เมื่อหลายวันก่อนพูดถึงเสี่ยตันแห่ง “อิชิตัน” ไปนิดหน่อย
เกี่ยวกับคอนโดที่แกเอามาเล่น “การตลาด” ในปีนี้
ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีทีเดียวครับ
คนเข้ามาอ่านเยอะจนติดอันดับใน TOP VIEW ของเวบไซต์ผมไปซะแล้ว
ใครที่ยังไม่ได้อ่าน แล้วอยากอ่าน
นึกไปนึกมา....
ผมคิดว่าประวัติชีวิตของแก ก็เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์พอสมควรเลยนะ
ผมขอตัดเรื่องที่คนวิจารณ์สิ่งที่แกทำ หลังจากขายโออิชิก่อนแล้วกัน (บางคนก็ชอบ บางคนก็เกลียด อันนี้ขอไม่แสดงความคิดเห็น)
ผมว่าวิธีคิดของแกน่าสนใจนะ
หลังจากที่ได้ลืมตาอ้าปากจากการขายหนังสือพิมพ์ที่ชลบุรีแล้ว
ชีวิตของแกกับอสังหาริมทรัพย์ ก็ได้เริ่มต้นขึ้นจากการ “ซื้อ-ขายใบจอง” นั่นล่ะครับ
แกเล่าว่า
ในช่วงนั้นเป็นช่วงฟองสบู่ของจริง “ยุคน้าชาติ (พลเอกชาติชาย ชุณหวรรณ)”
มีคำกล่าวกันว่า “ใครตื่นเช้าได้ห้าหมื่น”
สมัยนั้น ถือว่า ได้เยอะเลยนะครับ
แค่คุณไปยืนต่อคิวจองบ้านตั้งแต่ตีห้า กลางวันก็ขายได้แล้วกำไรห้าหมื่นบาท
แหม่ คุ้นๆ กับบางโครงการในช่วงหลายปีนี้เลยนะครับ ฮ่าฮ่าฮ่า
แต่ในช่วงนั้นมันน่ากลัวกว่าเดี๋ยวนี้มาก
เพราะไม่ว่าจะโครงการไหนก็ขายได้ทั้งหมด
ไม่ต้องดูว่าทำเลเป็นอย่างไร ผู้ประกอบการเป็นใคร
สมัยนั้นไม่มี สคบ.มาควบคุมนะครับ
ความหมายก็คือ
ถ้าใครจ่ายเงินจองคอนโดหรือบ้านไปแล้ว ถ้าดีเวลลอปเปอร์สร้างไม่ได้ ก็ไม่สามารถไปฟ้องได้ง่ายดายเหมือนสมัยนี้
โดนเชิดเอาได้ง่ายๆ เลย
คุณตันเล่าว่าแกจองเยอะมาก
จนกระทั่งฟองสบู่แตกมีใบจองเหลือถือเต็มมือไปหมด ต้องตัดขาดทุนกันกระจาย
แกเจ็บหนักมาก แต่กลับบอกว่า
“ผมไม่ได้เจ๊งเพราะอสังหาฯ แต่ผมเจ๊งเพราะความโลภ”
แกคิดว่าวันหนึ่ง จะต้องกลับมาเล่นอสังหาฯ อีกครั้งให้ได้
หลังจากนั้น แกก็ไปเริ่มใหม่กับธุรกิจถ่ายภาพแต่งงาน และโด่งดังที่สุดกับ “โออิชิ”
วันที่แกขายหุ้นโออิชิให้กับเสี่ยเจริญ แกได้เงินสดมา 3 พันล้านบาท
แกเล่าว่า แกแบ่งครึ่งกับเมียคนละ 1,500 ล้าน
แต่แกเอาเงินเกือบทั้งหมดไปซื้อที่ดิน “แถวเพลินจิต” อันโด่งดังนั่นเอง
แกบอกในวันนั้นว่า ตอนนี้ผมจนกว่าเมีย เพราะเมียยังไม่ได้ใช้เงินเลย แต่แกใช้ไปเกือบหมด
แต่ในอนาคต ผมจะรวยกว่าเมียแน่นอน เพราะที่ดินตรงนี้ มันมีแต่มูลค่าจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
ตอนนั้นแกวาดฝันจะทำตึกสูง 50 กว่าชั้น ลักษณะเป็น “มิกซ์ยูส”
สุดท้ายก็อย่างที่รู้กัน แกไม่ได้ทำแบบนั้น
แล้วแกก็รวยกว่าเมียจริงๆนะครับ เพราะขายที่นั้นไป ได้กำไรมากทีเดียว
ผมมานั่งนึกๆ ว่า
หรือการวาดฝันอาคาร 50 ชั้น ก็เป็น “การตลาด” ของแกในการขายที่เช่นกัน ฮ่าฮ่าฮ่า
หลังจากนั้น แกก็ไม่ได้ละทิ้งเรื่องอสังหาฯไปซะทีเดียว
ที่ดินผืนใหญ่ที่ลพบุรี ถูกเนรมิตเป็น “ตลาดนัด-มังกี้โลตัส”
ได้ข่าวว่าทำให้แถวนั้นคึกคักไม่น้อยเลยล่ะ
ที่เชียงใหม่ก็มี
โครงการ “Think Park” บนถนนนิมมานฯ ที่เชียงใหม่ ที่ตอนนี้มีโรงแรม "Eistin ตัน เชียงใหม่" มาอยู่ด้วยเรียบร้อย
เชื่อว่าหลายคนที่ไปเที่ยวเชียงใหม่ คงได้เคยแวะไปเดินเล่นกันมาบ้างแล้ว
(ATARA HOTEL SRIRACHA)
ส่วนที่ชลบุรี ศรีราชา ถิ่นเก่าของแก ก็มีโครงการจะพัฒนาออกมาหลายแบบ ทั้งคอนโด , โรงแรม , Mall
มีประเด็นที่น่าสนใจคือ ที่ดินที่แกเคยวางแผนไว้ว่าจะทำ Mixed-use ที่มี Mall คอนโด และโรงแรม
เป็นที่ดินตรงใจกลางศรีราชาเลย
แกขายไปได้แล้วครับ
โดยมีข่าวมาดีดติ่งหูว่า ทำกำไรไป 20-30%!!!
