ชวนดูหนังคุณภาพของ "บงจุนโฮ" ผู้กำกับรางวัลดังที่ไม่ได้มีดีแค่ "ชนชั้นปรสิต"

ชวนดูหนังคุณภาพของ "บงจุนโฮ" ผู้กำกับรางวัลดังที่ไม่ได้มีดีแค่ "ชนชั้นปรสิต"

Home   /   ติดดอยล้อมวงเล่า

โซน : 10 Aug 2019   13:06
 
        หมีกลับมาวันนี้เพราะเห็นว่าตอนนี้กระแสหนังเกาหลีเรื่องหนึ่งกำลังดังมากๆ ที่ไทย และถ้าให้พูดกันตามความจริงแล้วหนังเรื่องนี้มันไม่ได้ดังเฉพาะในไทย แต่กลับดังไปทั่วโลกแล้ว อ้อ...ใช่แล้วๆ หมีกำลังพูดถึง "Parasite ชนชั้นปรสิต" นั่นเอง
 
        หมีคิดว่าด้วยกระแสที่ออกมาเนี่ย น่าจะมีหลายคนได้ไปดูหนังเรื่องนี้มาแล้วแหละ แต่จะให้มีมานั่งวิเคราะห์วิแคะก็จะซ้ำๆ ไปหน่อย ไม่น่าจะมีใครอยากอ่าน ดังนั้นด้วยความที่หมีเป็นแฟนคลับของผู้กำกับ "Bong Joon-ho (บงจุนโฮ)" วันนี้หมีเลยจะมาชวนดูหนังคุณภาพของผู้กำกับรางวัลดังที่ไม่ได้มีดีแค่ "ชนชั้นปรสิต" กันจ้าาา
 
        และเพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อนที่เราจะเข้าสู่เนื้อหาเต็มๆ พี่หมีขอปูพรมเกริ่นให้ทุกคนรู้จักผู้กำกับคนนี้ก่อนสักเล็กน้อย บงจุนโฮคนนี้ถือเป็นหนึ่งในผู้กำกับชื่อดังของเกาหลีเลยนะ และเพราะเรียนด้านสังคมวิทยามาก่อนจะก้าวเข้าสู่ฐานะฟิล์มเมกเกอร์ พี่แกก็เลยจะมีความใกล้ชิดเกี่ยวกับเรื่องของสังคมและการเมืองอยู่บ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละที่ถือเป็นอิทธิพลหลักที่เข้ามาอยู่ในหนังของพี่แกเลยก็ว่าได้
 
 
        หมีต้องบอกก่อนว่าส่วนตัวหมีนั้นไม่ชอบดูซีรีส์เกาหลีเลยนะ แต่กลับกันถ้าเป็นภาพยนตร์เนี่ยกลับชอบงานของเกาหลีมากกก โดยเฉพาะอะไรที่เป็นแนวดาร์กทริลเลอร์เนี่ยต้องยอมรับเลยว่าเกาหลีทำออกมาได้ดีจริงๆ และผลงานของบงจุนโฮก็เป็นหนังเกาหลีเรื่องแรกๆ ที่หมีได้ดู ดังนั้นเลยจะชื่นชอบผลงานของพี่แกเป็นพิเศษ เอาล่ะ ถ้างั้นไม่รอช้า หมีขอยกเอาหนัง 5 เรื่องน้ำดีแบบเรียงตามปีฝีมือบงจุนโฮมาฝากกัน พร้อมแล้วเลื่อนลงไปอ่านกันเล้ยยย
 
        Memories of Murder (2003)
 
 
        ขอเริ่มต้นกันที่ Memories of Murder (2003) เรื่องที่หมีรักที่สุดในบรรดาหนังทั้งหลายที่เฮียบงแกเคยทำมา หนังเก่าสักหน่อยแต่นี่ไม่ใช่เรื่องแรกที่แกกำกับนะ เพราะหนังยาวเรื่องแรกที่เฮียบงกำกับนั้นชื่อเรื่องว่า Barking Dogs Never Bite ในปี 2000 แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก จนได้มากำกับเรื่องนี้แหละ
 
