ตอนนี้ข่าวดังข่าวใหญ่ ข่าวที่ยึดครองพื้นที่สื่อต่างประเทศไปได้บ่อยๆ ตอนนี้เห็นจะเป็นเรื่องของเหตุการณ์การประท้วงครั้งใหญ่ในฮ่องกง ซึ่งตอนนี้ยืดเยื้อเข้าสัปดาห์ที่ 10 แล้ว แถมล่าสุดการประท้วงในครั้งนี้ก็ลุกลามไปเป็นการปิดสนามบินแล้วด้วยนะ
งานนี้เรื่องของเศรษฐกิจก็ชะงักไปแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย แถมยังส่งผลกระทบมาให้คนไทยอย่างเราอยู่บ้าง ใครจะไปเที่ยวไปทำธุระที่ฮ่องกงตอนนี้ก็คงต้องพับแผนใส่กระเป๋าไปก่อน ส่วนใครจะลงทุนอะไรที่นั่นก็คงต้องยกมือเบรกหยุดเถิดอานนท์กันหลายคนทีเดียว
ว่าแต่...ดราม่าประท้วงที่ฮ่องกงนี่มันยังไง หมีคิดว่าน่าจะมีหลายคนที่ไม่เข้าใจ งั้นวันนี้หมีจะมาสรุปให้ทุกคนได้อ่านกันง่ายๆ แบบไม่ง่วง พร้อมแล้วเลื่อนลงไปอ่านได้เลยจ้า!
1. เรื่องของเรื่องมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อ Carrie Lam หัวหน้าผู้บริหารเกาะฮ่องกง เตรียมจะผลักดันกฎหมายส่งตัวผู้ต้องสงสัยคดีอาชญากรรมไปไต่สวน และดำเนินคดีที่จีนแผ่นดินใหญ่ ทำให้ชาวฮ่องกงเค้าเอะใจขึ้นมาว่า เอ๊ะ...ทำแบบนี้แล้วผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในฮ่องกงนี่จะปลอดภัยจริงเหรอ ทำแบบนี้มันเหมือนให้จีนเข้ามาแทรกแซงกระบวนการทางกฎหมายและศาลยุติธรรมของฮ่องกงเลยนะ! ...และเพราะแบบนี้แหละ ชาวฮ่องกงเค้าเลยเริ่มออกมาประท้วงเพื่อให้รัฐบาลถอนกฎหมายนี้ออกซะ
2. ต่อมา Carrie Lam ก็ประกาศแขวนกฎหมายดังกล่าวแล้ว แต่ผู้ประท้วงก็ยังไม่พอใจ เพราะพวกเค้ามองว่ากฎหมายก็แค่ถูกระงับ ไม่ได้ยกเลิกเสียหน่อยนะคุณพี่ ประจวบเหมาะพอดี๊พอดีกับสถานการณ์มันเข้าสู่ช่วงเวลาครบรอบ 22 ปีการส่งมอบฮ่องกงคืนให้กับจีนแผ่นดินใหญ่ บรรดาผู้ชุมนุมเลยยกระดับมาเรียกร้องประชาธิปไตยพร้อมกับเรียกร้องให้ Carrie Lam ลาออกจากตำแหน่ง
3. ส่วนต้นตอของเรื่องถ้าจะให้จับเข่าเล่ากันคงต้องเล่าย้อนไปตั้งแต่สมัยปี 1997 ซึ่งตอนนั้นฮ่องกงยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษได้กลับคืนจีน แต่รูปแบบของระบบการปกครองนั้นอยู่ในรูปแบบที่เรียกว่า "1 ประเทศ 2 ระบบ" อธิบายง่ายๆ คือฮ่องกงอยู่ภายใต้อำนาจของจีน แต่มีระบบกฎหมายและระบบเศรษฐกิจที่เป็นอิสระของตัวเอง ทว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทหารหรือการต่างประเทศนั้น รัฐบาลปักกิ่งจะเป็นคนดูแลเองทั้งหมด แหม...รู้เลยนะจ๊ะ
4. ด้วยระบบการปกครองต่างๆ รวมถึงความไม่มีอิสระทางการเลือกตั้งทั้งหลายมันชวนให้อัดอั้นตันใจมานาน เหมือนลูกโป่งที่ใส่น้ำมากเกินไป รับไม่ไหวสุดท้ายก็แตกจ้า การประท้วงครั้งนี้ก็เลยดำเนินต่อไปเรื่อยๆ แถมยังค่อยๆ ยกระดับความรุนแรงขึ้นอีกต่างหาก เพราะในที่สุดตำรวจก็เริ่มใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วงด้วยความรุนแรง ขนมาหมดทั้งสเปรย์พริกไทย แก๊สน้ำตา และกระสุนยาง
