จากที่วันก่อนจั่วหัวไปว่า มีงาน TGIB (Thank God It’s Beer) แถวๆชิดลมเมื่อวันศุกร์ที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา บังเอิญแอดมินเสร็จธุระค่ำๆแถวนั้นพอดีเลยได้ไปงานเค้ามาด้วย
วันนี้ ‘ติดดอยคอยดื่ม’ ขออนุญาตพามาเที่ยวงานนี้กันนะครับ
งาน TGIB craft beer tasting เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล Coworking Carnival ซึ่งจัดโดย Draftboard Co-Working Space ซึ่งตั้งอยู่บนตึกอรกานต์ ชั้น 12A
ซึ่ง Co-Working Space ที่กำลังเป็นที่นิยมกันอยู่ตอนนี้
ถ้าให้อธิบายง่ายๆก็คือพื้นที่ทำงานที่คนสามารถมาใช้ร่วมกัน มีทั้งให้เช่าเป็นรายวันรายเดือน มีทั้งแบบโต๊ะรวม โต๊ะเดี่ยว โต๊ะกาแฟ โซฟา หรือ ห้องทำงาน
หากต้องการประชุมระดมสมอง หรือรับรองลูกค้า ก็มีห้องประชุมให้เช่าใช้งานเป็นครั้งคราวกันด้วย
ส่วนใหญ่ co-working space ก็จะมีบริการเครื่องดื่มร้อนเย็น (บางที่ก็รวมค่า soft drink ในค่าบริการแล้วนะ)
บางที่ก็มีแอลกอฮอล์เบาๆให้บริการด้วย (แบบเบาๆนะ เพราะมันยังเป็นที่ทำงานไม่ใช่บาร์) บางที่ให้บริการคอมพิวเตอร์, notebook, printer หรือแม้กระทั่ง plotter ที่ใช้พิมพ์กระดาษแผ่นใหญ่ๆก็มี
ในเมื่อมันมีการเก็บค่าเช่า Co-Working Space ก็เป็นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทนึงเหมือนกัน
ที่ใกล้เคียงที่สุด คงจะเป็นพื้นที่สำนักงานใหเช่า และที่สำคัญ เค้าว่า Co-Working Space กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่คน Generation หลังๆ และกลุ่มคนที่มีอาชีพอิสระ แต่ต้องการที่ทำงานเท่ๆ และเปลี่ยนสถานที่ไปมาได้บ่อยๆ และงานนี้ก็เป็น event นึงของ Co-Working Space ที่นี่
สำหรับ Draftboard นี่ ผมพึ่งเคยมาเป็นครั้งแรกครับ
เดินจาก bts ชิดลม เข้าถ.หลังสวน ย้อนขึ้นมาทาง ถ.เพชรบุรี ไม่ถึง 10 นาที กดลิฟต์ขึ้นมาชั้น 12A
กะคร่าวๆน่าจะมีพื้นที่ประมาณครึ่ง floor
พอเข้าไปในร้าน ก็มีน้องพนักงานมาดูแล ได้ความว่าวันนี้เป็นงานปิดมีค่าเข้า 350 บาท สามารถชิมเบียร์ได้ 10 ตัว
ซึ่งแต่ละตัวจะชิมได้แค่ปริมาณที่เค้าเทให้ (ไม่ถึงครึ่งแก้วพลาสติกดีเท่าไหร่) และก็มี snack พวกถั่วให้ทานด้วยฟรี
หากชอบตัวไหน ก็สามารถซื้อดื่มในงานหรือซื้อกลับบ้านก็ได้
พอซื้อตั๋วปุ๊ปเราจะได้การ์ดมาใบนึง ใบยาวๆขนาดน้องๆ boarding pass ไว้ใช้สำหรับติ๊กว่าเราชิมเบียร์อะไรไปแล้วบ้าง
