ล่วงเข้าปีใหม่มาได้แค่ไม่กี่วัน โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ทำให้โลกอ้าปากหวอหลังจากพี่แกไฟเขียว ให้ทางสหรัฐฯ ใช้โดรนสังหาร พล.ต. กัสเซม โซเลมานี นับเป็นชนวนที่ทำให้ความตึงเครียดโซนตะวันออกกลางนั้น ตู้มมมมมม กลายเป็นโกโกครันช์ในเวลาต่อมา
เท้าความก่อนว่าโซเลมานีคนที่ทรัมป์เพิ่งสั่งสังหารไปเนี่ยนับได้ว่าเป็นผู้บัญชาการกองกำลังกุดส์ และนายพลเบอร์สองของกองทัพอิหร่านเลยนะ แน่นอนว่ายศใหญ่และมีความสำคัญมากขนาดนี้ทางอิหร่านมีหรือจะยอม หึๆ งานนี้แตกเป็นแตกอ่ะเด้!
จากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านที่เริ่มต้นจากการเสียชีวิตของ พล.ต. กัสเซม โซเลมานี เมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมานี้เอง ทำให้พื้นที่แถบตะวันออกกลางเกิดความตึงเครียดตึงเปรี๊ยะชนิดที่ทำเอาหลายคนแอบหวั่นใจว่าเหตุการณ์จะลุกลามเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือเปล่า
แม้ว่านักวิแคะทั้งหลายเค้าจะแคะกันว่าแนวโน้มการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 นั้นเป็นไปได้น้อยมาก เพราะหนึ่งในเงื่อนไขของการเกิดสงครามโลกนั้นจะต้องมี "ชาติพันธมิตร" ด้วย
ซึ่งประเทศมหาอำนาจทั้งหลายยังไม่ได้แสดงออกว่าเลือกข้างแต่ขอเลือกความสงบสุข ดังนั้นเค้าเลยมองกันว่า การตอบโต้ของอิหร่านเนี่ยน่าจะจำกัดขอบอยู่เฉพาะในฐานทัพของสหรัฐฯ ในต่างประเทศ ไม่ก็กลายเป็นลักษณะของสงครามตัวแทนเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้นถามว่าตึงเครียดมั้ย ก็ต้องยอมรับว่าตึงเครียด เพราะจนถึงวันนี้เราก็ยังได้ยินข่าวเรื่องการยิงนั่นโยนนี่ใส่กันระหว่างสองชาตินี้ตลอด
โชคดีหน่อยที่ตอนนี้ทรัมป์แกออกมาส่งสัญญาณแล้วว่า จะยังไม่ใช้กำลังทหารตอบโต้อิหร่านจากกรณียิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพในอิรัก ทำให้หลายฝ่ายพอจะหายใจหายคอกันออกนิดหน่อย
แต่แน่นอนว่าความตึงของความขัดแย้งก็ยังลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ พี่ไทยเองก็ได้รับผลกระทบไปด้วยจากเศรษฐกิจโลก จากที่ปีนี้มีแววส่อเค้าอยู่แล้วว่าเศรษฐกิจน่าจะย่ำแย่ (แม้ไม่เท่าปี 40 แต่ก็ยังนับว่าแย่อยู่ดี) พอมีเรื่องความตึงเครียดของสองชาติมายำกันตั้งแต่ต้นปีแบบนี้ นักธุรกิจและนักลงทุนทั้งหลายเลยต้องจับตามองเป็นพิเศษ
ว่าแต่จะมีด้านไหนบ้างล่ะที่กระทบกับประเทศเรา เดี๋ยวหมีขอสรุปคร่าวๆ ให้ฟังกันไปทีละเรื่องเพื่อเตรียมรับมือกันดีกว่า
ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
ความจริงแล้วสองประเทศนี้เขาก็ฮึ่มฮั่มกันมานานแล้ว เพียงแต่ไม่ได้กระทบต่อเศรษฐกิจโลกเท่าครั้งนี้
ทีนี้พอเค้าประกาศตอบโต้กัน ราคาน้ำมันดิบโลกเลยพุ่งสูงขึ้นพรวดพราด ก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ก็พุ่งขึ้นเสีย 5% แตะระดับ 71.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่งจะลดมาที่ระดับ 68.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อไม่กี่วันนี้เอง
ถ้าสถานการณ์ยังสงบก็ไม่น่าห่วงอะไรมาก แต่ถ้ากลับมาโช้งเช้งอีกแล้วราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเนี่ย ทางนักวิเคราะห์เค้าก็มองว่าราคาน้ำมันในไทยมีสิทธิ์ปรับตัวสูงขึ้น 5-10 บาทต่อลิตรเลยจ้า หนาวๆ ไปเลยยย
ราคาทองปรับตัวสูงขึ้น
ใครตามติดราคาทองอยู่น่าจะเริ่มเห็นแล้วว่าตอนนี้ราคาทองไม่ใช่ว่าจะสาละวันเตี้ยลงๆ มีแต่จะขยับตัวสูงขึ้นๆ
อย่างเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมานี้ ราคาทองคำโลกพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 1,610 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหมีจะกระซิบบอกกันว่าตัวเลขที่ว่านี้ถือว่าแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปีเลยนะ!
