10 ปี รถไฟฟ้ามาหานะเธอ และ การกลับมาเป็น "ลุง" อีกครั้งของ "เคน ธีรเดช"

10 ปี รถไฟฟ้ามาหานะเธอ และ การกลับมาเป็น "ลุง" อีกครั้งของ "เคน ธีรเดช"

Home   /   ติดดอยล้อมวงเล่า

โซน : 11 Dec 2019   17:39
 
        ปี 2019 ถือเป็นอีกปีที่การคมนาคมในกรุงเทพมหานครเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก ทั้งการมาของรถไฟฟ้า MRT ส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน ไปจนถึงรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวอ่อนที่กำลังจะเปิดให้บริการส่วนต่อขยายเพิ่มเติมในเดือนธันวาคมนี้
 
        แต่หากเราย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน หลายคนคงจำภาพยนตร์ไทยเรื่องหนึ่ง ที่มีฉากหลังเป็น "รถไฟฟ้า" กันได้ดี
 
        ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึงภาพยนตร์ที่ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ของประเทศไทยในขณะนั้นเลยก็ว่าได้ อย่างเรื่อง "รถไฟฟ้ามาหานะเธอ" หรือที่มีชื่อภาษาอังกฤษเท่ ๆ ว่า "Bangkok Traffic Love Story"
 
        แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยมาถึง 10 ปี แล้วแต่เราเชื่อว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังคงเป็นอีกเรื่องที่ยังตราตรึงใจผู้ชมมาถึงปัจจุบัน
 
        โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ เข้าฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2009 ผลงานการกำกับของ "ปิ๊ง อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม"
 
        รถไฟฟ้ามาหานะเธอ ภาพยนตร์ที่เปรียบเสมือนกระบอกเสียงจากสาวโสดกับการต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยวเหงาในช่วงวัยที่เรียกว่า "วัยทำงาน" นอกเหนือจากเนื้อเรื่องที่กินใจคนดูจนกวาดรายได้ไปมากถึง 145.82 ล้านบาท ขึ้นแท่นหนังที่ทำรายได้สูงสุดของ GTH (ในขณะนั้น) แล้ว
 
        องค์ประกอบที่ก่อให้เกิด "รถไฟฟ้ามาหานะเธอ" ยังลงตัวเหมือนส่วนผสมในอาหาร ที่ทำให้เกิดเป็นเมนูเด็ด ทั้งดนตรี ภาพ สถานที่ ไปจนถึง ตัวนักแสดง
 
 
        กรุงเทพฯ การเดินทาง และ ความรัก
 
        การเป็นคนตัวเล็ก ๆ ที่แสนธรรมดาในเมืองใหญ่ ๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ตัวละคร "เหมยลี่" (รับบทโดย คริส หอวัง) มาเป็นตัวเล่าเรื่องราวของสาวโสดวัย 30 ที่เติบโตมาในขนบธรรมเนียมแบบคนไทยเชื้อสายจีน กับการโดนปลูกฝังมาตั้งแต่เล็กจนโตว่า "เป็นผู้หญิงจีบผู้ชายก่อน มันน่าเกลียด"
 
        จุดเปลี่ยนของเหมยลี่ คือวันที่เพื่อนสนิทอย่าง "เป็ด" (รับบทโดย โอปอล์ ปาณิศรา) แต่งงาน ซึ่งเป็นวันเดียวกับวันที่เธอประสบอุบัติเหตุจากการ เมาแล้วขับ จนถูกพ่อยึดรถ และได้เจอวิศวกรหนุ่มหล่อ ที่มีชื่อแปลก ๆ อย่าง "ลุง" (รับบทโดย เคน ธีรเดช) สาวโสดวัย 30 อย่างเหมยลี่ จึงลุกขึ้นมาแหวกขนบธรรมเนียมเดิม แล้วเดินหน้าเพื่อความรัก ที่ครั้งนี้อาจจะเป็นสถานีสุดท้ายของเธอ
 