        ที่บอกว่าหมีชอบเรื่องนี้มากเป็นเพราะเค้าสร้างโดยอิงมาจากเรื่องจริง นั่นคือพูดถึงคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในยุค 80 ที่เขตฮวาซอง จังหวัดคยองจี ช่วงปี 1986 - 1991 โดยเหยื่อทั้งหมดเป็นผู้หญิงอายุระหว่าง 14 – 71 ปี คดีนี้ถือเป็นหนึ่งในคดีปริศนาที่โด่งดังที่สุดในเกาหลีใต้และในปัจจุบันก็ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้อีกต่างหาก
 
 
 
 
        แต่ที่หมี (และอีกหลายคน) ยกให้เป็นหนังขึ้นหิ้งไม่ใช่เพราะมันอิงมาจากเหตุการณ์จริง แต่ผลงานการกำกับมันดีมากจริงๆ สำหรับหนังในยุคนั้น
 
        หนังเรื่องนี้พูดถึงบรรดาตำรวจที่ทำการสืบสวนหาตัวคนร้ายในคดีฆาตกรรมครั้งนี้ และนอกจากนั้นก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติหน้าที่ที่หละหลวมของตำรวจ ขั้นตอนการสืบสวนของตำรวจท้องถิ่น การทำหลักฐานเท็จ การจัดฉากหาตัวคนร้าย และการจับแพะ ฯลฯ
 
 
 
        แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้เราเห็นพัฒนาการของตัวละครได้อย่างดีมากๆ จากตำรวจที่ไม่ใส่ใจรูปคดีค่อยๆ ถูกการสอบสวนและความเครียดครอบงำไปเรื่อยๆ ตลอดทั้งเรื่อง แถมนักแสดงอย่าง "ซงคังโฮ" ที่ได้รับบทนำในเรื่องนี้ก็ถือเป็นนักแสดงคู่บุญของเฮียบงแกเลยทีเดียว
 
 
        The Host (2006)
 
 
        แม้ Memories of Murder จะเป็นหนังของเฮียบงที่หมีชอบที่สุด แต่หนังเรื่องแรกที่หมีได้ดูกลับเป็น The Host ซึ่งเจ้าหนังเรื่องนี้ถือเป็นใบเบิกทางให้คนทั่วโลกรู้จักฝีมือของบงจุนโฮมากขึ้นกว่าเดิม
 
        โดยเนื้อเรื่องจะพูดถึงสัตว์ประหลาดจากแม่น้ำฮันที่กลายร่างมาจากสารพิษปนเปื้อนในแม่น้ำ แต่นี่ไม่ใช่หนังสัตว์ประหลาดธรรมดา แถมคนก็ไม่ได้สนใจ CG ในหนังเรื่องนี้ด้วย เพราะเรื่องที่คนเค้าโฟกัสกันคือเรื่องของการวิพากษ์ชนชั้นและความเหลื่อมล้ำทางสังคมในเรื่องต่างหาก
 
 
 
 
        ก็อย่างที่หมีบอกไปว่าผลงานของเฮียบงนั้นจะมาในรูปแบบนี้เสมอ เอกลักษณ์หนังของเค้าจะเป็นการยำรวมเอาหลายๆ อย่างมาไว้ด้วยกัน แล้วมีแบ็คกราวนด์เป็นการเสียดสีและความตลกร้ายผสมอยู่ อีกอย่างเรื่องนี้ก็ได้ "ซงคังโฮ" มาแสดงนำอีกแล้ว โดยเรื่องนี้รับบทเป็นพ่อสุดห่วยที่พยายามช่วยลูกสาวที่ถูกสัตว์ประหลาดจับไปกลับมาให้ได้ ถือเป็นอีกเรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์ชนชั้นได้ดีไม่แพ้กัน
 
 
 
        นอกจากนั้น อย่างที่หมีบอกไปว่า The Host เป็นใบเบิกทางสู่ความเป็นผู้กำกับระดับโลกของเฮียบง เพราะหลังจากหนังเรื่องนี้ได้เปิดตัวในสาย Directors Fortnight ที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ ตัวหนังก็ได้รับคำวิจารณ์ไปในทางที่ดีจากสื่อชั้นนำทั่วโลกอย่างที่เรารู้ๆ กัน
 
 
        Mother (2009)
 
