หลังจากเริ่มเข้าสู่ครึ่งปีหลัง หลายๆธุรกิจเริ่มออกมาชี้ถึงมุมมอง ผลกำไร ไปจนถึงปัญหาและแนวทางการแก้ไขต่างๆให้เราพอทราบข่าวที่ก็ผ่านหูผ่านตามาอยู่เรื่อยๆ เช่นเดียวกันกับทางด้านพื้นที่ค้าปลีกเอง ก็มีข่าวคราวความเคลื่อนไหวหลังจากผ่านมาครึ่งปีให้เราได้ติดตามกันอีกด้วย

 

        โดยล่าสุด ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตลาดพื้นที่ค้าปลีกในกรุงเทพและพื้นที่โดยรอบ ยังมีการขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ผู้ประกอบการโครงการพื้นที่ค้าปลีกหลายราย รวมไปถึงผู้ประกอบการรายเล็ก และรายกลางรวมไปถึงรายใหม่ลดการพัฒนาโครงการพื้นที่ค้าปลีกใหม่ นี้ บางรายเลือกช่วงเวลาที่บางพื้นที่ของกรุงเทพมหานครอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงเพราะกำลังก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าเพื่อปรับปรุงพื้นที่ภายในศูนย์การค้าของตนเองเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่จะมาในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการของตนเองในอนาคตเมื่อเส้นทางรถไฟฟ้าเปิดให้บริการ ทั้งนี้ พื้นที่ค้าปลีกรวมทั้งหมดในกรุงเทพมหานครและพื้นที่โดยรอบอยู่ที่ประมาณ 8.28 ล้านตารางเมตร โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ที่ผ่านมานี้ มีพื้นที่ค้าปลีกเปิดให้บริการประมาณ 72,090 ตารางเมตร และอีกประมาณ 194,195 ตารางเมตร มีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงที่เหลือของปี 2562

 

        ซึ่งลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบตั้งแต่ช่วงปี 2560 เป็นต้นมา โดยได้ลดลงทุกปี แม้ว่าบางปีจะมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่เปิดให้บริการก็ตาม โดยศูนย์การค้าเป็นรูปแบบของโครงการพื้นที่ค้าปลีกที่มีสัดส่วนมากที่สุดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่โดยรอบ โดยมีสัดส่วนประมาณ 69% ของพื้นที่ค้าปลีกทั้งหมด และเป็นรูปแบบโครงการที่มีการปรับตัวต่อเนื่องมากที่สุด เนื่องจากโครงการศูนย์การค้าเกือบทั้งหมดพัฒนาโดยผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจรูปแบบนี้

 

        แต่ที่ผ่านมาก็ได้เกิดการปรับตัวอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็น ระบบการ สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ร้านค้า รูปแบบของร้านค้า การจัดวางร้านค้ารวมไปถึงการตกแต่งภายในศูนย์การค้าที่เปลี่ยนแปลงและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจไฮเปอร์มาร์เกตเป็น รูปแบบโครงการพื้นที่ค้าปลีกที่มีจำนวนลดลง ต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะมีการ กระจายอยู่แทบทุกพื้นที่แล้ว อีกทั้งติดขัดเรื่องของผังเมืองและข้อบังคับต่างๆ ผู้ประกอบการโครงการไฮเปอร์มาร์เกตจึงมีการพัฒนาโครงการในรูปแบบขนาดเล็กที่สามารถกระจายเข้าไปในทุกชุมชนในทุกพื้นที่ได้มากขึ้น