 
 
 
 
        ปรากฏการณ์ ตามรอยรถไฟฟ้าฯ เราจำได้ว่าในตอนนั้น ท้องฟ้าจำลองที่อยู่ติดกับ BTS สถานีเอกมัย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นกว่าเดิมหลังจากหนังเข้าฉาย ลามไปยังโลกออนไลน์อย่างเว็บไซต์ Pantip กับการตั้งกระทู้ตามรอยสถานที่ในเรื่อง จนเกิดกระแสเป็นวงกว้าง ทั้งวัดอรุณ พระที่นั่งอนันตสมาคม เยาวราช และ เกสต์เฮ้าส์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่พระเอกของเรื่องอาศัยอยู่ด้วย
 
 
 
 
        เสน่ห์ของเรื่องนี้คือนำเอาสถานการณ์ที่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวันของคนในเมืองหลวง อย่างการใช้รถไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง จนเรารู้สึกว่า รถไฟฟ้าคือตัวละครหลักด้วยเช่นกัน ในปีที่ภาพยนต์เข้าฉาย รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวเข้ม (สายสีลม) มีสถานีเริ่มต้นและสิ้นสุดแค่ สนามกีฬาฯ - วงเวียนใหญ่ แต่ในปัจจุบัน(ปี 2019) สายสีเขียวเข้มได้เพิ่มส่วนต่อขยายจากวงเวียนใหญ่มาอีกนั่นคือ โพธิ์นิมิต , ตลาดพลู , วุฒากาศ , บางหว้า
 
       ส่วนสายสีเขียวอ่อน (สายสุขุมวิท) ในปี 2009 ที่หนังเข้าฉาย มีสถานีเริ่มต้นและสิ้นสุดที่ หมอชิต-อ่อนนุช เท่านั้น แต่ในปัจจุบันมีสถานีเริ่มต้นและสิ้นสุดตั้งแต่ ห้าแยกลาดพร้าว-เคหะฯ แล้ว และวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา เปิดทดลองเพิ่มอีก 4 สถานี ต่อจากห้าแยกลาดพร้าว คือ พหลโยธิน 24 , รัชโยธิน , เสนานิคม และ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
      
        แต่ถ้าลุงและเหมยลี่ ไม่ได้เจอกันในปี 2009 แต่ มาเจอกันในปี 2019 ล่ะจะเกิดอะไรขึ้น?
 
        ในภาพยนตร์จะมีซีนที่เล่าถึงเรื่องความลำบากลำบนในการเดินทางของเหมยลี่ ที่ต้องผ่านทั้งการนั่งวินมอเตอร์ไซต์ นั่งแท็กซี่ นั่งเรือ นั่งรถสองแถว รวมไปถึงรถไฟฟ้า
 
        ถึงแม้ภาพยนตร์จะไม่ได้เฉลยว่า ออฟฟิศที่เหมยลี่ทำงานอยู่ส่วนไหนของ กทม. เรารู้กันแค่เพียงว่า เหมยลี่เดินทางหลายต่อหลายต่อเพื่อไปทำงานและกลับบ้าน
 
        จริง ๆ แล้วก็พอจะเข้าใจกระบวนการเล่าเรื่องของหนังแหละที่ถ้าหากเราอิงตามหลักความจริง มันอาจจะงง ๆ นิดหน่อยว่า เอ๊ะ!! เหมยลี่ทำงานที่ไหนกันแน่!!
 
        แต่อย่างที่เราบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า ช่วงนั้นหนังได้รับความนิยมจนกลายเป็นปรากฏการณ์ทั้งในโลกออนไลน์ และ สถานที่ต่าง ๆ ก็ได้รับความสนใจ ดังนั้นจากที่หาข้อมูลในพันทิป (จริงจังมาก) หลาย ๆ คนส่วนใหญ่เดาเป็นเสียงเดียวกันว่า ที่ทำงานของเธอนั้นน่าจะอยู่แถวบางกะปิ!!!
 