 
        มาต่อกันที่ Mother หนังของเฮียบงที่หมีชอบและไม่คิดว่าจะน่าสนใจได้ขนาดนี้ บอกตามตรงว่าเห็นชื่อเรื่องแล้วนึกว่าจะเป็นหนังแม่ๆ ลูกๆ ทั่วไป แต่พอได้ดูจริงๆ แล้วกลับเปลี่ยนความคิดหมีมาก เพราะหนังเรื่องนี้พูดถึงแม่คนหนึ่ง (ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้ร่ำรวย) อาศัยอยู่กับลูกที่มีอาการทางประสาท เรียกง่ายๆ คือไม่เต็มเต็งนัก แถมยังหลงๆ ลืมๆ และวันหนึ่งเจ้าหนุ่มนี่ดันถูกจับในข้อหาฆาตกรรม ซึ่งแน่นอน...ถูกตำรวจล่อลวงให้เซ็นรับสารภาพผิด ทำให้แม่ผู้เชื่อว่าลูกชายตัวเองบริสุทธิ์ต้องสืบหาว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้นกันแน่ เข้าทำนอง "ลูกชั้นเป็นคนดี!"
 
 
 
 
        เรื่องนี้มีหลายความดีงามที่หมีอยากนำเสนอกัน เรื่องแรกคือจุดขายของหนังที่ให้ตัวละครเอกเป็นป้าแก่คนหนึ่งที่ไม่คาดหวังกับขั้นตอนการสืบสวนของตำรวจเลยต้องลงมือหาหลักฐานเอง ซึ่งหนังก็แสดงออกมาในแง่มุมของแม่ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อลูก การสืบสวนก็เป็นไปในแบบของคนธรรมดานั่นก็คือมีความผิดพลาดในระหว่างนี้เข้ามาบ้าง ไม่ได้เก่งกาจแบบหนังนักสืบทั่วไป
 
        อีกเรื่องที่ขอยกนิ้วให้คือภาพ การกำกับภาพดีมากแถมยังเป็นสไตล์ฟิล์มนัวร์แบบที่หมีชอบ ตัวละครในเรื่องก็เป็นสีเทาๆ ไม่ได้ดีเด่แต่ก็ไม่ได้แย่ กระทั่งตัวละครอย่างแม่เองก็มีเรื่องบางเรื่องที่ต้องปกปิดตามสไตล์หนังสืบสวนฟิล์มนัวร์นี่แหละ
 
 
 
        สุดท้ายคือซิกเนเจอร์ของผู้กำกับ หมีดูหนังของบงจุนโฮมาแทบทุกเรื่อง รู้สึกได้เลยว่าในตอนจบของทุกเรื่องจะไม่ได้แฮปปี้ในแบบที่ยิ้มออก ถ้ายิ้มก็จะเป็นยิ้มแห้งๆ เพราะมันจะจบแบบเคว้งคว้างเสมอ ถ้าใครชอบอะไรแบบนี้หมีคิดว่าควรต้องไล่เก็บหนังของเฮียบงเลยล่ะ เพราะหนังเค้าเจริญ Need ของคนสายนี้มาก 5555
 
 
        Snowpiercer (2013)
 
 
        งานที่ทำให้บงจุนโฮแจ้งเกิดในเวทีระดับโลกอย่างแท้จริงคือเรื่องนี้เลย Snowpiercer เป็นหนังที่ทำให้เฮียแกเข้าไปสู่วงการระดับฮอลลีวูดอย่างแท้จริง แถมได้นักแสดงดังระดับโลกหลายคนมาร่วมงานด้วยอีกต่างหาก
 
        Snowpiercer เป็นหนังไซไฟแฟนตาซีดิสโทเปียจ๋าที่หากใครชอบแนวนี้ก็แนะนำเลยว่าต้องจัดไปสักหน พล็อตจะพูดถึงโลกอนาคตที่เข้าสู่ยุคน้ำแข็งและมนุษย์กลุ่มสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ก็ต้องใช้ชีวิตในขบวนรถไฟที่วิ่งวนไปเรื่อยๆ แบบไม่จบสิ้น เพราะสภาพอากาศข้างนอกนั้นทารุณเกินกว่าที่สิ่งมีชีวิตจะสามารถอาศัยอยู่ได้
 
 
 
 
        ทีนี้ในขบวนรถไฟเนี่ยก็จะจัดที่อยู่แบ่งไปตามชนชั้นทางสังคม พวกที่อยู่ท้ายขบวนจะเป็นพวกที่มีชนชั้นทางสังคมต่ำ แต่พวกหัวขบวนนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่แน่นอนว่าเหตุการณ์แบบนี้ต้องเกิดการปฏิวัติ ซึ่งการเล่าเรื่องก็จะทำให้เราค่อยๆ เรียนรู้สังคมในโบกี้รถไฟไล่จากท้ายขบวนไปหัวขบวนเลยจ้า
 
