ร่วม" อยู่แล้ว
ก่อนซื้อ คนเรามักจะคิดหา "เหตุผล" มากมาย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้า "ของ" จริงๆ
คำว่า "อารมณ์ร่วม" และ "ความต้องการ" จะเริ่มเข้ามาแทนที่ "เหตุผล" ทันที คนส่วนใหญ่มักเป็นแบบนั้น
หลังจากนั้น "ของ" ที่เป็นสินค้าของ "เสือว่องไว" ก็ได้เริ่มทยอยออกมา
ซึ่งผลตอบรับนั้น จัดได้ว่าขายดีมากๆ ผลิตออกมากี่รอบก็ขายหมด ไม่ว่าราคาจะ "แพง" แค่ไหนก็ตาม
ก็นับว่า "ตอนนี้" ความคิดของคนทั้ง 2 ถูกต้องใช่ไหมละครับ
แต่สำหรับ "อนาคต" ผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ว่ามันจะยังเป็นแนวคิดที่ใช้ได้อยู่ไหม เพราะเรื่องเล่า มันมีมาแค่นี้เนอะ
กลยุทธ์การขายราคาอนาคตแบบ "เสือว่องไว" ผมไม่ได้รู้สึกว่าเขาผิดนะครับ
ทำไมนะเหรอครับ?
คุณลองจินตนาการดูนะครับ ว่าคุณมีที่ดินผืนงามซักผืนหนึ่ง ที่ในอนาคตกำลังจะมีความเจริญเพิ่มเติมเข้าไปอีก และคุณก็ไม่ได้ลำบากเรื่องเงินทอง
คำถามคือ ถ้ามีคนต้องการซื้อ คุณจะขายมันที่ราคาไหนครับ?
ราคาตลาดในวันนี้ หรือจะเป็นราคาที่คาดหวังความเจริญที่กำลังจะมาในอนาคต
และถ้าวันหนึ่ง เราต้องการใช้เงินขึ้นมาละ เราจะยังคงขายที่ดินในราคาอนาคตอีกหรือเปล่า หรือจะหั่นราคามาต่ำกว่าราคาตลาด
ผมเชื่อว่า ทุกคนคงมีคำตอบในใจแล้ว ว่าจะขายที่ราคาเท่าไร
ซึ่งส่วนใหญ่ ผมคาดว่า ก็คงไม่ต่างจากที่ "เสือว่องไว" ทำใช่ไหมละครับ
เพราะฉะนั้น จะไปว่าเขาผิดได้อย่างไร ในเมื่อเราก็อาจทำไม่ต่างกัน 555
เพียงแต่โดยส่วนใหญ่ เรายังไม่ค่อยเห็น คนที่ขาย "ของ" ชนิดนี้ ทำแบบนี้เท่าไร
ถ้าสมมติว่า ผมเป็นคนหนึ่งในเรื่องเล่านี้ ถามว่าผมจะซื้อสินค้าจาก "เสือว่องไว" ไหม
ถ้าผมเป็นนักลงทุน แน่นอนว่าคงไม่ซื้อละครับ (ไม่มีปัญญาครับ 55)
อ้าว ?!! ทำไมละ ก็ไหนว่าไม่ผิด ไม่ใช่เหรอ...
ใช่ครับ เขาไม่ผิด เขามีสิทธิที่จะขายที่ราคาที่เขาพอใจ แต่ผมเองก็มีสิทธิ์ที่จะซื้อจากเจ้าอื่นในราคาที่ผมพอใจเช่นกัน
เพราะถึงแม้ว่า "ของ" ชนิดนี้ จะมีความเชื่อว่า มูลค่ามีแต่เพิ่ม แต่มันก็มีเวลาของมัน
หลังจาก 10-15 ปี ราคาจะค่อนข้างชะลอตัว มูลค่าไม่ค่อยเพิ่มเท่าไร
ถ้าผมซื้อจาก "เสือว่องไว" ที่เผื่อราคาล่วงหน้าไว้แล้ว 3 ปี ผมก็จะต้องรอเพิ่มอีกหลายปี กว่าที่ผมจะสามารถขายทำกำไรได้
เผลอๆ ถ้าเจอแผนลดราคา ถูกกว่าที่เราซื้อมา ก็ยิ่งเจ๊งเลยครับ T_T
เพราะฉะนั้น ในเมื่อผมเป็นนักลงทุน ผมก็จะต้องเลือกในสิ่งที่ผมได้กำไรสูงสุด จริงไหมครับ 555
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ผมจะเมินของเขาตลอดไปนะครับ
ผมยังคงต้องดูเป็นรายผลิตภัณฑ์ และช่วงเวลาไป เพราะวันหนึ่ง "เสือว่องไว" ก็อาจจะเปลี่ยนแผนอีกครั้งก็ได้
แต่ถ้าซื้อมาเพื่ออยู่เองละ .. ชะอุ้ย ผิดๆ 555 เอาใหม่
แต่ถ้าซื้อมาเพื่อใช้เองละ มันก็อีกเรื่องนะ ถ้าผมชอบจริงๆ ราคาไม่ใช่เรื่องสำคัญ (เพราะไม่มีตัง อิอิ) ขอให้พอใจก็พอละครับ
ทีนี้ ถ้าพวกคุณอยู่ในเรื่องสมมติเรื่องนี้ละ คุณจะซื้อ "ของ" เพื่อลงทุน จาก "เสือว่องไว" ไหมเอ่ย ? ^^
ปล. ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหานะครับ
ปล.2 เรื่องเล่าในนี้ เป็นแค่เรื่องสมมตินะฮ้าบ
ปล.3 ย้ำว่าสมมติจริงๆนะคร้าบ ไม่ได้เกี่ยวกับใครเลย