        ซึ่งเค้าก็คาดเดากันมาจากซีนในหนังนั่นแหละที่เล่าว่าเหมยลี่ต้องเดินทางจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้านด้วยเรือเร็วคลองแสนแสบไปลงที่ท่าเรืออโศกและนั่งวินมอเตอร์ไซต์เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าต่อที่ BTS สถานีอโศก(สายสีเขียวอ่อน สุขุมวิท) แล้วไปเปลี่ยนเส้นทางเพื่อไปสายสีลมที่สถานีสยาม และลงที่ BTS สถานีสะพานตากสิน(สายสีเขียวเข้ม สีลม) จากนั้นก็นั่งรถสองแถวแดงเพื่อกลับเข้าบ้านที่อยู่ในซอยเจริญกรุง 33/1 (มีซีนที่เห็นซอยบ้านเหมยลี่ปรากฎอยู่ในหนัง)!!
 
        ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อความเข้าใจ เราต้องบอกไว้ก่อนว่า โลเคชั่นที่ถ่ายทำจริง ๆ และ โลเคชั่นที่หนังเล่าออกมาเนี้ย มันคนละจุดกันนะ อย่างบ้านเหมยลี่ที่ในหนังบอกว่าอยู่ตรงซอยเจริญกรุง 33/1 จริง ๆ แล้วเค้ายกกองไปถ่ายทำกันแถว ๆ อิสรภาพโน่นแหนะ หรือจะเป็นซีนหลังจากเล่นน้ำสงกรานต์แล้วลุงเดินเข้าไปในซอย ซึ่งซอยที่ว่านั้นมันอยู่ตรงถนนจันทน์ช่วงซอย 35-45 แต่ความจริงแล้ว ถนนจันทน์ ไม่มีบ้านหลังไหนติดแม่น้ำเจ้าพระยาแบบบ้านของลุงเลย แต่กระทู้ตามรอยหนัง เค้าไปเจอบ้านของลุงเป็นเกสต์เฮ้าส์ติดแม่น้ำเจ้าพระยา แถว ๆ ถนนทรงวาด จ้าไม่ได้อยู่ถนนจันทน์แต่อย่างใด
 
         แต่เราจะขอยึดตามที่หนังเล่าแล้วกันนะ ว่าบ้านเหมยลี่อยู่ที่เจริญกรุง 33/1
 
  
(ข้อมูล และ รูปภาพจากเว็บไซต์ Puntip : แล้วทริปตามรอยหนัง "รถไฟฟ้ามาหานะเธอ" ก็สำเร็จ) 
 
 
 
 
 
        เมื่อเห็นถึงความยากลำบากในการเดินทางของเหมยลี่เมื่อ 10 ปี ก่อน ดังนั้นในปี 2019 นี้ เราจึงอยากลองหาเส้นทาง "พาเหมยลี่กลับบ้าน" ให้สะดวกยิ่งขึ้น ในปีนี้เหมยลี่จะขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้านทางไหนได้บ้างนะ?
 
        หลังจากเหมยลี่นั่งเรือมาลงที่ท่าเรืออโศกและนั่งวินถึง BTS สถานีอโศกแล้ว อย่าลืมว่าสถานีนี้เป็น Interchange เชื่อมกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินด้วยนั่นก็คือ MRT สุขุมวิทนั่นเอง
 
        เหมยลี่จึงสามารถกลับบ้านด้วยเส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT จากสถานี สุขุมวิท ได้ด้วย
 
        จากพิกัด บ้านเหมยลี่ที่อยู่ซอยเจริญกรุง 33/1 สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ใกล้ที่สุดคือ "สถานีหัวลำโพง" แต่ เหมยลี่ก็ยังไม่ถึงบ้านทันทีทันใดเช่นเดียวกันนะ เธอจะต้องต่อรถเพื่อเข้าไปในซอยบ้านเหมือนเดิม
 