5. บรรดาผู้ชุมนุมประท้วงก็ไม่ยอม หนักสุดก่อนหน้านี้ก็มีถึงขั้นบุกเข้าสภานิติบัญญัติ ไปฉีดสีสเปรย์เป็นข้อความ "ไม่มีผู้ก่อจราจล มีแต่รัฐบาลที่ฉ้อฉลเท่านั้น" รวมถึงวางธงอาณานิคมอังกฤษบนบัลลังก์ประธานสภา ทำลายกล้องวงจรปิดต่างๆ นานา แต่ว่าในท้ายที่สุดแล้วตำรวจก็ยึดพื้นที่คืนมาได้สำเร็จอยู่ดี แต่ในค่ำคืนนั้นก็แลกมาด้วยผู้คนที่เบื้องต้นบาดเจ็บไปกว่า 50 คน
6. และเพราะการชุมนุมและการตอบโต้การชุมนุมมันเริ่มยกระดับขึ้น การประท้วงก็เริ่มเป็นไปในแนวทางยั่วยุเพื่อให้ตำรวจใช้กำลังปราบปราม หรือเปลี่ยนวิธีประท้วงเป็นแบบแมวไล่จับหนู เมี๊ยวๆ จี๊ดๆ กันไปมา แต่แน่นอนว่าการประท้วงแบบนี้ถึงจะพยายามประท้วงแบบสันติ แต่ก็ต้องมีผู้ประท้วงสุดโต่ง ซึ่งคนพวกนี้จะพุ่งเป้าไปที่การทำร้ายตำรวจและใช้อาวุธที่อันตรายมากขึ้นเพื่อทำให้รัฐบาลฮ่องกงเป็นอัมพาต อีกฝ่ายหนึ่งอยากตี อีกฝ่ายก็ไม่ยอมให้โดนตีฝ่ายเดียว สุดท้ายเลยเป็นอย่างที่เห็น
7. จนล่าสุดนี้อย่างที่บอกไปว่าการชุมนุมเข้าสู่สัปดาห์ที่ 10 แล้ว ตอนนี้เริ่มลามไปสู่การชุมนุมในสนามบิน โดยบรรดาผู้ชุมนุมบอกว่าอยากให้ชาวต่างชาติที่เข้ามาฮ่องกงได้เข้าใจสาเหตุที่ทำให้พวกเขาต้องออกมาประท้วง แต่หมีอยากจะบอกว่าฮ่องกงเนี่ยถือเป็นศูนย์กลางการบินสำคัญที่มีผู้โดยสารเข้าออกหนาแน่นมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยนะ พอเจอการชุมนุมในสนามบินแบบนี้แล้ว...แน่นอนว่าต้องส่งผลโดยรวมต่อฮ่องกงแบบหนักหน่วงไม่น้อย
8. อย่างการปิดสนามบินครั้งนี้ก็มีมากกว่า 300 เที่ยวบินที่ต้องยกเลิก แต่หลังจากนั้นไม่นานศาลก็มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวร่อนลงมาอย่างฉับไว เนื้อหาคือห้ามไม่ให้ผู้ประท้วงขัดขวางการใช้งานสนามบิน ดังนั้นเที่ยวบินเกือบทั้งหมดจึงเริ่มให้บริการได้แล้ว แต่หมีเข้าใจเลยว่าผู้ที่ใช้บริการก็คงใจตุ้มๆ ต่อมๆ อยู่ดี
9. ตอนนี้เองก็เริ่มลามปามไปเป็นระดับประเทศแถมกระทบหลายฝ่ายทั้งเรื่องการค้าและวงการบันเทิง แบรนด์ต่างชาติทั้งหลายในจีนตอนนี้ต้องระวังตัวแจเพราะดาราหลายคนออกมาถอนตัวจากการเป็น brand ambassador เพราะบางแบรนด์ไม่เคารพอธิปไตย แต่นอกนั้นที่แฟนคลับกำลังฮือฮาคือนักแสดงหลายคนเริ่มออกมารีโพสต์ข้อความแฝงนัยยะสนับสนุนการใช้กำลัง แต่แน่นอนว่าการทำแบบนี้เป็นไปสองทางคือถ้าไม่ใช่เพราะค่านิยมรักชาติ ก็เป็นเพราะคำสั่งต้นสังกัด เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะการทำแบบนี้ก็เพื่อให้ตัวเองได้อยู่รอดปลอดภัยในจีนไงล่ะ หลายคนอาจไม่รู้ แต่ว่าเบื้องหลังวงการบันเทิงจีนนั้นมีรัฐบาลหนุนหลังอยู่นะ เรียกว่าไปทางไหนก็ลำบากใจไม่น้อย หมีเองก็เห็นใจอยู่ เฮ้อ...
และนั่นก็เป็นการสรุปง่ายๆ สั้นๆ สำหรับใครที่อยากทำความเข้าใจเหตุผลของการประท้วงในครั้งนี้ แต่นอกจากนั้นก็ยังมีคำเตือนจากจีนแผ่นดินใหญ่มาด้วยว่า "อย่าเล่นกับไฟ" แถมยังออกปากเตือนรัฐบาลอังกฤษด้วยว่าอย่าเข้ามายุ่มย่ามกับการประท้วงในฮ่องกงเด็ดขาด!
ถึงแม้ตอนนี้ทางจีนจะยังไม่ได้เข้ามาจัดการโดยตรงแต่เราก็ไม่รู้เหมือนกันเนอะว่าการประท้วงครั้งนี้จะจบลงในรูปแบบไหน ที่สำคัญคือมันจะยืดเยื้อไปอีกนานเท่าไหร่ ยังไงก็คงต้องติดตามกันต่อไปแบบใกล้ชิดเลยครับผม