ซื้อมาถึงปีหรือเปล่า.. ผมยังไม่แน่ใจเลยครับ 555
ซึ่งคนที่ซื้อไป ก็นำมาพัฒนาต่อในเชิงเดียวกัน ATARA HOTEL SRIRACHA นั่นเองครับ
เป็นผม ผมก็ขายนะ 555
นอกจากที่นี่แล้ว ยังมีโครงการสร้างคอนโดริมทะเลที่ศรีราชาด้วย
ตอนนั้นผมจำได้ว่า แกบอกว่าแกจะทำเป็นสไตล์ คอนโดเทล
คือนอกจากขายแล้ว ก็ยังจะรับบริหารให้ด้วยแบบโรงแรม
แต่ไม่แน่ใจว่า เปลี่ยนแนวหรือยังนะครับ 555
หลังจากที่แกได้ตัดสินใจว่าจะทำโครงการที่ "ศรีราชา"
ผมเห็นข่าวแกไปเดินแจกไอโฟนให้คนที่นั่นเลย
แหม การตลาดของแกนี่ สุดจริงๆ!!!
ทุกที่ที่ผมยกตัวอย่างขึ้นมา
ต่างก็บอกถึงความสนใจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของคุณตัน
ล่าสุดที่ผมได้ไปถ่ายรูปโครงการ T1 ตรงแถวย่านทองหล่อมาให้ดูนั้น
ก็ยืนยันได้ว่า ตอนนี้แกเริ่มกลับเข้าเมืองแล้ว
ผมไม่รู้ว่าในอนาคต แกคิดจะสร้างคอนโดขายซะเลยหรือเปล่า
แต่ถ้าทำจริง ก็น่าจับตาดูเจ้าพ่อการตลาดคนนี้เช่นกัน
ว่าจะลงมาแข่งกับเสือสิงห์กระทิงแรดในตลาดนี้อย่างไร
จะชอบจะเกลียดอย่างไร ก็น่าจับตาสิ่งที่ผู้ชายคนนี้จะทำจริงๆ
ถ้าพวกคุณอ่านมาถึงบรรทัดนี้แล้ว
ได้เห็นหลักการอะไรหรือเปล่าครับ ?
หลักการของคุณตันที่ผมเห็นก็คือ
การซื้อที่ดินของคุณตัน แกจะวาดฝันวางแพลนไว้แล้ว ว่าจะพัฒนาเป็นอะไร
ไม่ใช่เป็นการซื้อมาดอง เพื่อเก็งกำไร
เป็นการวางแผนระยะยาว ไว้เรียบร้อยแล้ว
แต่ถ้าในระหว่างทาง จะมีคนมาซื้อต่อ
ก็ขายนะ.. ไม่ได้ปิดกั้น
แต่ต้องได้กำไรตามที่พอใจ ถึงจะขาย ก็เท่านั้นเอง
หลักการนี้ สามารถนำมาปรับใช้กับการเล่นคอนโดในสมัยนี้ได้ด้วยนะครับ
มันก็จะมาพ้องกับหลักที่ผมได้ย้ำมาเสมอว่า
"ถ้าเราวางแผนลงทุนแบบระยะยาวแต่แรกแล้ว เราจะไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขายถูกๆ เหมือนคนที่เล่นแบบสั้น"
"เราจะสามารถขายในราคาที่เราพอใจได้"
"แล้วถ้าอสังหาที่คุณเลือก มันเป็นสิ่งที่ใช่ รับรองว่า คุณจะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำแน่นอนครับ"
ก็เหมือนกับที่เฮียตันได้ทำมาให้เห็น อย่างที่ "เพลินจิต" และ "ศรีราชา" นั่นแหละครับ...
โดยเฉพาะ ยิ่งถ้าคุณเป็นมือใหม่ ยิ่งควรวางแผนแบบระยะยาวเลยครับ
ไว้ถ้าเชี่ยวชาญเมื่อไร ถึงตอนนั้นค่อยหันมาเล่นสั้นบ้าง ก็ไม่เสียหายครับ
นึกถึงลงทุนคอนโด นึกถึงคอนโดติดดอย ^0^