        แต่ด้วยการมาของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินที่ในปี 2019 รถไฟฟ้า MRT ได้เปิดส่วนต่อขยายให้เรานั่งกันยาว ๆ จากเตาปูนไปจนถึงหลักสองโน่นน (ส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินจากหัวลำโพงคือ วัดมังกร , สามยอด , สนามไชย , อิสรภาพ , ท่าพระ , บางไผ่ , บางหว้า , เพชรเกษม 48 , ภาษีเจริญ , บางแค , หลักสอง)
 
        ดังนั้น เหมยลี่ สามารถลงที่สถานีวัดมังกร (ที่อยู่แถวเยาวราช) เพื่อหาอะไรกินหลังเลิกงานแล้วค่อยต่อรถสองแถวเข้าบ้านอีกทีก็ได้ เพราะระยะทางก็ไม่ได้ไกลจากหัวลำโพงมาก
 
        จะเห็นได้ว่า ถึงรถไฟฟ้ายังไม่ได้ช่วยให้เธอสะดวกมากว่าเดิมเท่าไหร่นัก เพราะยังคงต้องต่อรถสองแถวเพื่อเข้าบ้านอยู่ดี แต่ก็ถือว่าเหมยลี่มีเส้นทางให้เลือกมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเทียบกับเมื่อ 10 ปีก่อนนะ และที่สำคัญเหมยลี่อาจจะอ้วนขึ้นเพราะเดินทางจนเหนื่อย แล้วแวะหาของกินที่เยาวราชต่อ 55555
       
        และอีกหนึ่งตัวเลือกของเหมยลี่ ที่จะช่วยให้เธอเดินทางกลับบ้านได้ง่ายและรวดเร็วมากนั่นก็คือ Airport Rail Link
 
        ซึ่งอันนี้น่าจะสะดวกที่สุด เหมยลี่สามารถใช้บริการ Airport Rail Link ได้ทั้งสถานีหัวหมาก และ สถานีรามคำแหง (ไม่แน่ใจว่าที่ทำงานของเหมยลี่ใกล้สถานีไหนสุด) หากเหมยลี่จะใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT เพื่อเดินทางต่อก็สามารถลงที่สถานี "มักกะสัน" เพื่อต่อที่ MRT "เพชรบุรี" ได้ แต่ถ้าหากจะใช้รถไฟฟ้า BTS ก็นั่ง Airport Rail Link มาลงที่สถานี "พญาไท" เพื่อต่อที่ BTS สถานี "พญาไท"(ชื่อเดียวกับAirport Rail Link ) ได้เลย
 
        แถม ในอนาคตข้างหน้า เหมยลี่ยังสามารถใช้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ที่ในอนาคตจะมีสถานียาว ๆ ให้ได้นั่งจากที่ทำงานอย่างสถานี "บางกะปิ" นั่นเอง เหมยลี่จะไม่ต้องลำบากแล้วนะ!!
 
 
        กลับกัน ถ้าเป็นการเดินทางของลุงล่ะ?
 
        ออกตัวว่าเส้นทางที่เราจะพูดถึงนี้ ล้วนมาจากการคาดเดาจากคอหนังในโลกออนไลน์ จากการเห็นโลเคชั่นต่าง ๆ ที่ผ่านตาบนจอภาพยนตร์เท่านั้นเท่านั้น จากที่หาข้อมูลในพันทิป(เว็บเดิมเหมือนเคย) คอหนังเรื่องนี้เค้าบอกมาว่าที่พักของ"ลุง"นั้น ถ่ายทำที่เกสต์เฮ้าส์ของจริง ซึ่งมันอยู่แถว ๆ ถนนทรงวาด ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตามที่เราบอกไว้ด้านบนนั่นแหละ
 