        มาพูดถึงนักแสดงกันบ้าง เพราะหนังเรื่องนี้ยกดาราชั้นนำกันมาเพียบ คริส อีแวนส์, จอห์น เฮิร์ท และทิลดา สวินตัน (ซึ่งคนหลังนี่ถ้าไม่ดูดีๆ ก็จำแทบไม่ได้เลย 555) นอกจากนั้นคนที่คุณก็รู้ว่าใครก็กลับมาอีกครั้ง ใช่แล้ว...คนคนนั้นคือนักแสดงคู่บุญอย่างซงคังโฮ ที่กลับมาคราวนี้ควงแขนเอาน้อง "โกอาซอง" ที่รับบทลูกสาวของซงคังโฮในเรื่อง The Host มารับบทเดิมคือเป็นพ่อลูกกันอีกแล้ว นี่แหละเสน่ห์อีกหนึ่งอย่างในหนังของเฮียบงเค้าล่ะ
 
 
 
        เรื่องนี้แม้จะขนเอานักแสดงอินเตอร์และใส่ความเป็นหนังฝรั่งเอาไว้มาก แต่เชื่อเหอะว่าถ้าได้ดูแล้วเราจะรู้เลยว่านี่มันหนังอินเตอร์สไตล์เอเชียนชัดๆ แถมการกำกับยังคงความเป็นเฮียบงเอาไว้ตลอดเรื่อง มันเหมือนการพาเราวิ่งไปเรื่อยๆ และมีจุดพักผ่อนให้เป็นระยะ ไม่หวือหวาแบบพาเราขึ้นสูงและปล่อยลงมาวืดเดียวเหมือนหนังอินเตอร์ทั่วไป แถมตอนจบยังแอบตบหน้าคนขาวไม่น้อย แต่จบยังไงหมีไม่สปอยล์ เอาไว้ให้ไปหาดูกันเองคร้าบ อิอิ
 
        อ้อ เรื่องนี้เค้าจะสร้างเป็นซีรีส์ด้วยนะ มีคิวจ่อฉายปี 2020 นี้ แต่จะปังหรือจะแป๊กนั้นต้องว่ากันอีกทีเพราะเปลี่ยนผู้กำกับอ่ะดิเนี่ย
 
 
        Okja (2017)
 
 
        เรื่องนี้น่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากันกว่าเรื่องอื่นๆ ใช่มั้ยล่ะ เพราะนี่ถือเป็นผลงานในยุคที่สตรีมมิงและเน็ตฟลิกซ์เริ่มเข้ามามีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมการเสพภาพยนตร์แล้ว โดยผลงานชิ้นนี้ของเฮียบงแกถูกเน็ตฟลิกซ์ซื้อลิขสิทธิ์ไป เลยเรียกเสียงฮือฮาและถูกพูดถึงกันในหลายแง่มุมไม่น้อยเลย สำหรับเรื่อง Okja นั้น หลายคนอาจจะเคยดูมาแล้ว แต่ถ้าใครไม่เคย หมีเกริ่นสั้นๆ ว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับการผจญภัยของเด็กสาวและการพยายามช่วยเจ้าหมูยักษ์เพื่อนยากที่ถูกสร้างมาจากองค์กรผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ข้ามชาติแห่งหนึ่ง แต่การเลี้ยงหมูยักษ์ไว้ก็เพื่อทำเป็นอาหารชั้นเลิศไม่ใช่เพื่อน! หนูน้อยคนนี้ยอมไม่ได้จึงต้องทำทุกทางเพื่อให้ช่วยโอ๊คจาเพื่อนยากของตัวเองไม่ให้โดนเชือดให้ได้
 
 
 
        สำหรับหมีนั้นคิดว่าเรื่องนี้เป็นผลงานที่ดูง่ายที่สุดแล้วของเฮียบง แถมมันยังมีความเป็นพล็อตตลาดที่น่าจะเข้าถึงกลุ่มคนดูทั่วไปได้สบายๆ แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าทำอะไรออกมาให้ธรรมดาเกินก็ไม่ใช่ผู้กำกับคนนี้ เพราะ Okja นั้นสอดแทรกประเด็นทางสังคมรวมถึงลัทธิบริโภคนิยมไว้เต็มเปี่ยม ยังไม่ต้องพูดถึงการตัดต่อทางพันธุกรรมในอาหารทั้งหลายอีกนะ ดูไปถึงตอนท้ายๆ จากที่คิดว่าหนังมันฟีลกู๊ด ความคิดหมีก็เริ่มเปลี่ยนเลย แหะๆ เพราะมันไม่ใช่!
 
