หลังจากจัดตั้งรัฐบาลเสร็จเชื่อว่าหลายๆผ่ายคงมีความหวังกันขึ้นมาบ้าง เช่นเดียวกันกับทางด้านของอสังหาริมทรัพย์เองก็มีความหวังให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาต่างๆเช่นกัน
นายกสมาคมอาคารชุดไทย เผยว่า ต้องการให้รัฐบาลนำเรื่องฃอสังหาเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ เพราะที่อยู่อาศัยถือเป็นสิ่งสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเป็นอุตสาหกรรมที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
เชื่อว่ารัฐบาลสามารถช่วยได้ด้วยการ 1. การลดภาษีอสังหาฯ เก็บภาษีการซื้อบ้านแบบขั้นบันได ให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยที่ซื้อบ้าน เสียภาษีน้อยที่สุดหรือไม่เสียเลย และเก็บภาษีอัตราเพิ่มขึ้นตามราคาบ้าน เพื่อทำให้ประชาชนสามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ถูกลง 2. เป็นตัวกลางในการเจรจาสถาบันการเงินในการคิดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านในอัตราต่ำเพื่อกระตุ้นการซื้อ
ทางด้านของมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทยถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบอย่างมาก ซึ่งหน่วยงานภาครัฐควรมีการเจรจาใกล้ชิด มีการออกมาตรการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ที่ผ่านมามักออกมาตรการมาสวนทางกับนโยบายของรัฐมาตลอด ที่ผ่านมา ตลาดอสังหาฯ ชะลอตัวจากปัจจัยลบหลายประการ โดยคนซื้อบ้านหายไปราว 10-20% เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังตลาดจะกลับมาฟื้นตัว จากการมีรัฐบาลใหม่ที่เป็นรัฐบาลชุดเดิม สานต่อนโยบายเดิมที่ทำค้างเอาไว้ให้แล้วเสร็จ สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคและภาคเอกชน ให้กล้าเดินหน้าลงทุนต่อ นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มทรงตัวและอยู่ในช่วงขาลง จากท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา และภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัว อเมริกากับจีนยืดระยะเวลาการขึ้นภาษีออกไปลดความกังวลของสงครามการค้าออกไป
ทางฝั่งของ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ได้กล่าวว่า ขอให้รัฐบาลชุดใหม่เร่งสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา ด้วยการฟื้นเศรษฐกิจ สานต่อโครงการต่างๆ ที่ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน โครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ระบบสาธารณูปโภค โครงการEEC ทั้งที่อยู่ระหว่างดำเนินการและกำลังจะดำเนินการ ด้วยการสานต่อให้แล้วเสร็จ ซึ่งจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจและเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้ นอกจากนี้ ในภาวะที่เศรษฐกิจถดถอย ตลาดอสังหาฯ ชะลอตัว รัฐบาลควรชะลอมาตรการ กฎหมายหรือข้อบังคับต่างๆ ที่จะออกมาบังคับหรือเป็นข้อจำกัดต่อธุรกิจ หรือเป็นภาระให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อบ้าน เนื่องจากบ้านถือเป็นปัจจัยสำคัญของการดำรงชีวิตของมนุษย์ เช่น ภาษีที่ดินหากมีผลบังคับใช้ในปี 2563 จะต้องเสียภาษีเพิ่ม ต้นทุนของผู้ประกอบการปรับขึ้นตามเพราะที่ดินถือเห็นต้นทุนหลักของการสร้างบ้าน ส่วนมาตรการ LTV ถือเป็นภาระผู้บริโภค ซึ่งบ้านแนวราบไม่มีการเก็งกำไร แต่ก็โดนหางเลขไปด้วย ทำให้ตลาดลดลงอย่างชัดเจนและลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่หากรัฐบาลเร่งสร้างความเชื่อมั่นก็เชื่อว่าตัวเลขต่างๆ น่าจะกลับมาดีขึ้น
อีกความเห็นจาก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัดให้ความเห็นว่า แม้ว่ารัฐบาลจะมาจากหลายพรรคที่มาดูด้านเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะแต่ละฝ่ายต้องการให้ประเทศชาติเดินหน้า โครงการที่รัฐบาลก่อนหน้าผลักดันไว้ก็เชื่อว่าก็จะยังเดินหน้าต่อ อีกทั้งช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เกิดสุญญากาศเศรษฐกิจทำให้เกิดการชะลอตัว จึงต้องเดินหน้าโครงการเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจแย่ไปกว่านี้ และผลักดันสิ่งต่างๆ ที่ทำไว้ให้เร็วที่สุด เพื่อให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น มีการจ้างงาน และกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ให้ถดถอย นอกจากนี้ ยังต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการลดค่าธรรมเนียมการโอน การจดจำนอง ภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่ทุกเซกเตอร์ เพราะหากอสังหาริมทรัพย์ไปได้ ก็จะผลักดันธุรกิจเกี่ยวเนื่องให้เดินหน้าต่อไป รวมทั้งขอเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย ยกเลิกมาตรการ LTV เพราะทำให้อสังหาฯ ชะลอตัวไปค่อนข้างมาก
เรียกได้ว่า เกิดการคาดหวังอย่างสูงเลยทีเดียว ถือเป็นอีกหนึ่งการบ้านที่รัฐบาลใหม่ต้องเร่งแก้ไขอย่างทันท้วงที เพื่อฟื้นคืนเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้ได้ในเร็ววัน