        ในตัวหนังเนี้ย เราจะเห็นลุงขึ้นรถไฟฟ้าที่ BTS สถานีสะพานตากสิน (ที่เป็นสายสีเขียวเข้ม หรือ สายสีลมนั่นเอง) แล้ว เปลี่ยนเส้นทางไปสายสุขุมวิท(สายสีเขียวอ่อน) ที่สถานีสยาม เพื่อไปที่ สถานีหมอชิต โดยทำงานเป็น Trackwork Engineer หรือ วิศวกรระบบราง ในตอนกลางคืน
 
        แต่ในปี 2019 ถ้าลุงยังเป็น Trackwork Engineer ลุงยังคงต้องเดินทางด้วยวิธีนี้เช่นเดิม แต่!! ลุงอาจจะต้องมีงานเจียรางรถไฟฟ้าเพิ่ม เพราะรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้มได้เพิ่มส่วนต่อขยายมานั่นก็คือสถานีห้าแยกลาดพร้าว-เคหะฯ และลุงจะทำงานมากขึ้นไปอีกเพราะ มีอีก 4 สถานีเปิดใหม่เพิ่มเติม ถัดจากห้าแยกลาดพร้าวนั่นก็คือ สถานีพหลโยธิน34 สถานีรัชโยธิน สถานีเสนานิคม และสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรฯ
 
 
 
        แม้เส้นทางการพาเหมยลี่และลุงกลับบ้าน - ทำงาน ในปี 2019 จะยังแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากปี 2009 มากนัก แต่เส้นทางอื่นก็ถือว่าเจริญและเปิดใหม่มากขึ้นเยอะเลยทีเดียว สำหรับระบบคมนาคมในกรุงเทพมหานครของเรา โดยเฉพาะรถไฟฟ้า
 
        จึงพอสรุปได้ว่า แม้จะเปลี่ยนไทม์ไลน์หนังมาช่วงปี 2019 แทน พวกเขาทั้งสองก็ยังคงมีแนวโน้มที่จะได้เจอะเจอกันอยู่ดี ความเจริญไม่ได้นำพาเลย 5555
 
        ถึงภาพยนตร์เรื่องนี้จะผ่านไป 10 ปีแล้วก็ตาม แต่ก็ยังตราตรึงใจคนดู และ ยังเป็นปรากฏการณ์ในสังคมที่ยังคงสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
 
 
 
 
 
        เราหวนระลึกถึงภาพยนตร์รถไฟฟ้ามาหานะเธอ มาซะยืดยาว แต่อีกเรื่องที่เราอยากจะพูดถึงในวันนี้ นั่นคือการกลับมาเป็นลุงอีกครั้ง ของเคน ธีรเดช ในปี 2019
 
        ผ่านมาแล้ว 10 ปี เคน ธีรเดช กลับมาเป็นลุงอีกครั้ง ลุง ที่ไม่ได้เป็นชื่อ และ ไม่ใช่พี่ชายของพ่อหรือแม่ เมื่อเรื่องนี้ เคน รักเด็ก เคนจึงต้องเป็น ลุง นั่นเอง
 
 
        หลังจากที่รับบทลุงจากเรื่องรถไฟฟ้ามาหานะเธอ เมื่อ 10 ปีก่อน ครั้งนี้ เคน ธีรเดช ต้องมาเป็นลุงอีกครั้ง กับเรื่อง "ฮาร์ทบีท เสี่ยงนัก รักมั้ยลุง" ในเรื่องนี้พี่เคนของเรา รับบทเป็น "ชัย" ชายหนุ่มที่อยากออกจากโลกใบเดิมหลังจากสูญเสียความรักครั้งเก่า จนกระทั่งพบกับ "น้ำหวาน" (รับบทโดย พรอยมน มนสภรณ์) สาวน้อยต่างวัย ที่เปรียบเสมือนโลกใบใหม่ เข้ามาปั่นและป่วนหัวใจผู้ชายนิสัยลุง ๆ กับความรักครั้งนี้..ระวังหัวใจให้ดี อาจมีเต้นผิดจังหวะ หนังรักที่จะทำให้คุณกล้าเสี่ยงเพื่อคนที่คุณรัก ปลายปีนี้เตรียมเช็กสถานะหัวใจ พร้อม "เสี่ยง" ไปกับโลกใบใหม่ แม้ต่างวัยแต่หัวใจมันเรียกร้อง
 