 
        และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือนักแสดง แม้เรื่องนี้พี่ชายคนดีคนเดิมอย่างซงคังโฮไม่ได้โผล่มา แต่แคสนักแสดงนั้นก็ยิ่งใหญ่อลังการมาก เห็นแล้วตาโตยิ่งกว่าเรื่อง Snowpiercer เสียอีก หมีบอกเลยว่าในตอนแรกไม่ได้อ่านว่านักแสดงเรื่องนี้มีใครบ้าง หมีรู้แค่ว่าเรื่องนี้มีน้อง "อันโซฮยอน" ที่ถ้าใครเสพหนังเกาหลีเยอะๆ จะต้องคุ้นหน้าน้องแน่นอน ทีนี้หมีก็ดูๆ ไป สักพักมันเริ่มเฮ้ยล่ะ เพราะนอกจากป้าทิลดา สวินตัน จากเรื่อง Snowpiercer จะกลับมาแล้ว ยังขนมาทั้ง เจค จิลเลนฮาล, ลิลี่ คอลลินส์ และ พอล ดาโน่ ก็คือแคสนักแสดงอลังการสุดๆ รวมดาววงการภาพยนตร์ไว้เลยก็ว่าได้นะเนี่ย
 
 
 
        แต่นอกจากนั้นมีคนหนึ่งที่หมีคุ้นหน้าดีนั่นคือนักแสดงหนุ่มชาวเกาหลี "ชเว อูชิก" ถ้าใครเคยดู Train To Busan จะต้องคุ้นหน้าเจ้าหนุ่มนี่ดีแน่นอน (แต่เจ้าตัวเค้าก็เล่นหนังเกาหลีหลายเรื่องมากนะแม้จะอายุยังน้อย) Okja นั้นเป็นเรื่องแรกที่เค้าคนนี้ได้ทำงานกับเฮียบง มาในบทเด็กหนุ่มขับรถบรรทุกที่มีความยียวนกวนประสาท มีบทไม่มากแต่กลับถูกตาถูกใจเฮียบงไม่น้อย ทำให้เค้าได้รับบทเด่นในผลงานเรื่องถัดไปของแก แต่เดี๋ยวหมีจะมาพูดถึงทีหลัง
 
        เอาเป็นว่าหนังเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งผลงานที่พาให้เฮียบงมีชื่อเสียงมากกว่าเดิม และแน่นอนว่ายังคงเอกลักษณ์ของเฮียแกไว้ด้วย ที่หมีอยากพูดก็คือตอนจบก็นั่นแหละครับผม...มันจบแบบเคว้งคว้าง จะสุขก็สุขไม่สุด โดยซีนสุดท้ายของหนังเป็นการแช่ภาพไว้นานๆ ไม่มีบทพูด มีแค่การนั่งเงียบๆ แต่ดึงอารมณ์คนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว อา...ลัทธิเฮียบงจงเจริญ
 
 
        Parasite (2019)
 
 
        มาที่เรื่องสุดท้ายนั่นคือ Parasite ผลงานที่ถูกพูดถึงว่า "เป็นหนังรางวัลปาล์มทองคำจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์ที่ดูง่ายและเข้าใจที่สุด" สำหรับเรื่องนี้หมีจะไม่พูดถึงมาก เอาเป็นว่าเป็นงานอีกชิ้นที่ถูกจัดขึ้นหิ้งไปแล้วในฐานะหนังคุณภาพของบงจุนโฮ
 
        Parasite เป็นภาพยนตร์ตลกร้ายว่าด้วยเรื่องของครอบครัวฐานะยากจนในโซลที่คนเป็นพ่อและแม่ไม่มีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่ง พี่ชายให้น้องสาวช่วยปลอมตัวเพื่อสวมรอยเป็นนักเรียนนอก หวังจะได้งานเป็นติวเตอร์สอนหนังสือให้กับลูกสาวของเศรษฐี แต่กลับมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น เป็นหนังที่สนุก ลุ้นระทึก และจุกไปพร้อมๆ กัน
 
 
 
