จากข่าวล่ามาแรงตอนนี้เป็นที่แน่แท้แล้วว่าบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอลประเทศไทย ครองตำแหน่งผู้นำในธุรกิจบริหารอาคารสำนักงานมาตรฐาน LEED ในบ้านเราแล้วจ้า

 

        เกริ่นให้ฟังนิดว่า LEED เนี่ยคือมาตรฐานที่กำหนดขึ้นโดยสภาอาคารเขียวแห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Green Building Council: USGBC) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรฐานอาคารเขียวที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก โดยมีระบบการให้คะแนนในหลายๆ ด้านเพื่อช่วยให้เจ้าของอาคารหรือผู้พัฒนาโครงการ ทำอาคารให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั่นเองจ้า

 

        โดยเรื่องนี้ นายเด็กซ์เตอร์ นอร์วิลล์ หัวหน้าร่วมของหน่วยธุรกิจบริหารจัดการอาคาร เจแอลแอล กล่าวว่า ปัจจุบันนี้เนี่ย กรุงเทพฯ มีพื้นที่สำนักงานในอาคารที่สร้างเสร็จแล้วและผ่านการรับรองมาตรฐาน LEED คิดเป็นปริมาณพื้นที่รวมทั้งหมด 1.26 ล้านตารางเมตร ในจำนวนนี้ เป็นพื้นที่ที่เจแอลแอลบริหาร 877,000 ตารางเมตร หรือเกือบ 70% เลยนะ

 

        เค้ายังบอกอีกว่าถ้านับเฉพาะอาคารที่มีการเสนอพื้นที่สำนักงานให้เช่า และผ่านการรับรองมาตรฐาน LEED ในกรุงเทพฯ จะมีทั้งสิ้น 630,000 ตารางเมตร ในจำนวนนี้ กว่า 90% หรือ 577,000 ตารางเมตรก็เป็นพื้นที่สำนักงานในอาคารที่เจแอลแอลเป็นผู้บริหารจัดการอีกนั่นแหละ

 

        อาคารสำนักงานที่เจแอลแอลทำหน้าเป็นผู้บริหารอาคารและผ่านการรับรองมารฐาน LEED แล้ว ก็จะมี ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ อาคารปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ อาคารเอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ อาคารเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ อาคารสาทร สแควร์ และอาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก

 

        นอกจากนี้ยังมีอาคารสำนักงานและอาคารมิกซ์ยูสอีก 6 โครงการที่เจแอลแอลเป็นผู้บริหารและกำลังอยู่ระหว่างรอการรับรองมาตรฐาน LEED คิดเป็นพื้นที่สำนักงานรวมอีก 869,000 ตารางเมตรด้วยนะ ซึ่งในจำนวนนี้อาคารจีทาวเวอร์ โครงการสปริง ทาวเวอร์ โครงการเดอะ ปาร์ค และโครงการสามย่าน มิตรทาวน์ ก็เป็นอาคารที่เจแอลแอลได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บริหารอาคารแล้วเหมือนกัน

 

        นายจักรพันธ์ ภวังคะรัตน์ หัวหน้าร่วมของหน่วยธุรกิจบริหารจัดการอาคาร เจแอลแอล ก็ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกันว่า การที่เจ้าของอาคารตระหนักถึงการพัฒนาโครงการให้มีความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เป็นการเสริมศักยภาพขีดความสามารถในการแข่งขันเหมือนกัน แถมยังมีเรื่องของภาพลักษณ์การมีความรับผิดชอบต่อสังคม และการประหยัดต้นทุนจากการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีทีเดียวเชียว

 

        หลังจากนี้ก็น่าจะมีอีกหลายอาคารเลยล่ะที่ทยอยได้รับมาตรฐานนี้ ถือเป็นการตระหนักต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในอีกแง่หนึ่งเลยแฮะ