เดินเข้ามาในงาน (ก็ใน co-working space นี่แหละ) รู้สึกประทับใจกับการตกแต่งพื้นที่ทำงานของที่นี่ ก็เลยขอเดินดูพื้นที่ทำงานก่อนเลย
พื้นที่ทำงานที่นี่สวยดีครับ มีโต๊ะพูลให้เล่นด้วยนะ
ใครผ่านมาแถวนี้ อยากหาที่ทำงาน/นั่งเล่น/เล่นคอม/ฆ่าเวลา/นั่งหลับ ก็ลองแวะเข้ามาดูได้
แอบถามราคามา เค้าบอกว่าเหมา 1 วันทำงาน เค้าคิดแค่ 250 บาทต่อคนเท่านั้นเอง
ราคานี้รวมเครื่องดื่มเบสิคๆอย่างชากาแฟด้วย
ในงานตอนนี้เค้า dim ไฟลงมาระดับนึง ให้เหมาะกับงาน party มีฝรั่งนั่งดูคอมพิวเตอร์อยู่ 2-3 คน
ส่วนแขกที่มาชิมเบียร์ก็ยืนคุยกันไปน่าจะมีสัก 30 คนได้ สงสัยผมคงมาดึกไปเค้าอาจจะกลับกันหมดละ
แต่คนที่เจอวันนั้นส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวหน้าตาดี ทำเอาพวกผมดู ‘อาวุโส’ ขึ้นมาเลยทีเดียว
มาลองชิมเบียร์กันดีกว่า
วันนี้เบียร์ที่มีในงานมาจาก 3 ค่ายครับ ได้แก่ Brewdog จาก Scotland /Eviltwin จาก New York, Modern Times จาก San Diego, California, แล้วก็ Hitachino จากญี่ปุ่น
ก็เลยมีโต๊ะลองชิมอยู่ 3 counter ทั้ง 3 โต๊ะ มาจากบริษัทผู้นำเข้าอย่างเป็นทางการครับ แต่ว่ามีเพียง Brewdog/Eviltwin เจ้าเดียวที่เอา tab beer มาให้ลองชิมกัน
ที่เหลือเป็นการรินจากกระป๋องหรือว่าจากขวด
ผมเริ่มลองชิมจาก Brewdog/Eviltwin ก่อน มีมาให้ชิม 3 ตัว คือ เรือธงของ Brewdog ก็คือ Punk IPA 5.6%, Eviltwin Citra Sunshine Slacker Session IPA 4.5%, แล้วตัวสุดท้าย Eviltwin Lil’B 11.5% (ทำเอามึนเลยน่ะตัวนี้)
สำหรับค่ายนกฮูกเอามาให้ชิม 3 ตัวครั บคือ Hitachino Red Rice, Weizen, แล้วก็ White Ale
ซึ่งทั้ง 3 ตัวผมว่าก็เป็นตัวเบสิค ที่นักดื่มน่าจะได้เคยลิ้มลองกันมาบ้างแล้ว
สำหรับค่ายสุดท้ายเอามา 4 ตัวครับ คือเบียร์ Modern Times 2 ตัวรุ่น Fortunate Island (Wheat) และ Blazing World (Amber) และ Zeffer อีก 2 ตัวคือ Hopped Up Pippin และ Red Apple Cider
จริงๆแล้วผมไม่ได้เป็นคอ Cider เลยครับ ถามได้ความมาว่ามันทำมาจากน้ำแอ๊ปเปิ้ลแท้ๆนะ น่าจะเจาะกลุ่มนักดื่มอีกแบบมากกว่า
วันนี้คงไม่ได้มาเจาะเบียร์เป็นรายตัว เนื่องจากชิมไปหลายตัวมาก
ยิ่งตัวหลังๆนี่ ก็เริ่มเมาจากตัวแรกๆไปแล้วด้วย
ขอพูดถึงงานโดยรวมละกัน ผมว่า Draftboard เค้าก็เข้าใจคิด
เพราะคนที่มา co-working space บางส่วนก็ต้องการมาเจอ connection ใหม่ๆ และเบียร์ก็เป็นสะพานเชื่อมที่ทำให้คนคุยกันได้ง่ายขึ้น