 
        เอาจริงๆ หมีชอบชื่อภาษาไทยอย่าง "ชนชั้นปรสิต" มาก ชื่อเรื่องมันบอกอะไรได้อยู่แล้วในตัวมันเอง นั่นเพราะครอบครัวคนจนนี้สิงสู่อยู่ในบ้านของคนรวยเหมือนปรสิต แต่เพราะแบบนี้มันเลยสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในสังคมได้แบบถึงพริกถึงขิง แต่ก็ไม่ได้ปลุกความเดือดดาลอะไรออกมาเลย
 
        ส่วนนักแสดงนั้นเฮียบงแกวางไว้ล่วงหน้าแล้วสองคน คนแรกคือคู่หูคู่บุญ "ซงคังโฮ" ที่มารับบทหัวหน้าตระกูลคี และอีกคนคือคนที่หมีเกริ่นไว้ในเรื่อง Okja อย่าง "ชเว อูชิก" ที่เฮียบงแกบอกไว้ว่าผู้ชายคนนี้เหมาะกับบทลูกชายตระกูลคีที่สุด
 
 
 
 
        เรื่องความละเอียดพิถีพิถันของเรื่องนี้คงไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่เห็นภาพออฟฟิเชียลก็ได้กลิ่นความเป็นเฮียบงออกมาแล้ว (หมีไม่ได้พูดเกินจริงเลยน้า 555) ส่วนประเด็นที่ใช้พูดถึงในหนังก็ยังเป็นประเด็นที่เฮียแกชอบเล่น แถมยังใส่กันแบบไม่ยั้ง แต่ทำออกมาได้น่าดูที่สุด สมกับรางวัลปาล์มทองคำแล้วจริงๆ
 
 
        ยังไงใครที่ชอบหนังเรื่อง Parasite ถ้าว่างๆ หรืออยากเสพงานศิลปะในรูปแบบภาพยนตร์ของบงจุนโฮอย่างเต็มที่ หมีก็ขอแนะนำลิสต์หนังที่ร่ายยาวมาในวันนี้เลยครับผม ไล่ดูตามปีไปตามนี้เลยก็ได้ ดูจบแล้วก็จะขอส่งเทียบเชิญเข้าร่วมลัทธิบูชาเฮียบงต่อไปเงียบๆ 5555
 
 
 
 
 

Tag :


ติดดอยล้อมวงเล่า ก่อนหน้า
Baan 2459 Boutique Hotel Tian Tian Hostel

ติดดอยแนะนำ

ติดดอยรีวิว

"Cooper Siam" คอนโด Loft ของแทร่ ที่ถึงบรรทัดทอง เยาวราชของคนรุ่นใหม่ ได้ใน 1 นาที!!

ช่างเป็นคอนโดที่เหมาะกับคนเห็นแก่กินอย่างพวกผมยิ่งนัก 555 จะหันซ้ายหันขวา ก็คราคร่ำไปด้วยร้านของกินเด็ดๆ เรียงกันเป็นแถว

ทำไม "Supalai Premier สามเสน-ราชวัตร" ยังไงก็ขายหมด

เคยมีคนถามผมว่า "สมัยนี้ ยังสามารถสร้างคอนโดที่ไม่ใกล้รถไฟฟ้าได้ไหม?" ได้สิ เพราะแม้ว่าความใกล้ รถไฟฟ้า จะเป็น 1 ในปัจจัยหลักที่สำคัญมาก แต่มันก็ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ "ขาย" ได้อยู่อีก

หนึ่งในคอนโดที่ปล่อยเช่าดีมาก ตอนเช้าย้ายออก ตอนบ่ายย้ายเข้าเลย

จะมีคอนโดปล่อยเช่าอยู่อันนึง ที่แม้แต่ตอนโควิดก็ไม่มีผลอะไร มีคนเช่าตลอดๆ แทบไม่มีช่วงว่าง บางครั้งคือ คนเก่าย้ายออกตอนเช้า ตอนเย็นคนใหม่ใส่หน้ากากอนามัยขนของเข้าอยู่ต่อเลย


ติดดอยโร้ดทู

“Lumpini SeaView Cha-am" คอนโดใหม่ใกล้หาดชะอำแค่ 200 เมตร!!!