 
 
 
 
        สถานีต่อไป ฮาร์ทบีท เสี่ยงนัก รักมั้ยลุง ท่านผู้โดยสารสามารถเปลี่ยนเส้นทางไปรับชมที่โรงภาพยนตร์ได้ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ค่ะ 
 
        ทันทีที่เราเห็นใบปิดภาพยนตร์เรื่อง ฮาร์ทบีท เสี่ยงนัก รักมั้ยลุง สารภาพตามตรงว่าอดที่จะคิดถึง "ลุง" อีกคน จากเรื่อง "รถไฟฟ้ามาหานะเธอ" ไม่ได้เลย
 
        10 ปีที่แล้ว เราเคยหลงรัก “ลุง” กันมาแล้ว ปีนี้ เราจะมาหลงรัก “ลุง” กันอีกครั้งหนึ่ง 
 
 
 
 
 
 
 
 

Tag :



ติดดอยแนะนำ

ติดดอยรีวิว

ทำไม "Supalai Premier สามเสน-ราชวัตร" ยังไงก็ขายหมด

เคยมีคนถามผมว่า "สมัยนี้ ยังสามารถสร้างคอนโดที่ไม่ใกล้รถไฟฟ้าได้ไหม?" ได้สิ เพราะแม้ว่าความใกล้ รถไฟฟ้า จะเป็น 1 ในปัจจัยหลักที่สำคัญมาก แต่มันก็ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ "ขาย" ได้อยู่อีก

หนึ่งในคอนโดที่ปล่อยเช่าดีมาก ตอนเช้าย้ายออก ตอนบ่ายย้ายเข้าเลย

จะมีคอนโดปล่อยเช่าอยู่อันนึง ที่แม้แต่ตอนโควิดก็ไม่มีผลอะไร มีคนเช่าตลอดๆ แทบไม่มีช่วงว่าง บางครั้งคือ คนเก่าย้ายออกตอนเช้า ตอนเย็นคนใหม่ใส่หน้ากากอนามัยขนของเข้าอยู่ต่อเลย

"Kave Wonderland" คอนโดแดนมหัศจรรย์ เพราะอยู่ที่นี่ก็เหมือนได้อยู่สวนสนุกทุกวันไปเลย!

หลังจากที่ผมถ่ายรูปห้องตัวอย่างใน Sales Gallery เสร็จ ผมก็หันไปบอกกับคุณบี ที่มาด้วยกัน เชื่อไหมว่า แป๊บๆ เดี๋ยวก็ Sold Out!!


ติดดอยโร้ดทู

“Lumpini SeaView Cha-am" คอนโดใหม่ใกล้หาดชะอำแค่ 200 เมตร!!!

หน้าร้อนซัมเมอร์มันก็ต้องคู่กับทะเล ผมฝันไว้เสมอนะว่าอยากมีคอนโดตากอากาศ แต่ปัญหาก็คือคอนโดติดทะเลส่วนใหญ่มีราคาแรงมาก

"KLOS Ramintra - Fashion" คอนโดที่มี Fashion Island เป็นเพื่อนบ้าน

หลังจากปล่อย "KLOS Ratchada" ไปไม่นาน "Frasers Property" ก็ได้ฤกษ์เตรียมผุดคอนโดแบรนด์ KLOS แห่งที่ 2 ต่อทันทีครับ

"MUSE สะพานใหม่" ลงจอยทำเลสุดฮอต จองที่ติดรถไฟฟ้า

นับตั้งแต่เมืองเริ่มขยายตัวออก พื้นที่ที่หลายคนเคยมองข้ามก็กลายเป็นว่าเริ่มเนื้อหอมขึ้นเรื่อยๆ