ในขณะเดียวกันกลุ่มผู้นำเข้า craft beer ก็อาจจะได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆด้วยเช่นกัน
น้องๆที่เข้าใจว่าเป็นพนักงานของ Draftboard ก็พยายามมาพูดคุยให้ข้อมูลดีครับ บรรยากาศในงานดูชิลมาก
เพลงที่เปิดก็เลือกมาดีเข้ากับงาน จริงๆเท่าที่ดู ยังรับคนได้มากกว่านี้นะ
แต่อาจจะเป็นเพราะว่ามันดึกแล้ว หรือไม่มีอะไรกิน (ผมก็ไม่ได้กินอะไรครับวันนั้น ตั้งใจจะไม่ซื้ออะไรกินด้วยแต่ไม่มีขาย เลยกินแต่ถั่วกับเบียร์ เมาไปเลย) หรืออาจะยังโปรโมตไม่ทั่วถึงก็เป็นได้
สำหรับผู้นำเข้าเบียร์ที่มาออกงานวันนั้นก็น่ารักดีครับ พูดคุยสนุก ให้ความรู้เรื่องเบียร์ได้ค่อนข้างดี
ผมติดแค่ 2 เรื่องคือ Hitachino ตอนท้ายๆ เบียร์บางตัวหมดเลยไม่ได้ชิม (จริงๆแล้วก็เคยกินแล้วทั้งนั้นนะ ยังจะเอามาบ่นอีก หึหึ)
ส่วนอีกเรื่องก็คือมี Cider ปนมา 2 ตัวใน list ด้วยซึ่งผมไม่ใช่แนว Cider เลยไม่ค่อยปลื้มเท่าไหรนัก
มีข้อดีอีกอย่างของการไปงาน beer tasting ที่ผมค้นพบในวันนั้น คือค่ายเบียร์ทุกค่าย เค้าเอาเบียร์ไปขายในงาน ทั้งแช่เย็นไว้ชิมในงาน หรือว่าเอากลับบ้านด้วย และเค้าขายในราคาพิเศษครับ
ขายถูกกว่าหน้าร้าน และถูกกว่าหน้า website เยอะพอสมควรเลยล่ะ
วันนั้นผมเลยได้หิ้วเบียร์แปลกๆของค่าย Eviltwin กลับบ้านไปหลายตัวเหมือนกัน เพราะส่วนใหญ่ผมไม่ได้เห็นเบียร์ฉลากแบบนี้ตาม super market ที่ซื้อๆเบียร์กันอยู่
สรุป สำหรับคอเบียร์แฟนติดดอยคอยดื่ม
ผมว่างาน beer tasting นี่ก็เป็นอะไรที่น่าไปสัมผัสเหมือนกันนะ
แต่งานนี้อาจจะเพราะผู้นำเข้า ไม่แน่ใจว่าแขกที่มาจะเป็นกลุ่มมือใหม่หรือว่ามือเก๋า
ก็เลยเอาเบียร์ระดับ basic มาให้ชิ มมากกว่าจะเป็นตัวอะไรแปลกใหม่ๆ
อย่างไรก็ดี ผมได้เบียร์ Eviltwin ตระกูล Femme Fatale กลับบ้านด้วย
ซึ่งคงจะเก็บไปชิมแล้วมาเล่าให้ฟังวันหลังกัน
ส่วนแฟนคอนโดติดดอยผมคิดว่า concept ของ co-working space นี่น่าสนใจนะครับ
อาจจะเป็นทางออกที่ดี ซึ่งให้ผลตอบแทนสูง ของการพัฒนาพื้นที่อสังหาฯในบางพื้นที่ที่เรายังนึกไม่ถึงก็เป็นได้
อย่างไรก็ดีผมคิดว่า co-working space นี่ก็ต้องการทั้ง theme และ know-how เฉพาะตัวพอสมควรเลยทีเดียว หรือถ้ามีใครร่ำรวยจากการทำ co-working แล้วก็มาเล่าสู่กันฟังในเพจก็ได้นะครับ
นึกถึงลงทุนคอนโด นึกถึงคอนโดติดดอย ^0^