ยิ่งไปกว่านั้นคือสถานการณ์ตึงเครียดครั้งนี้ยังไง๊ยังไงก็ดูไม่น่าจะจบได้ภายในระยะเวลาเร็วๆ นี้แน่นอน เพราะงี้เองราคาทองมันเลยไม่เป็นไปตามกลไกตลาด พอมาป๊ะกันกับสถานการณ์เศรษฐกิจไทยที่ก็...เอ่อ...ค่อนข้างชะลอตัวแล้วเนี่ย ตลาดทองมันเลยไม่ค่อยจะคึกคักสักเท่าไร
หุ้นตก
แม้สองอย่างแรกจะพุ่งเอาๆ แต่หุ้นของเราดันไม่พุ่งตาม เพราะรายนี้แน่นอนว่าต้องเข้าข่ายสาละวันเตี้ยลงๆ ภาษาในวงการก็คงประมาณว่า "แดงยกแผง" นั่นแหละ
หลังจากที่ทางฝั่งสหรัฐฯ กับอิหร่านเค้าตอบโต้ไปมาเหมือนตีปิงปอง ประเทศรอบข้างก็ได้แต่มองไปซ้ายทีขวาที อะไรๆ ก็ไม่แน่นอน นักลงทุนทั้งหลายเลยเทขายหุ้นกันหมด ตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายปรับตัวลดลง 25.96 จุุด หนักกว่าภูมิภาค แดงเดือดรับปีใหม่เลยทีเดียว
แต่ก็นับว่ายังได้รับอานิสงค์จากการประกาศของทรัมป์ว่าพี่แกจะยังไม่ตอบโต้อิหร่าน หุ้นไทยเลยเด้งบวก ฟื้นตัวขึ้นมาได้อีกนิด ปิดตลาดภาคบ่ายของวันที่ 9 มกราเพิ่มขึ้น 10.63 จุด นักลงทุนสามารถวางใจได้นิดหน่อย
หลักๆ แล้วผลกระทบที่พี่ไทยจะโดนนั้นคร่าวๆ ก็ประมาณนี้ ตราบใดที่ทั้งสองประเทศยังไม่สามารถเรียกว่า "สงบ" ได้เต็มปากแล้วล่ะก็ ทั้งราคาน้ำมัน ราคาทอง หรือหุ้น ก็คงจะผันผวนอยู่อย่างนี้ ขึ้นๆ ลงๆ ไปเรื่อยเหมือนเรือน้อยในมหาสมุทรใหญ่
แต่สำหรับสัปดาห์นี้นักลงทุนทั้งหลายวางใจได้ว่าคงไม่มีปัญหาอะไรมาตู้มๆ บู้มๆ กันแน่ เพราะทรัมป์เองก็แม้จะทวิตข้อความชวนให้อีกฝ่ายมีน้ำโหอยู่หลายครั้ง แต่ที่ออกมาประกาศว่าจะยังไม่โต้ตอบทางการทหารกับอิหร่านนั้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพี่แกคงจะโดนรอบด้าน "เบรค" มาไม่น้อย
ด้านอิหร่านเองก็คงยังไม่อยากจะแหย่ให้อีกฝ่ายตอบโต้กลับด้วยเหมือนกัน เพราะงั้นช่วงนี้จึงน่าจะวางใจได้ ตลาดผ่อนคลาย ให้นักลงทุนหายใจหายคอได้โล่งไปอีกพักหนึ่ง