หน้าร้อนซัมเมอร์มันก็ต้องคู่กับทะเล ผมฝันไว้เสมอนะว่าอยากมีคอนโดตากอากาศ แต่ปัญหาก็คือคอนโดติดทะเลส่วนใหญ่มีราคาแรงมาก

"KLOS Ramintra - Fashion" คอนโดที่มี Fashion Island เป็นเพื่อนบ้าน

หลังจากปล่อย "KLOS Ratchada" ไปไม่นาน "Frasers Property" ก็ได้ฤกษ์เตรียมผุดคอนโดแบรนด์ KLOS แห่งที่ 2 ต่อทันทีครับ

"MUSE สะพานใหม่" ลงจอยทำเลสุดฮอต จองที่ติดรถไฟฟ้า

นับตั้งแต่เมืองเริ่มขยายตัวออก พื้นที่ที่หลายคนเคยมองข้ามก็กลายเป็นว่าเริ่มเนื้อหอมขึ้นเรื่อยๆ


ติดดอยสไตล์

ผังเมืองใหม่ส่งผลแล้ว! ที่ดินทำเลบ้าน 100 ตร.วา เบนเข็มสู่บ้านแฝด-ทาวน์โฮม

ผมเคยตั้งคำถามกับตัวเองตอนผ่านไปโซน ตลิ่งชัน ทวีวัฒนา บางแค บางบอน บางขุนเทียน นะว่ามองไปทางไหน ทำไมถึงมีแต่โครงการบ้าน 100 ตร.วาขึ้นไปเท่านั้น!

The Center for Arts & Innovation ศูนย์ศิลปะและนวัตกรรมในรัฐฟลอริดา มาพร้อมจุดเด่น เรียนรู้ต่อสู้กับ AI

ล่าสุดทางด้าน RPBW ได้ทำการเปิดตัวการออกแบบศูนย์ศิลปะและนวัตกรรมในเมืองโบกา ราตัน รัฐฟลอริดา ซึ่งความน่าสนใจก็คือเค้าไม่ได้เป็นแค่ศูนย์ศิลปะธรรมดา แต่ที่นี่ยังเป็นเวทีสำหรับแนวคิดใหม่ๆ โอกาสในการโต้ตอบกับ AI อีกด้วย

คิดว่าโฆษณาขายบ้านจะเป็นสี ‘ขาวดำ‘ ได้มั้ย? จะเป็นการ์ตูนได้หรือเปล่า?

Art แค่ไหนเรียก Pop? บางเจ้าอาจจะสงสัยแต่ไม่กล้าลอง แต่ที่พูดมาทั้งหมด ‘แสนสิริ’ ทำมาหมดแล้ว!

"Osaka Expo 2025" ตำนานบทใหม่ของญี่ปุ่น เปลี่ยนเกาะเทียมธรรมดาให้กลายเป็นเมืองขนาดย่อม

"Osaka Expo 2025" ตำนานบทใหม่ของญี่ปุ่น เปลี่ยนเกาะเทียมธรรมดาให้กลายเป็นเมืองขนาดย่อม

เปิดตัว "505 State Street" ตึกระฟ้าที่ใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนแห่งแรกใน New York

เทรนด์อาคารอนุรักษ์พลังงานยังคงมีมาให้เห็นกันเรื่อยๆ และล้ำหน้ามากขึ้นทุกวันๆ และหนึ่งในโปรเจ็คที่น่าตื่นตาตื่นใจและควรค่าให้หยิบมาพูดถึงกันในวันนี้คือ "505 State Street" ครับ

สัมผัสชีวิตเหนือระกับ ที่โครงการ "Amatara Residences Rayong" พูลวิลล่า สไตล์คอนโด วิวทะเล จาก Grande Asset

ในวินาทีที่ผมย่างเท้าเข้ามาชมห้องตัวอย่างของโครงการ "Amatara Residences Rayong" (อมาธารา เรสซิเดนเซส ระยอง) บอกตามตรงว่าแอบคิดลึกๆ ในใจว่า 'นี่มันอีกระดับของที่พักตากอากาศแล้ว'


© 2018 CONDOTIDDOI

ME ESTATE CO.,LTD
92/21 HOLLYWOOD STREET CENTER
PHAYATHAI RD. RACHATEVEE
BANGKOK 10400 THAILAND

02-656-6776
condotiddoi@gmail.com

CONTACT US

CONDOTIDDOI

CONDOTIDDOI

CONDOTIDDOI

085-546-4694

info.condotiddoi@gmail.com

Copyright www.condotiddoi.com © 2018
web design & programming by www.smilephp.com