ติดดอยสไตล์

"Osaka Expo 2025" ตำนานบทใหม่ของญี่ปุ่น เปลี่ยนเกาะเทียมธรรมดาให้กลายเป็นเมืองขนาดย่อม

"Osaka Expo 2025" ตำนานบทใหม่ของญี่ปุ่น เปลี่ยนเกาะเทียมธรรมดาให้กลายเป็นเมืองขนาดย่อม

เปิดตัว "505 State Street" ตึกระฟ้าที่ใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนแห่งแรกใน New York

เทรนด์อาคารอนุรักษ์พลังงานยังคงมีมาให้เห็นกันเรื่อยๆ และล้ำหน้ามากขึ้นทุกวันๆ และหนึ่งในโปรเจ็คที่น่าตื่นตาตื่นใจและควรค่าให้หยิบมาพูดถึงกันในวันนี้คือ "505 State Street" ครับ

สัมผัสชีวิตเหนือระกับ ที่โครงการ "Amatara Residences Rayong" พูลวิลล่า สไตล์คอนโด วิวทะเล จาก Grande Asset

ในวินาทีที่ผมย่างเท้าเข้ามาชมห้องตัวอย่างของโครงการ "Amatara Residences Rayong" (อมาธารา เรสซิเดนเซส ระยอง) บอกตามตรงว่าแอบคิดลึกๆ ในใจว่า 'นี่มันอีกระดับของที่พักตากอากาศแล้ว'

ที่นี่ซาอุฯ!! "Gidori" โครงการ Golf Community สุดไฮเทค มาพร้อมอาคารทรงแปลกจาก NEOM

หลังจากสร้างเสียงฮือฮาแก่ชาวโลกจากโครงการ The Line เมืองภายใต้กำแพงยักษ์จากประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งโครงการนี้เป็นอยู่ภายใต้โครงการ Neom ซึ่งเป็นโครงการที่ทางซาอุฯ หมายมั่นให้เป็นเมืองใหม่ที่มาจากโลกอนาคตนั่นเอง แต่มันจะหยุดอยู่แค่ The Line ไม่ได้ครับ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งอนาคต ความล้ำจะต้องไปสุดกว่านี้ ล่าสุดทาง Neom ส่งอีก Golf Community มาเพิ่มอีก!!

มาแล้ว! สวนสนุก Dragon Ball แห่งแรกของโลก งานนี้การันตีใหญ่กว่าดิสนีย์แลนด์!

เรากำลังจะมีสวนสนุกธีม Dragon Ball แห่งแรกของโลกแล้วครับ! แถมยังการันตีว่าใหญ่กว่าดิสนีย์แลนด์ด้วย!

ร้อนนี้แวะมาดับร้อนกับเครื่องดื่มจาก คริสปี้ ครีม กับ THAI SELECTION PERFECT TOGETHER ฟินแบบไทยๆ กับรสชาติที่เราคุ้นเคย

ร้อนๆ แบบนี้ ถ้าได้เครื่องดื่มเย็นๆ สักแก้วดับร้อนนี่บอกเลยว่าสดชื่นมากกกกก ยิ่งถ้าได้เครื่องดื่มสไตล์ไทยๆ นี่แหละตอบโจทย์เลย!!!!


© 2018 CONDOTIDDOI

ME ESTATE CO.,LTD
92/21 HOLLYWOOD STREET CENTER
PHAYATHAI RD. RACHATEVEE
BANGKOK 10400 THAILAND

02-656-6776
condotiddoi@gmail.com

CONTACT US

CONDOTIDDOI

CONDOTIDDOI

CONDOTIDDOI

085-546-4694

info.condotiddoi@gmail.com

Copyright www.condotiddoi.com © 2018
web design & programming by www.smilephp.com